รีวิวเกม A Plague Tale: Requiem – นาฎกรรมหนูท่อล้างโลกที่ราวกับดูหนังสักเรื่อง

A Plague Tale: Requiem น่าจะเป็นหนึ่งในเกมทุนหนาและถูกคาดหวังมากที่สุดของค่าย Focus Entertainment ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหลายต่อหลายเกมในฟอร์มที่ไม่ใหญ่มากและเราอาจไม่คุ้นชื่อเกมเหล่านั้นกันนัก กับภาคต่อการเดินทางของ 2 พี่น้องที่ฝันร้ายยังคงตามหลอกหลอนและไม่จบสิ้น ก่อนจูงมือเราไปสู่โลกที่งดงามแต่ก็น่าขยะแขยง พร้อมบทสรุปสุดท้ายที่เหนือคาด

A Plague Tale: Requiem เป็นภาคต่อของ A Plague Tale: Innocent ว่าด้วยเรื่องของ 2 พี่น้องตระกูล De Rune คือ Amicia กับ Hugo โดยที่ตัวของ Hugo นั้นป่วยเป็นโรคประหลาดที่ถูกเรียกว่า Mercula โดยโรคนี้จะทำให้เขาสามารถเรียกฝูงหนูออกมาจากพื้นดินได้เมื่อหวาดกลัวหรือโกรธ ทำให้พี่สาวอย่าง Amicia ต้องคอยปกป้องและเอาตัวรอดจากคนของภาคีที่จ้องจะเล่นน้องชายของเธออยู่ตลอดเวลา

A Plague Tale: Requiem

เรื่องราวของ A Plague Tale: Requiem จะเล่าต่อจากภาคแรก เมื่อการหนีปัญหาไม่ใช่ทางออก และเริ่มก่อเกิดเค้าลางของปัญหาอีกครั้ง ทั้ง 2 พี่น้องจึงต้องตัดสินใจเผชิญหน้ากับความจริงเพื่ออขจัดปัญหานี้ให้จงได้

ผมออกตัวก่อนว่าภาคแรกนั้นไม่ได้เล่น ทำให้ต้องทำความรู้จักกับตัวละครในเกมอยู่พักหนึ่ง ซึ่งตัวเกมเองก็ดูจะไม่แคร์ผู้เล่นหน้าใหม่เท่าใดนัก เพราะไม่มีแฟลชแบ็คไม่มีเล่าย้อน อาศัยแค่การแตะผิวๆ ผ่านบทพูด ทำให้ผมซึ่งเป็นผู้เล่นใหม่ไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ทั้งหมด กระนั้นมันก็ยังพอเดาเค้าลางได้บ้าง ทำให้ไม่รู้สึกว่าถูกทิ้งไว้ข้างหลังมากนัก

ตัวเกมมาในแนวผจญภัย และต้องลอบเร้นเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งโดยมากแล้วเราจะได้เล่นเป็น Amicia ที่แม้จะมีฝีมือการเขวี้ยงหนังสติ๊กอยู่บ้าง แต่ท้ายที่สุดเธอก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงซึ่งไม่สันทัดการต่อสู้หรือสังหาร ดังนั้นแล้วส่วนใหญ่เวลาเจอศัตรูที่เป็นทหารอาวุธครบมือ ก็จำเป็นต้องลอบเร้นเพื่อหนีเสียส่วนใหญ่ เพราะฝืนสู้ไปโอกาส Game Over มีสูงมาก ดังนั้นสิ่งที่ผมทำบ่อยๆ เมื่อสเตลท์แตกก็คือวิ่งแจ้นไปฉากถัดไปให้เร็วที่สุดนั่นเอง

แน่นอนว่ารูปแบบเกมแบบนี้เหล่าเกมเมอร์เน้นบวกก็อาจจะอึดอัดกันไม่มากก็น้อย เพราะลำพังทหารคนเดียวก็สู้ยากอยู่แล้ว แถมพวกนี้ก็ดันชอบมาเป็นกลุ่มก้อนอีก ดังนั้นบรรยากาศของเกมจึงค่อนข้างกดดันพอสมควร เพราะ Amicia โดนโจมตีจังๆ แค่ 2 ทีก็นอนแล้ว ตัวเกมจึงค่อนข้างท้าทายผู้เล่นอย่างมากเลยทีเดียวไม่ว่าจะในแง่ของสกิลเพลย์หรือความอดทนในการเลือกเพลย์ที่ถูกต้อง

กราฟิกเป็นอีกส่วนที่ต้องชมเพราะทำฉากได้สวยงาม เต็มไปด้วยรายละเอียด ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ แสงเงา ฝนตก ล้วนทำได้ดี รวมไปถึงฉากเน่าๆ แหยะๆ ซึ่งมีให้เห็นตลอดทั้งเกมก็ยอดเยี่ยมในด้านของรายละเอียดจนชวนขนลุกในหลายๆ ครั้ง ผมรู้สึกว่ามันเป็นความงามบนความสยอง ช่วยขับเน้นอารมณ์ร่วมได้เป็นอย่างดี

แต่ความยอดเยี่ยมที่สุดของเกมผมยกให้การวางสคริปต์สุดแน่นของมัน ช่วงหลายปีมานี้เราอาจจะพวกเกมโลกเปิดที่เน้นอิสระของผู้เล่นเน้นการวางสตริปต์น้อยลง แต่ไม่ใช่กับ A Plague Tale: Requiem ที่ขอเป็นเกมเน้นการเล่าเรื่องบบสุดลิ่ม ชนิดที่แม้เกมจะเดินเป็นเส้นตรงแต่การวางสคริปต์ที่ดีร่วมกับภาพและเสียง และอาจรวมไปถึงเกมเพลย์พิเศษในหลายๆ จังหวะ มันสร้างความตื่นเต้น ตระการตา และเร้าอดรีนาลีนในเรื่องกายได้เป็นอย่างดี ผมรู้สึกเลยว่าไม่เจอเกมแบบนี้มานานมากๆ ยิ่งเล่นยิ่งลุ้นไปกับเนื้อเรื่อง ทีมงานวางจังหวะเร่งจังหวะผ่อนได้อย่างติดพัน จนเราหาช่องพักไม่ยักกะเจอโดยเฉพาะช่วงกลางเกมเป็นต้นไป เรียกได้ว่า A Plague Tale: Requiem ได้มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ใกล้เคียงกับการได้รับชมซีรีส์หรือภายนตร์เรื่องเยี่ยมก็ไม่ปาน

A Plague Tale: Requiem จึงถือเป็นงานเซอร์ไพรซ์สำหรับผมที่ไม่ได้เล่นภาคก่อนหน้า และคิดว่าจะปล่อยผ่านในทีแรก มันทำได้ดีในสิ่งที่มันต้องการหรืออยากจะทำ ขณะที่งานกราฟิกก็ยอดเยี่ยม งานเพอร์ฟอร์แมนซ์ก็แทบไม่เจอบั๊ค เป็นเกมที่เกือบจะสมบูรณ์แบบในทางของมัน หากจะมีสิ่งที่ติดใจก็คงเป็นได้เล่น Hugo น้อยไปหน่อย กับเนื้อเรื่องน่าจะพีคกว่านี้ได้อีกสักนิด แต่มันก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากเพราะเมื่อเล่นจนจบผมก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรติดค้างกับมัน ทั้งยังอิ่มเอมและรู้สึกว่าอินกับมันอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว ใครที่ชอบเล่นเกมเนื้อเรื่องแน่นๆ สคริปต์เกมเจ๋งๆ เยอะๆ A Plague Tale: Requiem คือเกมในปีนี้ที่ไม่ควรพลาดครับ


VERDICT

8.5/10

A Plague Tale: Requiem วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน Xbox Series X/S, PlayStation 5, Nintendo Switch, Microsoft Windows


ซื้อเกม A Plague Tale: Requiem


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ online-station.net

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้