รีวิวเกม Eiyuden Chronicle: Hundred Heroes – RPG คลาสสิกที่เน้นเพลย์เซฟเป็นหลัก

Eiyuden

วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับกับเกม Eiyuden Chronicle: Hundred Chronicle ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่อดีตผู้สร้างเกมตระกูล Suikoden ของค่าย Konami ได้ออกมาก่อตั้งสตูดิโอของตัวเอง พร้อมเปิดแคมเปญระดมทุนจากแฟน ๆ ผ่าน Kickstarter กระทั่งทำยอดทะลุเป้าที่ตั้งไว้ได้อย่างรวดเร็ว โดย Hundred Heroes ถือเป็นภาคต่อจากภาค Rising ที่เคยออกมาเมื่อปี 2022 และมาในแนวเกม RPG เต็มรูปแบบเหมือนที่ทีมงานเคยทำเกม Suikoden มาก่อนด้วย

เป็นที่น่าเสียดายที่คุณโยชิทากะ มุรายามะ (Yoshitaka Murayama) อดีตผู้สร้างเกมซีรีส์ Suikoden และเป็นคนเขียนบทให้กับ Eiyuden Chronicle ได้เสียชีวิตไปก่อนที่เกมภาคนี้จะวางขายแค่ไม่กี่เดือน จึงไม่อาจอยู่เห็นผลงานชิ้นสุดท้ายของตัวเองได้ ซึ่งสิ่งที่เจ้าตัวได้ร่วมสร้างสรรค์เอาไว้ผ่านเกมนี้จะสร้างความประทับใจได้มากน้อยเพียงใด มาชมรีวิวจาก Online Station กันได้เลยครับ

ผู้พัฒนา: Rabbit and Bear Studios
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Switch, PC
วางจำหน่าย: 23 เมษายน 2024
แนวเกม: RPG

เนื้อหาของเกมภาคนี้จะกล่าวถึงโนวา (Nowa) ชายหนุ่มที่เข้าร่วมกองกำลังทหารรับจ้าง Eltisweiss Watch อยู่มาวันหนึ่ง ระหว่างที่หน่วยของโนวาร่วมปฏิบัติภารกิจกับกองกำลังของอาณาจักร Galdean พวกเขาก็ได้พบกับ Primal Lens ที่เป็นโบราณวัตถุอันล้ำค่า ซึ่งว่ากันว่าเจ้าสิ่งนี้จะนำพาลาภยศมาสู่ผู้ที่ครอบครองมัน และนี่ก็คือชนวนเหตุให้ฝักฝ่ายต่าง ๆ คิดแย่งชิงกันจนถึงขั้นนองเลือดในที่สุด ต่อมาโนวาก็ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นฟอร์มทีมขึ้น โดยหวังจะคืนความสงบสุขไปทั่วแคว้นให้ได้

อนึ่ง การรวบรวมมิตรสหายมาร่วมผจญภัยก็เป็นไปตามชื่อภาคที่ระบุว่า Hundred Heroes เลยครับ คือมีมากกว่า 100 คน ใครที่เคยเล่น Suikoden มาก่อนจะเข้าใจฟีลนี้ดี ที่ต้องเดินทางแทบพลิกแผ่นดินเพื่อดึงเพื่อนเราจากทุกสารทิศมาอยู่ในทีม แต่ละคนก็จะมีอาชีพแตกต่างกันไป บางคนได้จากการทำเควสต์ บางคนแค่ไปคุยก็ยอมเข้าร่วมแต่โดยดี ขณะที่บางคนกว่าจะดึงเข้ามาได้ก็ต้องมีลงไม้ลงมือกันบ้าง อย่างไรก็ตาม ในจำนวน 100 กว่าคนที่กล่าวไป จะมีเพียงราว ๆ 70 กว่าคนเท่านั้นที่เราสามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้

ด้วยความที่ตัวเกมได้รับอิทธิพลจาก Suikoden มาเยอะ ระบบต่อสู้เลยนำเกมดังกล่าวมาประยุกต์กับเกมนี้ ดังจะเห็นได้จากการจัดทัพที่แบ่งเป็นแนวหน้า 3 คน และแนวหลัง 3 คน โดยแนวหน้าจะเหมาะกับตัวละครที่เป็นอาชีพสายพละกำลัง ส่วนแนวหลังก็จะเป็นโซนของนักเวทหรืออาชีพที่ใช้อาวุธโจมตีระยะไกลแทน ผ่านระบบเทิร์นเบสที่ผู้เล่นมีหน้าที่ป้อนคำสั่งให้ตัวละครออกแอ๊กชั่นต่าง ๆ ที่เลือกไว้

นอกจากนั้นแล้ว เกมยังมีการสร้างความสมดุลให้กับการอัปเลเวลตัวละครไว้ดีทีเดียว ซึ่งหากในปาร์ตี้ของเรามีตัวละครที่เลเวลต่ำกว่าศัตรู เวลากำจัดพวกมันได้สำเร็จ ตัวละครที่มีเลเวลต่ำ ๆ ก็จะได้ค่า EXP ในสัดส่วนที่มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งระบบนี้เป็นข้อดีอย่างมากเวลาเราต้องการจะหยิบตัวละครสักตัวที่แทบไม่ค่อยได้ใช้มาเทรนให้เก่งขึ้นในระยะเวลาอันสั้น อีกทั้งเกมยังพยายามกระตุ้นให้เราใช้ท่าประสานหรือความเข้าขาของตัวละครบางคู่ให้เป็นประโยชน์ เพื่อชิงความได้เปรียบในการต่อสู้อีกทางหนึ่งครับ

ขณะเดียวกัน Hundred Chronicle จะมีระบบเฉพาะที่เรียกว่า Rune Lens ที่มีความคล้ายคลึงกับเกม Suikoden โดยผู้เล่นสามารถติดตั้งอบิลิตี้หรือคุณสมบัติที่ตัวละครหนึ่งมี ไปใส่ให้ตัวละครอื่นนำไปใช้ได้ สมมติถ้าเรามีตัวละครหนึ่งเป็นสายโจมตีระยะประชิดที่หนักหน่วง ก็สามารถนำ Lens ที่เพิ่มพลังโจมตีเยอะ ๆ ไปติดให้ตัวละครนั้นโจมตีแรงขึ้นอีกได้ ซึ่ง Lens จะมีให้เลือกใช้หลายประเภท เปิดโอกาสให้ผู้เล่นพลิกแพลงการใช้งานได้กว้างมาก

ทีนี้พอนำระบบการต่อสู้ที่มีความสมดุลอยู่แล้ว มาผนวกกับระบบ Rune Lens เลยกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ในทันที เชื่อว่าผู้เล่นที่ผ่านชั่วโมงบินในเกมมาสักระยะหนึ่งจะทำความเข้าใจกับระบบเกมได้ไม่ยาก แต่อย่างไรก็ดี เกมนี้กลับไม่ได้ยากอย่างที่หลายคนกังวลกันครับ ลำพังเพียงความยากระดับ Normal ที่เกมให้เล่นตั้งแต่แรก หากยอมสละเวลาฟาร์มเลเวลกันสักหน่อยก็แทบจะกดฝั่งศัตรูให้อยู่หมัดได้สบาย แถมใครใฝ่หาความท้าทาย เกมก็ยังมีโหมด Hard ให้เลือกเล่น มิหนำซ้ำยังมีออปชั่นให้เลือกตัดกำลังตัวละครฝ่ายเราด้วย เช่น ใช้เวทแล้วเสีย MP มากขึ้นเป็นเท่าตัว หรือจำกัดจำนวนไอเทมที่ใช้ได้ต่อ 1 การต่อสู้ เป็นต้น

กราฟิกของเกมมาในสไตล์ HD-2D ที่เกม RPG แนวเทิร์นเบสนิยมใช้กันในช่วงหลัง ๆ (ให้ลองนึกถึง Octopath Traveler เป็นตัวอย่าง) ที่สไปรท์ของตัวละครเป็น 2D และรายล้อมด้วยฉากกับสภาพแวดล้อมแบบ 3D ขณะที่บอสไฟต์บางตัวก็เป็นโมเดลแบบ 3D ด้วย งานภาพที่ออกมาทำให้รู้สึกได้ว่าทีมงานมีความพิถีพิถันมาก และชวนให้ผู้เล่นอายุ 30-40 มาย้อนนึกถึงวันเก่า ๆ ที่เคยเพลิดเพลินกับเกม RPG เทิร์นเบสยุค 90 เรียกว่าดักแก่กันทุกอณูเลยก็ว่าได้

ตัวเกมถ้าเล่นเอาเพลิน ๆ เน้นจบเข้าว่า ความยาวจะอยู่ที่ประมาณ 40-45 ชั่วโมง แต่ถ้าใครเป็นสายรักความสมบูรณ์แบบ ต้องเก็บ 100% ทุกสิ่งอย่างก็จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 60 ชั่วโมงครับ เควสต์ทั่วไปจะใช้เวลาทำไม่นาน การฟาร์มเลเวลก็ใช้เวลาไม่มาก ที่นานจะไปหนักกับการตามหาเพื่อนนับร้อยของเราให้ครบนี่แหละ

หากจะมีประเด็นที่ต้องให้ตำหนิ อย่างแรกที่น่าจะต้องพูดถึงก่อนเลยคือตลอดทั้งเกมดันมีฉากที่อิมแพ็คกับความรู้สึกผู้เล่นน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับความประทับใจที่เราเคยพบเจอใน Suikoden ครับ ซึ่ง Suikoden ที่ผ่าน ๆ มาจะมีฉากสะเทือนอารมณ์หรือทัชใจผู้เล่นอยู่ทุกภาค ไม่ว่าจะฉากที่เพื่อนบางคนยอมสละชีวิต หรือฉากบู๊ห้ำหั่นในตำนาน ฯลฯ แต่พอมาเป็น Hundred Heroes ฉากที่ควรจะมีเหล่านี้กลับแห้งผาก อีกทั้งการเล่าเรื่องบางช่วงก็เนิบนาบจนแทบหลับ เคราะห์ดีที่บทพูดของตัวละครหลายตัวเวลายิงมุกใส่กันยังมีความเอนเตอร์เทนและช่วยให้บรรยากาศผจญภัยครึกครื้นได้อยู่

ประเด็นถัดมาคือความที่พรรคพวกของเรามีมากกว่า 100 คน การเกลี่ยบทให้แต่ละคนได้แอร์ไทม์ไล่เลี่ยกันเลยทำได้ยากมาก ระหว่างที่เล่นเราจะรู้สึกได้ว่ามีบางตัวละครที่แทบจมหายหรือไร้ตัวตนไปดื้อ ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น งานเพลงประกอบของเกมนี้คือหนึ่งในปัจจัยที่แบกเกมควบคู่กับเกมเพลย์ครับ ยืนยันเลยว่าของเขาดีจริง เผลอ ๆ เพลงประกอบยังจะให้ฟีลอารมณ์ร่วมได้ดีกว่าฉากคัตซีนต่าง ๆ ในเกมเสียอีก

จากที่กล่าวมาทั้งหมด เราสามารถบอกได้เลยว่า Eiyuden Chronicle: Hundred Heroes นั้นเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่เกม RPG สมัยยุครุ่งเรืองในทศวรรษ 90 เคยสร้างความประทับใจมาก่อนไว้แทบจะครบถ้วน รวมถึงการเล่าเรื่องที่เสริมสร้างแรงบันดาลใจดี ๆ ขณะผจญภัยได้ลุ่มลึก เพียงแต่โครงสร้างของเกมโดยรวมออกจะล้าสมัยไปหน่อย หากเป็นผู้เล่นที่เติบโตมากับเกมยุค 10-20 ปีหลังอาจจะอินยากสักนิด ถึงกระนั้นระบบต่อสู้ยังโชว์ให้เห็นถึงความสร้างสรรค์อยู่บ้าง รวมถึงการปรับแต่งปาร์ตี้ที่ค่อนข้างทำได้หลากหลาย ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนคิดว่าตัวเองเปิดใจรับกับเกมที่มีกลิ่นอายเรโทรเป็นแกนหลักได้ เกมนี้ก็ย่อมตอบโจทย์ได้เช่นกันครับ

คะแนน 8


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้