ว่ากันตามตรง นินจาถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นที่เข้าถึงผู้คนทั่วโลกได้ง่าย และได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ทั้งในแง่ของความลึกลับ น่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็นการที่เหล่านินจาต้องปกปิดใบหน้า ออกไปปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เชิงลอบเร้น อีกทั้งมีท่วงท่าสังหารที่เท่เหลือหลาย ด้วยเหตุนี้เราจึงมักเห็นนินจาถูกนำมาดัดแปลงมาอยู่ในสื่อบันเทิงหลากชนิด รวมถึงวิดีโอเกมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ซึ่ง SHINOBI ถือเป็นเกมนินจาที่เปรียบเสมือนความภาคภูมิใจของ Sega ที่มีอายุอานามปาไปเกือบ 4 ทศวรรษแล้ว แม้จะมีช่วงที่ห่างหายไปนานหลายปีอยู่บ้าง ทว่าเมื่อคัมแบ็คกลับมาแต่ละครั้ง ซีรีส์นี้ก็มักจะสร้างความน่าตื่นตาตื่นใจกับวงการเกมได้เสมอ
ขณะเดียวกัน โจ มุซาชิ (Joe Musashi) ก็เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมกับซีรีส์ SHINOBI ด้วยคาแรกเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นจดจำในหมู่แฟนเกม นั่นก็คือความเป็นคนพูดน้อย และดูขรึมตลอดเวลา แต่เมื่อถึงยามคับขัน วิชานินจาอันแกร่งกล้ากับความเยือกเย็นของเขาก็เป็นที่พึ่งและเอาชนะเหล่าร้ายได้ทุกครั้งไป ซึ่งความเท่ ความคูลของโจ ผสมผสานกับภาพลักษณ์ของความเป็นนินจาจึงทำให้ชายผู้นี้โดดเด่นขึ้นมาในฐานะมาสค็อตที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับ Sega มานับแต่นั้น
และในวันที่ 29 สิงหาคมที่จะถึงนี้ก็จะเป็นวันวางจำหน่ายของเกม SHINOBI: Art of Vengeance ภาคใหม่ล่าสุดของซีรีส์ ที่จะนำพาเพื่อน ๆ กลับไปสัมผัสความเป็นแนวแอ๊กชั่นกึ่งแพลตฟอร์เมอร์ สไตล์ 2D Platform Actions ควบคู่กับการรับบทเป็นนินจาในตำนานอย่าง โจ มุซาชิ อีกครั้ง ซึ่งการคัมแบ็ครอบนี้ ตัวเกมยังมีการปรับปรุงและพัฒนาองค์ประกอบหลาย ๆ ด้านเพื่อเข้ากับเทรนด์ของเกมเมอร์ยุคปัจจุบัน ให้สามารถเข้าถึงผู้เล่นหน้าใหม่และบรรดาแฟนเกมที่ติดตามซีรีส์นี้มาอย่างเหนียวแน่นครับ
สิ่งแรกที่เกมน่าจะชวนสะดุดตาผู้เล่นก่อนเลยก็คือกราฟิกที่ใช้งานอาร์ตแบบภาพวาดด้วยมือ ที่ทั้งตัวละครกับฉากหลังดูกลมกลืน สวยงามเป็นแพทเทิร์นเดียวกัน เคล้าด้วยเอฟเฟกต์ระเบิดตูมตาม และท่านินจาที่โจกับพวกศัตรูใช้ห้ำหั่นกัน เลยชวนให้รู้สึกเหมือนเวลาเราดูการ์ตูนอนิเมะที่มีลายเส้นสวย ๆ ผ่านโปรดักชั่นดี ๆ เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ พอได้มาเล่นเป็นเกมจริง ๆ จึงยิ่งดูมีความสมจริงและน่าสนใจมากขึ้น
อนึ่ง เนื้อหาของภาค Art of Vengeance จะกล่าวถึง ลอร์ด รูส (Lord Ruse) ผู้นำองค์กรอันชั่วร้ายนามว่า ENE Corporation ที่นำกองทัพบุกรุกรานเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ด้วยจุดประสงค์หลักคือขโมยเอาวัตถุโบราณล้ำค่านานาชนิดที่มีพลังอำนาจทำให้ลอร์ดรูสเป็นอมตะเมื่อได้ครอบครองมัน และเพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่มาเป็นเสี้ยนหนามในแผนการยึดครองโลก ลอร์ดรูสจึงส่งกองกำลังมาถล่มสำนักนินจาโอโบโระของโจ มุซาชิ จนเหล่านินจาต้องล้มตายเป็นเบือ บ้างก็กลายสภาพเป็นหินไปจนเกือบหมด ซึ่งโจในฐานะหนึ่งในผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนจากโศกนาฏกรรมนี้ต้องออกไปล้างแค้นแก่ทุกคนและโค่นลอร์ดรูสลงให้ได้
ทางด้านเกมเพลย์ของ SHINOBI: Art of Vengeance จะยังคงเป็นสไตล์แพลตฟอร์เมอร์มุมมองด้านข้างแบบ 2D เหมือนยุคคลาสสิกที่หลายคนอาจเคยเล่นบนเครื่อง Mega Drive มาก่อน ทว่าโจในภาคนี้ได้ถูกปรับปรุงให้มีท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่หลากหลายและพลิ้วขึ้นมาก โดยนอกเหนือจากเทคนิคการปีนป่ายเพื่อขึ้นไปยังจุดที่อยู่สูง ๆ แล้ว โจยังมีพวกท่าแดชที่ช่วยให้พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หรือการอาศัยลูกเล่นของฉากในการข้ามฟากไปอีกจุดที่อยู่ไกลออกไปได้
พอมาเป็นเกมภาคล่าสุดนี้ โจได้กลายมาเป็นตัวเอกที่ผ่านการเจียระไนและแก้ไขด้วยเทคโนโลยียุคปัจจุบันให้ทำอะไรได้ทันใจ และให้ผู้เล่นไปโฟกัสที่การรับมือพวกศัตรูและขบคิดวิธีผ่านฉากเป็นหลักแทน
ส่วนของเกมเพลย์ด้านการสำรวจ ภายในแต่ละฉากจะมีการแบ่งเป็นโซนคล้ายกับเกมแนว Metroidvania ครับ โดยเราจะสังเกตได้จากฉากหลัง บรรยากาศรอบตัว และชนิดศัตรูที่เปลี่ยนไป ซึ่งเกมเลือกนำเสนอในส่วนนี้แบบเนียน ๆ และไม่ได้กั้นเป็นห้องชัดเจนแบบเกมแนวดังกล่าว ระหว่างที่ลุยผู้เล่นจะรู้สึกเองเลยว่าเรามายังพื้นที่ใหม่แล้ว อีกทั้งดนตรีประกอบที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่นและธีมนินจาทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศตื่นเต้นและท้าทายกำลังรอเราอยู่เบื้องหน้าเป็นระยะด้วย
ถึงตรงนี้เราจะเริ่มนึกภาพออกแล้วว่า การที่เกมมีโครงสร้างของฉากเป็นแนวแพลตฟอร์เมอร์ ย่อมต้องมีไอเทมลับซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ให้เราได้ค้นหากันทุกซอกทุกมุม โดยบางจุดต้องใช้ทักษะการปีนป่ายเข้าไป ขณะที่มีบางจุดที่ตอนแรกเราจะเข้าไปเอาไอเทมไม่ได้ และต้องเล่นตามเนื้อเรื่องไปจนได้สกิลที่ช่วยให้เราเข้าถึงบางพื้นที่ได้เสียก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเก็บ
อีกทั้งภาคนี้จะมีระบบร้านค้าให้ผู้เล่นได้นำเงินที่ดรอปจากการสังหารศัตรูมาซื้อสกิลหรือรูปแบบการโจมตีใหม่ ๆ มาติดตั้งให้กับโจ มิหนำซ้ำถ้าผู้เล่นสามารถตามเก็บเครื่องรางได้ครบ (ซึ่งแต่ละด่านจะมีให้เก็บด่านละ 5 ชิ้น) ก็จะสามารถอัปเกรดร้านค้าของด่านนั้น ๆ ให้มีของขายมากขึ้นได้ โดยที่ต้องนำเครื่องรางไปส่งให้เจ้าของร้าน เขาจะอัปเกรดร้านให้นั่นเอง ดังนั้นการจะปลดล็อคสกิลของโจให้ครบจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเป็นเกมเมอร์สายสำรวจนั่นเอง
ส่วนของระบบการต่อสู้เองก็มีการพัฒนาและยกระดับอยู่ไม่น้อย เริ่มจากการที่ตัวโจสามารถโจมตีระยะประชิดเป็นคอมโบได้ มีแยกการโจมตีหนัก-เบาเหมือนเกมแนว 2D Platform Actions ทั่วไป รวมทั้งอาวุธขว้างที่ใช้โจมตีระยะไกลก็ยังมีให้ใช้เช่นเคย
แต่ที่ทีมงานเล่นแล้วชอบมากคือระบบ SHINOBI Execution หรือสังหารในพริบตาครับ โดยศัตรูในภาคนี้จะมีเกจพลังชีวิตสีแดงและเกจ Execution สีขาวควบคู่กัน เมื่อเราโจมตีศัตรูจนพลังชีวิตลดลง เกจ Execution ของมันจะเพิ่มขึ้นสวนทาง และถ้าเราอัดจนเกจ Execution พุ่งจนเต็ม ก็จะสามารถกดใช้ท่าปลิดชีพมันได้ทันที แถมศัตรูที่ตายจากการใช้ SHINOBI Execution ก็จะดรอปเงินและโบนัสมากกว่าปกติ ถ้าผู้เล่นฝึกจนชำนาญแล้วจะสามารถปั่นเกจ Execution ศัตรูได้ทีละหลายตัวแล้วใช้ท่าสังหารพวกมันพร้อมกันในคราวเดียวก็ย่อมได้
ต่อมาเป็นระบบการติดตั้งสกิลนินจาในเกม สำหรับภาคนี้ท่าต่าง ๆ จะมีทั้งแบบการโจมตีทั่วไปที่ติดตัวเรา โดยกดใช้งานได้ตลอดเวลา และแบบวิชานินจาขั้นสูงหรือที่เรียกว่านินโปที่ต้องนำมาติดตั้งบนแผง Shortcut แล้วกดใช้ตามที่เราเซ็ตไว้ ซึ่งนินโปเราสามารถดูในเมนูได้ว่าแต่ละท่ามีพลังโจมตีสูงแค่ไหน และมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร เนื่องจากบางท่าจะมีประโยชน์มากในการใช้เจาะเกราะศัตรูบางประเภท หรือบางท่าก็จะโจมตีเป็นธาตุที่ศัตรูแพ้ทาง เป็นต้น
โดย สกิลที่ Joe Musashi สามารถใช้ได้นั้นจำแนกเป็นหลายศาสตร์ เช่น
- นินจุตสึ (Ninjutsu) ที่เป็นท่าโจมตีขั้นสูงสุดระดับอัลติเมตที่ทรงพลังมาก
- นินโป (Ninpo) วิชานินจาที่โจมตีหลากหลายคุณสมบัติและธาตุ แต่ละท่าจะเหมาะกับการใช้รับมือศัตรูต่างชนิดกัน และ
- นิงกิ (Ningi) ที่เป็นสกิลที่ช่วยให้โจเข้าถึงบางพื้นที่หรือบางไอเทมที่ซ่อนอยู่ตามฉาก บางชิ้นจะได้มาเองตามเนื้อเรื่อง บ้างก็ได้จากการผ่านบางชาเลนจ์
บรรดาศัตรูและบอสในเกมต้องบอกว่าไม่ง่ายขนาดที่เราเข้าไปสแปมปุ่มโจมตีแล้วชนะกันได้แบบชิล ๆ ครับ ตรงนี้ผู้เล่นต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของพวกมันอยู่ตลอดเวลาและเข้าไปโจมตีให้ถูกจังหวะ ลำพังแค่พวกลูกกระจ๊อกช่วงกลางด่านก็ทำให้เราพบกับความยากลำบากได้หากพุ่งเข้าไปหาแบบส่งเดช โดยเกมมีการออกแบบและจัดวางตำแหน่งของศัตรูได้ดี เล่นแล้วรู้สึกว่ามีความท้าทายไม่ชวนง่วง และก็ไม่ยากจนหัวร้อนตลอดทั้งวัน
เหนือสิ่งอื่นใด การกลับมาครั้งนี้ทางผู้พัฒนาเองก็ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ และเลือกที่จะให้ซีรีส์นี้ปรับตัวตามสมัยนิยม เพื่อเปิดรับผู้เล่นหน้าใหม่ และหวนกลับไปหาแฟนเกมที่เกิดทันยุคคลาสสิกไปพร้อม ๆ กัน อายุของซีรีส์อาจจะดูอาวุโส แต่ถึงกระนั้นตัวเกมก็ยังควรค่ากับการเข้ามาสัมผัสและดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่เกมนินจารุ่นเก๋าอย่างซีรีส์ SHINOBI พยายามจะมอบให้อยู่เสมอมากับภาคล่าสุดที่มีชื่อเต็มว่า SHINOBI: Art of Vengeance ครับ
ใครที่อยากลองว่าเกมเป็นอย่างไร จะเหมาะมือมั้ย ตอนนี้สามารถโหลดเดโมมาลองกันได้แล้วบนทุกแพลตฟอร์มครับ ทั้ง PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Nintendo Switch และ PC (Steam)
นอกจากนี้ ถ้าทำการพรีออเดอร์เกม SHINOBI: Art of Vengeance ก่อนวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคม เวลา 10:59 น. ก็จะได้รับส่วนลด 10% ทุกแพลตฟอร์ม ยกเว้น PlayStaion ที่จะต้องเป็นสมาชิกของ PlayStation Plus เท่านั้นถึงจะได้รับส่วนลด และไอเทมโบนัสจำนวน 2 ชิ้น ได้แก่ ชุด Original Arcade ของโจ มุซาชิ และเครื่องราง Fortune Hunter สำหรับสวมใส่ในเกมด้วย จัดหนักกันขนาดนี้ ต้องรีบพรีออเดอร์กันแล้วล่ะ!
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่ซื้อเกมเวอร์ชั่น Digital Deluxe Edition ก็จะได้สิทธิ์เล่นเกมก่อนใครในวันที่ 26 สิงหาคม หรือก่อนวันวางจำหน่าย 3 วันเต็มเลยทีเดียว เล่นก่อนก็ได้ขิงก่อนนะเออ!
ชิงรางวัลโค้ดเกม SHINOBI: Art of Vengeance กันได้ง่ายๆ!
ปิดท้ายกับกิจกรรมตอบคำถามชิงโค้ดเกม SHINOBI: Art of Vengeance จำนวน 5 รางวัลครับ เพียงเข้าไปลงทะเบียนและตอบคำถามภายในลิงค์ โดย Online Station จะคัดเลือกคำตอบจาก 5 คนที่ตอบได้โดนใจทีมงานที่สุด เพื่อรับโค้ดทางอีเมล์ที่ใช้ลงทะเบียนกันไปเลย สามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมได้ถึงวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคมนี้ และจะประกาศผลวันที่ 1 กันยายนครับ !
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station
