แนะนำทริคปราบบอสใน Hard Mode ของเกม FF7 Remake

เพื่อน ๆ สามารถอ่านบทความนี้ควบคู่กับบทความแนะนำทริคที่จำเป็นในการลุย Hard Mode ของเกม FF7 Remake ที่ลิงค์ https://www.online-station.net/pc-console-game/view/163072 ครับ

บทความนี้จะเป็นการแนะนำทริคปราบบอสแต่ละตัวใน Hard Mode ของเกม FF7 Remake สำหรับผู้ที่ต้องการเก็บแพลตินัมโทรฟี่ หรือผู้ที่อยากหาความท้าทายเพิ่มเติมครับ ว่าแล้วมาชมกันเลยดีกว่า

Scorpion Sentinel (Chapter 1)

ติด Lightning Materia กับ Elemental Mataria ไว้ที่อาวุธของคลาวด์กับบาร์เร็ต เพื่อให้โจมตีแรงขึ้นและเร่งเกจ Stagger ให้เต็มไวขึ้น โดยนอกจากนี้ให้ทั้งคู่ติด Prayer Materia สำหรับฮีลให้กันและกัน และอาจจะติด Healing Materia คู่กับ Magnify Materia ไว้ที่คลาวด์เป็นแผนฟื้น HP สำรองด้วยอีกทางหนึ่ง (ที่ให้ติดกับคลาวด์ เพราะคลาวด์มี MP พื้นฐานที่มากกว่าบาร์เร็ต)

ท่าโจมตีหลักของคลาวด์ให้เน้นใช้ Triple Slash เพราะมีรัศมีโจมตีที่กว้าง ฟันกวาดทีเดียวโดนทั้งลำตัวและขา แถมมีความแรงอยู่ในเกณฑ์ดีด้วย ส่วนบาร์เร็ตให้เน้นเลี้ยงเกจ ATB ไว้สำหรับใช้ท่า Pray ในยามฉุกเฉิน พยายามอย่าปล่อยให้ HP ของทั้งคู่เหลือต่ำกว่าครึ่ง ควรรีบฟื้นเลือดให้ไว ก่อนที่บอสจะปล่อยท่าแรง ๆ มาอีก

กรณีคนที่ชอบเล่นสไตล์เน้นชัวร์ ไม่เน้นรุกเต็มสูบ อาจเปลี่ยนมาติด Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia กับเครื่องป้องกันแทน เอาไว้ดูด HP เวลาบอสใช้ท่าปล่อยกระแสไฟฟ้าบนพื้น (Elemental Materia ต้องอัพเป็นเลเวล 3 เสียก่อนจึงจะดูด HP ได้) เพื่อประหยัดเกจ ATB ไว้ใช้ท่าโจมตีบ้าง แล้วแต่ถนัด

Roche (Chapter 4)

พระเอกของบอสไฟต์นี้คือการใส่ Fire Materia คู่กับ Elemental Materia ไว้ที่อาวุธของคลาวด์ แล้วใช้ท่า Counterstance ที่สามารถเรียนได้จากดาบ Twin Stinger คอยสวนไปเรื่อย ๆ โดยให้เรากดใช้ท่า Counterstance ตรงหน้า Roche แบบจ่อ ๆ เลย พอมันจะฟันเรา ก็จะโดนเคาท์เตอร์กลับไปแรงมาก (การสวนโดยท่า Counterstance จะมีความแรงกว่าการกดป้องกันค้างไว้ขณะอยู่ในโหมด Punisher) ซึ่ง Counterstance ยังสามารถเคาท์เตอร์เวทมนตร์ไฟของ Roche ได้ด้วยหากเรายืนประชิดกับ Roche

นอกจากนั้นให้คอยหลบท่าอื่น ๆ ของ Roche เอา โดยเฉพาะท่าที่มันกระโดดลงมาฟาด 2-3 ทีติดกัน ให้ใช้การดักจังหวะกลิ้งหลบ

Crab Warden (Chapter 5)

ใส่ Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia ให้กับคลาวด์และทิฟา โดยให้คลาวด์เน้นใช้ท่า Triple Slash และทิฟาใช้ท่า Starshower จะทำความเสียหายให้บอสได้เกือบทุกส่วนในคราวเดียว (การทำลายชิ้นส่วนของมันจะเพิ่มเกจ Stagger ได้มาก) ทั้งนี้ ระหว่างสู้กับบอสทุกตัวควรมีการหมุนเวียนเปลี่ยนตัวละครที่บังคับเป็นระยะ เพราะศัตรูในเกมนี้จะเน้นอัดตัวละครที่เราบังคับอยู่เป็นหลัก เมื่อเห็นมันตั้งท่าจะเล่นงานเรา ก็ให้เปลี่ยนไปบังคับคนอื่นในปาร์ตี้แทน แล้วเร่งปั่นเกจ ATB เพื่อเก็บไว้ใช้ท่า Pray หรือใช้สกิลโจมตีก็อยู่ที่ดุลยพินิจเลย (ถ้าปล่อยให้ AI โจมตีของมันเอง ATB จะขึ้นช้ามาก)

เช่นเดียวกับบอส Scorpion Sentinel ถ้าใครถนัดเล่นแบบสโลว์ไลฟ์ อาจโยก Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia กับเครื่องป้องกันแทน เผื่อไว้ตอนเจอท่าปล่อยไฟฟ้าทั่วพื้น ก็จะเป็นการฟื้นพลังเราแทน

Airbuster (Chapter 7)

ช่วงก่อนที่เราจะสู้กับ Airbuster จะมีช่วงที่เราต้องใช้คีย์การ์ด 6 อันในการเลือก “ตัดกำลัง” ความสามารถของมัน ซึ่งคีย์การ์ดอันแรกนั้น เกมจะบังคับให้เราเลือกถอด M-Unit ของบอสออก 1 ชิ้น ส่วนอีก 5 คีย์การ์ดที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเลือกปลดอะไร ถ้าเลือกปลด AI Core จะส่งผลให้บอสเคลื่อนที่ช้าลง และลดความถี่ในการใช้ท่ายิงเลเซอร์จากนิ้วมือ (ท่านี้จะทำให้ตัวละครของเราติด Stun) หรือถ้าเราเลือกปลด Big Bomber ก็จะไปลดจำนวนลูกระเบิดที่มาจากท่าไม้ตายใหญ่ของมัน (ท่านี้แรงกว่าเลเซอร์นิ้วมือหลายเท่า และอาจตายแบบยกปาร์ตี้ถ้าหลบไม่พ้น)

ในที่นี้แนะนำให้เลือกปลด AI Core ออก 3 ชิ้น และ Big Bomber ออก 2 ชิ้น โดยเมื่อทำแบบนี้แล้วบอสจะเหลือ AI Core และ Big Bomber แค่อย่างละชิ้น ซึ่งส่งผลให้ขีดความสามารถของบอสถูกลดทอนลงไปมาก

ใส่ Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia ให้กับคลาวด์และบาร์เร็ต เนื่องจากในช่วงครึ่งหลังของการต่อสู้ บอสจะบินออกห่างเรา ทำให้คนที่โจมตีมันตอนอยู่ระยะไกลได้มีเพียงบาร์เร็ตเท่านั้น และคอยเลี้ยงเกจ ATB ของคลาวด์กับทิฟาตอนที่บอสอยู่ไกลเอาไว้ เผื่อใช้ Pray ฟื้นพลังหลังจากบอสใช้ท่าใหญ่ใส่เรา

Reno (Chapter 8)

การรับมือกับ Reno จะมีจุดแตกต่างจากตอนสู้ Roche เล็กน้อย นั่นคือ Reno ไม่แพ้ธาตุใด ๆ เลย แต่การโจมตีส่วนใหญ่ของ Reno เป็นธาตุสายฟ้า เท่ากับว่าเราควรต้องใส่ Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia กับเครื่องป้องกัน แล้วใช้แผนรอเคาท์เตอร์ด้วยสกิล Counterstance เอา ทุกครั้งที่ Reno ตีเราด้วยกระบอง หรือใช้ระเบิดไฟฟ้าใส่เรา หาก Elemental Materia ของเราเลเวลเต็ม ก็จะกลายเป็นฟื้น HP ให้เราแทน

Rude (Chapter 8)

ใส่ Wind Materia คู่กับ Elemental Materia ที่อาวุธของคลาวด์ (Rude แพ้ธาตุลม) แล้วใช้ท่า Counterstance ดักสวนเอา กรณีของ Rude นั้นเราไม่จำเป็นต้องประหยัด MP ของคลาวด์ก็ได้หากอยากยิงเวทมนตร์ Aeroga ใส่มันเพิ่มเพื่อให้ชนะเร็ว ๆ เพราะ Rude เป็นบอสตัวสุดท้ายก่อนจบ Chapter 8 แล้วนั่นเอง

Hell House (Chapter 9)

ความน่าปวดหัวของบอสตัวนี้คือมันจะเปลี่ยนจุดอ่อนไปเรื่อย ๆ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาคืออย่าไปบ้าจี้ตามอัดด้วยธาตุที่มันแพ้ทางครับ แต่ให้คลาวด์เน้นอัดด้วยท่า Blade Burst แทน โดยท่านี้จะตีมันเข้าทีละประมาณ 900-1,100 ซึ่งแรงกว่าท่า Triple Slash พอสมควรเลย (แถมใช้ 1 ATB เท่ากันด้วย) ในขณะที่แอริธก็ให้ใช้ท่า Fleeting Familiar เรียกภูตออกมาช่วยยิงเวทสนับสนุนอีกแรง แล้วคอยใช้ Pray เพื่อฮีลกลุ่ม (แอริธจะฮีลด้วย Pray ค่อนข้างแรง ทีละ 3,500-4,200 เพราะพลังเวทของนางจะสูงกว่าคนอื่น)

พอสู้ไปสักพัก มันจะปล่อย Tonberry มาครั้งละ 3 ตัวเพื่อป่วนเรา ให้คลาวด์รีบใช้ท่า Triple Slash จัดการ Tonberry ให้หมดโดยไว เพราะท่าแทงด้วยมีดของมันจะรุนแรงมาก

Abzu (Chapter 10)

ติด Fire Materia คู่กับ Elemental Materia กับอาวุธของคลาวด์และทิฟา พยายามเร่งอัดด้วยทิฟาให้บอสติดสถานะ Pressure ให้เร็วที่สุด แล้วเร่งเกจ Stagger ด้วยท่า Focused Thrust ของคลาวด์ และ Starshower ของทิฟา ระหว่างสู้ให้พยายามเปลี่ยนไปบังคับแอริธเป็นระยะแล้วปั่นเกจ ATB เก็บไว้ (เผื่อใช้ Pray ฮีลช่วยอีกสองคนที่เข้าไปคลุกวงใน)

Ghoul (Chapter 11)

บอสตัวนี้จะมีพลังป้องกันเวทสูง แต่แพ้ธาตุไฟ ดังนั้นให้ติด Fire Materia คู่กับ Elemental Materia กับอาวุธของคลาวด์และทิฟา เนื่องจาก 2 คนนี้มีพลังโจมตีทางกายภาพที่สูงกว่าแอริธ ตอนสู้ Ghoul อาจต้องใช้ความอดทนนิดนึง เพราะมันจะสลับโหมดเปลี่ยนร่างกายจากร่างปกติเป็นร่างวิญญาณได้ ซึ่งร่างวิญญาณจะอัดเข้าเฉพาะเวทมนตร์เท่านั้น จึงควรให้แอริธยิงเวทไฟใส่มันตอนเป็นร่างวิญญาณ แล้วรอมันเปลี่ยนเป็นร่างปกติค่อยใช้คลาวด์กับทิฟารุมอัด

Eligor (Chapter 11)

ในระดับ Hard เจ้า Eligor มันจะร่ายเวท Reflect ใส่ทั้งตัวมันและพวกเรา ซึ่งเวทนี้มีคุณสมบัติในการสะท้อนเวทกลับไปหาอีกฝ่าย ด้วยเหตุนี้ ถ้าเราไม่อยากไปเพิ่ม HP ให้มันโดยไม่จำเป็น ก็ให้ฟื้นพลังด้วยท่า Pray เท่านั้น (Pray เป็นสกิล ไม่ใช่เวทมนตร์) และแม้มันจะแพ้ธาตุน้ำแข็ง แต่เวลาสู้จริงให้เราติด Ice Materia คู่กับ Elemental Materia กับอาวุธของคลาวด์แค่คนเดียวพอ แล้วให้ติด Wind Materia คู่กับ Elemental Materia ที่อาวุธของแอริธแทน นั่นเพราะช่วงครึ่งหลังของการต่อสู้ Eligor จะบินอยู่บนฟ้า ทำให้คลาวด์กับทิฟาโจมตีได้ลำบาก และการโจมตีด้วยธาตุลมจะทำให้เกจ Stagger ของมันขึ้นง่าย

Reno & Rude (Chapter 12)

ใช้แผนเดียวกับตอนสู้ 2 คนนี้ใน Chapter 8 แต่ให้ติด Wind Materia คู่กับ Elemental Materia ที่อาวุธของคลาวด์กับทิฟา แล้วใช้สกิล Counterstance ของคลาวด์คอยดักเคาท์เตอร์ Reno จน HP มันลดไปประมาณครึ่งนึง จากนั้น Rude จะลงมาสู้ด้วยอีกคน ก็ให้ใช้แผนเดิมดักสวนทั้งคู่ไปเรื่อย ๆ (Rude โดนสวนจะเจ็บหนักกว่า เพราะแพ้ธาตุลม) และให้ระวังท่าประสานของพวกมันด้วย

Failed Experiment (Chapter 13)

ใส่ Ice Materia คู่กับ Elemental Materai ที่อาวุธของทิฟากับบาร์เร็ต แล้วให้ทิฟาสแปมท่า Starshower กับตัวบอส โดยท่านี้จะสามารถสร้างความเสียหายบรรดาลูกน้องของมันที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยในตัว ส่วนบาร์เร็ตให้ปั่นเกจ ATB แล้วคอยฮีลด้วย Pray เรื่อย ๆ (ถ้ามีคนนึงติดมาเทเรียอสูร Shiva ด้วยจะยิ่งเวิร์ค)

Abzu & Shoats (Chapter 14)

ใช้แผนคล้ายกับตอนปราบมันใน Chapter 10 แต่รอบนี้จะมีบริวารของมันมาป่วนด้วย ช่วงครึ่งหลังของการต่อสู้ Abzu จะขึ้นไปอยู่บนท่อแล้วเรียกน้ำเสียมาท่วมใส่เรา วิธีหลบคือไปยืนติดกำแพงใต้ตัวมัน แล้วรอจนกว่ามันจะกระโดดลงมาสู้กับเราอีกที

Valkyrie (Chapter 15)

ก่อนสู้ให้ Lightning Materia คู่กับ Elemental Materia ที่อาวุธของคลาวด์กับบาร์เร็ต โดยตลอดทั้งการต่อสู้ บาร์เร็ตจะปั่นเกจ Stagger ได้ไวกว่าคนอื่น เนื่องจากบอสจะบินอยู่เกือบตลอดเวลา ช่วงครึ่งหลังบอสจะเพิ่มท่าเลเซอร์ที่ยิงลงพื้น ซึ่งมีความรุนแรงมาก แต่เราสามารถกะจังหวะดี ๆ ล่อให้เลเซอร์ไปถูกตัวบอสได้ และจะสร้างความเสียหายได้มหาศาล

Specimen H0512 (Chapter 16)

ตอนบอสปล่อยลูก ๆ ออกมา ให้คลาวด์กับทิฟาช่วยกันกำจัดพวกมันให้หมดก่อนด้วยท่า Triple Slash กับ Starshower แล้วค่อยเข้าไปอัดบอส ส่วนบาร์เร็ตให้คอยทำหน้าที่เป็นตัวฮีลด้วย Pray อยู่วงนอก และยิงใส่บอสเพื่อปั๊มเกจ ATB ไปเรื่อย ๆ ถ้าใครอยากติด ATB Boost Materia เพิ่มให้บาร์เร็ตเป็นแผนสำรองด้วยจะดีมาก เผื่อในกรณีที่ยิงปั่นเกจ ATB ไม่ทัน (ใช้ท่า ATB Boost ด้วยการกด L1 + R1 แต่จะมีคูลดาวน์หลังใช้ โดยเลเวล 5 จะมีคูลดาวน์ 2 นาที)

Jenova Dreamweaver (Chapter 17)

ช่วงต้นของ Chapter 17 ใน Hard Mode เราจะเจอกับ Chadley ที่มาเปิด VR Mission ใหม่ ซึ่งมีให้เล่นเฉพาะในระดับ Hard เท่านั้น โดยถ้าเราสามารถเอาชนะการต่อสู้ในโคลอสเซียมได้ครบ 11 แมตช์ รวมถึงทำเควสต์ Battle Intel ครบ 20 เควสต์ และชนะ VR Mission ได้ 13 ด่าน เกมจะปลดล็อค VR Mission สุดท้ายมาให้เราเล่น และถ้าเราผ่านได้สำเร็จ ก็จะได้เครื่องประดับ Gotterdammerung มาใช้ คุณสมบัติของมันคือทำให้เกจลิมิตของผู้สวมใส่เต็มตั้งแต่เริ่มสู้ และเกจลิมิตจะขึ้นเรื่อย ๆ โดยอัตโนมัติเองด้วย หากมีเครื่องประดับนี้จะช่วยให้การต่อสู้ง่ายขึ้นมาก (แนะนำให้ติดกับคลาวด์ไปเลย)

พอได้เครื่องประดับ Gotterdammerung มา ให้คลาวด์ใช้ท่า Ascension กับบอสทันที แล้วคอยประวิงเวลาด้วยการตอดโจมตีบอสไปเรื่อย ๆ จนกว่าเกจลิมิตของคลาวด์จะเต็มอีกครั้ง ก็วนใช้ลิมิตของคลาวด์ (Ascension) ไปจนกว่าบอสจะตายได้เลย

Rufus & Darkstar (Chapter 17)

ให้ใช้ท่า Ascension กับ Darkstar ตั้งแต่เริ่ม แล้วใช้ท่า Triple Slash กระหน่ำตี Darkstar ให้ร่วงให้เร็วที่สุด พอเหลือแต่ Rufus ให้คลาวด์คอยป้องกันกระสุนของ Rufus ไปเรื่อย ๆ รอจนเกจลิมิตเต็มอีกรอบ แล้วค่อยใช้ท่า Braver กับ Rufus ตอนมันรีโหลดกระสุนจะทำให้ Rufus ติด Stagger ทันที จากนั้นก็ปิดจ๊อบด้วยท่า Ascension ได้เลย

The Arsenal (Chapter 17)

ช่วงคัทซีนก่อนจะได้สู้กับบอสตัวนี้ เกมจะให้เรากดปุ่มสี่เหลี่ยมเพื่อให้ได้เข้าเมนูไปเตรียมตัวก่อนสู้ก่อน ตรงนี้ให้เราโยกเครื่องประดับ Gotterdammerung จากคลาวด์มาใส่ให้บาร์เร็ตแทน แล้วให้บาร์เร็ตเป็นคนสแปมลิมิตใส่บอส ส่วนแอริธคอยโจมตีสนับสนุนพร้อมกับใช้ Pray ฮีลหมู่เอา โดยระหว่างสู้ให้เราหลบอยู่หลังเสาต้นใหญ่ เพื่อป้องกันท่ายิงพลังและท่าเลเซอร์ พอมันยิงติดเสาก็ค่อยโผล่ออกไปโจมตี

ตอนบอสใกล้ตาย มันจะขึงเราด้วยเปลวไฟสองด้าน และมีเวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกำจัดมันให้ทันก่อนที่มันจะใช้ท่าไม้ตายยิงเราจนตายหมด ตรงนี้ให้แอริธใช้ท่า Arcane Ward กางบนพื้นที่แอริธยืน แล้วยิงเวท Thundaga ใส่บอส ด้วยผลของ Arcane Ward บนพื้นจะทำให้แอริธยิงเวท Thundaga ออกไปได้ 2 ครั้งโดยใช้แค่ 1 ATB ส่วนบาร์เร็ตให้ใช้ท่าลิมิตยิงใส่บอสไปเลย

Sephiroth (Chapter 18)

จุดยากคือช่วงเฟส 2 ที่จะเริ่มด้วยการดวลตัวต่อตัวของคลาวด์กับเซฟิรอธ ซึ่งเมื่อเราลด HP ของเซฟิรอธไปถึงระดับนึง เพื่อนของเราคนนึงจะเข้ามาช่วย โดยจะเป็นการสุ่มระหว่างแอริธกับทิฟา ดังนั้นถ้าใครเน้นชัวร์ ก็ควรไปฟาร์ม Prayer Materia ให้มีอย่างน้อย 4 ลูก เพื่อติดตั้งลูกละคน รวมถึงอัพมาเทเรียพวก HP Up / MP Up และมาเทเรียอื่น ๆ ที่จำเป็นไว้สำหรับ 4 ตัวละคร จะได้ไม่ต้องปวดหัวเวลาเจอสุ่มได้คนที่ไม่พร้อม

พอสู้ไปสักระยะ บาร์เร็ตจะเข้ามาแจมจนครบปาร์ตี้ หลังจากนั้นให้สังเกตเซฟิรอธให้ดี ถ้ามันเตรียมใช้ท่า Telluric Fury (มีชื่อท่าขึ้นบนตัวมัน) ก็ให้ดักสวนด้วย Counterstance และถ้ามันเตรียมใช้ท่า Scintilla ก็ให้หนีออกห่างมาไกล ๆ รอจนมันใช้ท่าแล้วไม่ถูกตัวเราก็ค่อยกลับไปอัดมัน

ควรมีอย่างน้อย 1 คนที่ติด Barrier Materia คู่กับ Magnify Materia เพื่อใช้เวท Manawall ใส่ทุกคนในปาร์ตี้ เพราะจะช่วยลดดาเมจทั้งกายภาพและเวทมนตร์ของเซฟิรอธได้ 50% เลย และคอยสังเกตเกจลิมิตของคลาวด์ (ที่ใส่เครื่องประดับ Gotterdammerung) และคนอื่น ๆ ด้วย ถ้าของใครเต็มแล้วก็ให้รีบกดใช้ได้เลย

เพื่อน ๆ ที่สนใจอยากหาเกม Final Fantasy 7 Remake มาเล่น สามารถซื้อแบบดิจิตอลดาวน์โหลดได้ที่

Digital Deluxe – https://store.playstation.com/en-th/product/JP0082-CUSA07052_00-FFVIIREMAKEDX000

Standard – https://store.playstation.com/en-th/product/JP0082-CUSA07052_00-FFVIIREMAKE00000