รีวิวเกม Dragon’s Dogma 2 – การผจญภัยบทใหม่ของตำนานผู้กล้าล่ามังกร

DD2

เวลาเราพูดถึงอุปสรรคที่เกมสักเกมจะได้พบเจอเวลาทำภาคต่อ หนึ่งในนั้นมักจะมีเรื่องของการถูกนำไปเปรียบเทียบถ้าหากว่าภาคแรกเคยทำมาดีครับ เพราะปกติแล้วคนเราจะเกิดภาพจำ ภาพความประทับใจ แล้วยึดเอาเป็นมาตรฐานมาตลอด แล้วถ้าหากว่าภาคแรกกับภาคสองดันเว้นช่วงห่างกันนานมาก ๆ ด้วย ย่อมต้องมีเรื่องของช่องว่างของยุคสมัยเข้ามาข้องเกี่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้อีก ซึ่งสองอุปสรรคที่ว่านี้เป็นโจทย์สุดท้าทายที่เกม Dragon’s Dogma 2 ต้องเผชิญและก้าวข้ามไปให้ได้ ทว่าผลออกมาเป็นอย่างไรนั้น เพื่อน ๆ ลองมาชมบทความรีวิวจาก Online Station กันเลยครับ

ผู้พัฒนา: Capcom
แพลตฟอร์ม: PS5 / Xbox Series X|S / PC (ทีมงานเล่นและรีวิวจากเวอร์ชั่น PS5)
แนวเกม: Action-RPG
วางจำหน่าย: 22 มีนาคม 2024

สำหรับในเกมภาค 2 จะเป็นเหตุการณ์ในโลกคู่ขนานกับภาคแรก โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็น อริเซน (Arisen) หรือผู้ถูกลิขิตให้มาต่อกรกับภัยคุกคามจากมังกรที่ย่างกรายสู่อาณาจักรเวอร์มุนด์ (Vermund) ซึ่งเกมจะไม่ค่อยเสียเวลากับการอารัมภบทมากนัก ในทางกลับกัน เกมกลับเลือกจับผู้เล่นมาสวมบทบาท พร้อมปูเรื่องคร่าว ๆ ให้ ก่อนจะโยนผู้เล่นลงสมรภูมิให้เรียนรู้ระบบเอาดาบหน้าแทบจะทันที แล้วค่อยไปรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของเกมระหว่างผจญภัยเอาเอง

ระบบอาชีพของเกมจะมีชื่อเรียกว่า โวเคชั่น (Vocation) ซึ่งโผล่มาจะมีอาชีพให้เลือกใช้ไม่มากนัก และแต่ละอาชีพจะมีจุดเด่นจุดด้อยที่ชัดเจน แต่ที่เป็นประโยชน์กับผู้เล่นมาก ๆ คือเราสามารถเปลี่ยนอาชีพได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ดังนั้นหากลองใช้อาชีพไหนแล้วไม่โอเคก็มีโอกาสลองอาชีพอื่นแทนได้ตลอด ขณะที่การสอนผู้เล่น (Tutorial) ให้เข้าใจในระบบเกมจะเป็นเควสต์ให้ทำ ที่เมื่อทำแล้วจะได้ค่าประสบการณ์ เงิน และไอเทมสำหรับตั้งตัวได้ในช่วงแรก อีกทั้งบางเควสต์จะปลดล็อคอาชีพใหม่ ๆ ให้กับเราด้วย

ใครที่เคยเล่นเกมภาคแรกมาก่อนคงทราบกันดีว่าระบบเควสต์ของ Dragon’s Dogma จะแทบไม่บอกใบ้อะไรผู้เล่นเลย หากให้ยกมาสักตัวอย่างให้นึกภาพง่าย ๆ ก็ประมาณว่า สมมติมีเควสต์หนึ่งเจอชาวบ้านมาขอความช่วยเหลือว่าให้เราจับโจรให้หน่อย เพราะมันมาปล้นคนในเมืองจนอยู่ไม่สุขแล้ว แต่โจรมันอยู่ไหนนั้น ผู้เล่นต้องไปขวนขวายหาเอาเอง ซึ่งหนีไม่พ้นการสอบถามชาวบ้านเพื่อเก็บข้อมูลจนกว่าจะได้เบาะแส เช่น มีคนบอกว่าโจรคนนี้ชอบมาปล้นกลางคืน หรือชอบเข้ามาทางประตูทิศเหนือ เราก็จะตกผลึกได้ว่าต้องไปดักรอโจรที่ประตูทิศเหนือตอนใกล้พลบค่ำ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ ระบบเควสต์เลยเป็นหนึ่งในปัจจัยในวัดใจผู้เล่นกันตั้งแต่ต้นเกมว่าเขาจะมีความพยายามหรืออดทนมากพอที่จะเล่นเกมนี้ต่อไปหรือไม่ หรือจะล้มเลิกไปเลย มิหนำซ้ำถ้าผู้เล่นไม่สันทัดภาษาอังกฤษจะยิ่งลำบากมาก

จากที่เกริ่นไปตอนแรก เลยจะขอพูดกันตามตรงว่า กว่าผู้เล่นจะเริ่มตั้งตัวได้ และเริ่มสัมผัสความสนุกของเกมเจอ อาจต้องเล่นไปนานถึง 10-15 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำจนกระทั่งความรู้สึก ทักษะ และความคุ้นชินของผู้เล่นเริ่มเข้าที่ครับ (แต่เกมนี้เล่นได้นานเป็นหลักร้อยชั่วโมงแน่นอนถ้าติดลมบนแล้ว)

ระหว่างที่ผจญภัย เกมจะมีระบบกลางวัน-กลางคืนเหมือนโลกความเป็นจริง ศัตรูทั้งหลายที่อยู่นอกเมืองจะทวีความร้ายกาจในยามราตรี และผันแปรตามระยะทางที่เราอยู่ห่างจากเมืองด้วย ดังนั้นหากเรายิ่งเถลไถลไปไกล ศัตรูจะยิ่งเถื่อน ทว่าในความยากที่แฝงอยู่นั้นจะให้ค่าประสบการณ์ที่สูงขึ้นเหมือนกัน จุดนี้ผู้เล่นจะค่อย ๆ เรียนรู้และซึมซับได้เองเมื่อไปเจออุปสรรคในโลกภายนอก

อนึ่ง เกมนี้จะมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้เล่นต้องใส่ใจกันตั้งแต่กระบวนการสร้างตัวละครที่จะมาเป็นอริเซนเลยครับ โดยรูปร่างของตัวละครที่เราสร้างไว้จะมีผลทางกายภาพขณะผจญภัย ถ้าเราปั้นตัวละครที่มีรูปร่างอ้วนท้วน ก็จะเหนื่อยง่ายเวลาวิ่ง แต่จะแบกของได้เยอะ หรือถ้าปั้นตัวละครที่หุ่นผอมเพรียว ยามต่อสู้ก็จะเคลื่อนที่ได้พลิ้ว ทว่าก็ต้องแลกมากับการที่แบกของหนัก ๆ ได้ไม่มาก ผู้เล่นจึงควรคิดและวางแผนเป็นโร้ดแมปในใจกันตอนปั้นตัวละครเลยว่าแบบไหนที่เหมาะกับการลุยของเรา ถ้าเป็นสายนักสำรวจ ขยันเก็บไอเทมนั่นนี่นู่นตามทางก็อาจต้องให้อริเซนมีหุ่นบึกบึนหน่อย อะไรประมาณนี้

ขณะเดียวกัน ระบบพอว์น (Pawn) หรือข้ารับใช้จากภาคแรกก็ยังคงมาเป็นแกนหลักของเกมเพลย์ภาคนี้เช่นเคย ผู้เล่นจะได้สร้างพอว์นส่วนตัวของเราเป็นจำนวน 1 ตัวถ้วน โดยที่ผู้เล่นสามารถติดตั้งของสวมใส่และเปลี่ยนอาชีพให้พอว์นของเราเองได้อิสระ ตลอดจนอัปเลเวลเหมือนตัวอริเซนทุกประการ และยังหยิบยืมหรืออัญเชิญพอว์นจากผู้เล่นคนอื่นในโลกออนไลน์มาร่วมเดินทางกับเราได้อีก 2 ตัว หรือต่อให้ใครไม่มีเพื่อนในลิสต์ที่เล่นเกมนี้เลย เกมก็ยังมีพอว์นแบบออฟฟิเชียลให้เลือกด้วยเช่นกัน ซึ่งยิ่งพอว์นมีเลเวลสูง ค่าจ้างก็จะสูงตาม (สกุลเงินจ้าง Pawn จะเป็นคนละสกุลกับที่ใช้ซื้อไอเทมหรืออาวุธชุดป้องกัน)

อย่างไรก็ตาม AI ของเหล่าพอว์นจะมีความฉลาดระดับหนึ่ง ซึ่งจะมีชุดคำสั่งสำเร็จรูปให้ผู้เล่นใช้สั่งการพวกมันได้ ไม่ว่าจะเป็นการฮีลคนในปาร์ตี้ยามเลือดเหลือน้อย หรือคุ้มกันเราเป็นหลัก หรือจะแยกกันไปล้อมหน้า-หลังศัตรู ทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นกลยุทธ์ที่เราพลิกแพลงได้ตามสถานการณ์ และยังเซ็ตลักษณะนิสัยพอว์นของเรา เพื่อให้มันมีคาแรกเตอร์เหมาะสมกับสไตล์การลุยของเราได้ด้วย

องค์ประกอบแทบทุกอย่างในเกม ถ้านิยามให้เป็นรถยนต์ก็ไม่ต่างอะไรกับการขับรถเกียร์ธรรมดาครับ กล่าวคือทุกอย่างคืออัตโนมือหมด แม้แต่ระบบ Fast Travel ที่ผู้เล่นต้องนำหินวาร์ปไปวางยังจุดที่เราต้องการวาร์ปเสียก่อน จึงจะวาร์ปไปโผล่ยังจุดที่วางหินได้ ซึ่งจะไม่สามารถเลือกวาร์ปไปยังเมืองนั้นเมืองนี้ได้อย่างอิสระหลังเปิดแผนที่เหมือนกับเกมอื่น ๆ แต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตามเมืองต่าง ๆ จะมีพาหนะรับจ้างให้เราโดยสาร ทว่าวิธีนี้นอกจากจะเสียค่าเดินทางแล้ว ยังเสี่ยงที่จะเจอศัตรูดักทำร้ายระหว่างทางได้อีก เรียกว่าชีวิตผู้เล่นไม่มีวันได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแท้ทรู

เฟรมเรตของเกมนี้ที่ตกเป็นประเด็นในรอบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ถ้าไล่นับกันจริง ๆ เกมนี้น่าจะเป็นเกมที่ใช้ RE Engine กับแนวโอเพ่นเวิลด์เต็มรูปแบบเป็นเกมแรกครับ เพราะเกมที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะเป็น Resident Evil 4, Devil May Cry 5, Street Fighter 6 หรือ Monster Hunter Rise ล้วนเป็นเกมที่เป็นพื้นที่แบบปิด จึงจำกัดอาณาเขตที่ผู้เล่นสำรวจได้ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลถึงเฟรมเรตที่ควบคุมให้คงที่ระดับ 60 FPS ได้ง่ายกว่าเกมโอเพ่นเวิลด์ อย่างไรก็ตาม Dragon’s Dogma 2 ก็ทำให้ได้เห็นกันแล้วถึงขีดจำกัดของ RE Engine ดังที่ Capcom เคยประกาศเมื่อช่วงปลายปีที่แล้วว่าพวกเขากำลังพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ของเอนจิ้นนี้อยู่ โดยล่าสุดตัวเกมก็มีแพตช์แก้ไขเข้ามา ทำให้เลือกปรับโหมดการแสดงผลด้วยการปิด Ray-Tracing หรือล็อคเฟรมเรตที่ 30 FPS ได้แบบเสถียร ตรงนี้หากใครที่ยังคาดหวัง 60 FPS บนเวอร์ชั่นคอนโซลอาจจะต้องรอกันนานพักใหญ่เลย หรือถ้าไม่สามารถรับได้กับเฟรมเรตที่ต่ำกว่า 60 FPS จริง ๆ การเล่นบน PC อาจจะตอบโจทย์เพื่อน ๆ มากกว่า เพียงแต่สเปค PC ของเพื่อน ๆ อาจต้องแรงเอาเรื่องอยู่

สุดท้ายแล้ว Dragon’s Dogma 2 ยังคงเป็นเกมที่เลือกยึดมั่นกับแนวทางของตัวเองต่อไป ทั้งนี้ก็เพื่อแฟนขาประจำที่ติดตามมาตั้งแต่ภาคแรก และเพื่อให้ผู้เล่นหน้าใหม่ได้รู้จักตัวตนของเกมนี้ พร้อมกับเสน่ห์และกลิ่นอายของการผจญภัยอันเปี่ยมไปด้วยอรรถรสและประสบการณ์ที่มีความเฉพาะตัว จริงอยู่ที่เกมไม่ได้เป็นมิตรกับผู้เล่นทุกคน แต่หากใครที่เข้าถึงแก่นแท้ของเกมได้ ก็ย่อมหลงรักเกมนี้ได้ไม่ยากเช่นกัน

คะแนน 8.5


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้