รีวิวเกม The DioField Chronicle – ดวลสมรภูมิกลยุทธ์ ในโลกดินแดนแฟนตาซี

The DioField Chronicle

ในอดีตนั้น เกมแนววางแผนการรบที่สร้างชื่อเสียงให้กับค่าย Square Enix จะมีอยู่เพียงไม่กี่ซีรีส์ครับ เท่าที่แฟนเกมพอจะนึกออกได้แทบจะทันทีคงหนีไม่พ้น Final Fantasy Tactics, Front Mission หรือ Tactics Ogre เป็นหลัก กระทั่งล่าสุดก็เป็นการเปิดตัวเกมแนววางแผนซีรีส์ใหม่ที่มีชื่อว่า The DioField Chronicle

โดย The DioField Chronicle โทนเกมจะดูใกล้เคียงกับ Tactics Ogre อยู่บ้าง ทว่าต่างกันตรงที่ซีรีส์น้องใหม่ไม่ได้เป็นแนวเทิร์นเบส หากแต่เป็นแบบ Real-Time Tactical Battle หรือเกมวางแผนการรบตามเวลาที่เป็นจริง โดยผู้เล่นต้องคอยคำนึงถึงเวลาในการเคลื่อนที่หรือโจมตีของตัวละครหลังจากที่ป้อนคำสั่งไป

ทั้งหมดที่กล่าวมาถูกนำเสนอแนวการเล่นแบบคลาสสิกที่ถูกปรับให้ทันสมัยขึ้น พร้อมด้วยภาพแบบอนิเมชั่น 3D ทำให้การเล่นเกมมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อเรามองดูการเคลื่อนไหวของตัวละคร กองทัพ มอนสเตอร์ หรือมังกร และในบทความที่เพื่อน ๆ อ่านอยู่นี้คือ รีวิวเกม The DioField Chronicle ที่จะช่วยเพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นกับเกมนี้ครับ

The DioField Chronicle

ข้อมูลเบื้องต้นของเกม

แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S, Xbox One, Switch, PC
ผู้พัฒนา: Square Enix, Lancarse
แนวเกม: วางแผน, RPG
วางจำหน่าย: 22 กันยายน 2022

**ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS5**

เนื้อเรื่องของเกมนี้จะเป็นโลกแฟนตาซี ณ ดินแดน Alletain ที่มีสงครามเกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิ Trovelt-Schoevian และ สหพันธรัฐ Rowetale ซึ่งกลุ่มของตัวเอกคือกองทหารรับจ้าง Blue Fox ที่เข้าร่วมกับฝั่ง Rowetale นั่นเอง

ระบบของเกม

ระบบการเล่นเกมนี้จะใช้วิธีเลือกยูนิตให้เดินไปตามเป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งยูนิตของเราก็จะเดินไปตามคำสั่งแบบเรียลไทม์ สามารถกำหนดตำแหน่งเป้าหมายที่ต้องการให้ไปเป็นลำดับขั้นได้สูงสุดถึง 3 ขั้น โดยยูนิตทั้งฝ่ายเราและศัตรูจะมีระยะการมองเห็นแสดงให้ดูเป็นรัศมีไปด้านหน้า ถ้ายูนิตฝ่ายตรงข้ามอยู่ในระยะการมองเห็นก็จะเข้าทำการโจมตีเอง ส่วนทางด้านสกิลพิเศษจะต้องเสียค่า EP ในการใช้และจะมีระยะเวลาการคูลดาวน์ของแต่ละสกิลต่างกันด้วย และในระหว่างที่ยูนิตกำลังคูลดาวน์สกิลหนึ่งอยู่เราจะไม่สามารถใช้สกิลอื่นได้ (แต่จะยังคงโจมตีธรรมดาได้ตามปกติ)

The DioField Chronicle

ระบบสกิล

การใช้สกิลของฝ่ายเรานั้นเมื่อกดใช้แล้วจะมีผลทันที แต่ในทางกลับกัน ฝ่ายศัตรูจะมีเวลาการชาร์จก่อนใช้งานและจะแสดงรัศมีการโจมตีของสกิลขึ้นมาให้เห็น เราสามารถเลือกขยับยูนิตให้หลบออกจากรัศมีได้ หรือถ้าไม่อยากเสียกระบวนทัพก็ใช้สกิลที่มีผลหักล้าง เช่น สตันหรือแช่แข็ง ก็จะหยุดการใช้งานสกิลของศัตรูได้ และหากใช้สกิลที่ทำให้ศัตรูกระเด็นออกไป ระยะโจมตีของสกิลศัตรูก็จะเลื่อนออกไปด้วย นั่นจึงทำให้การหาวิธีพลิกแพลงรับมือศัตรูในระหว่างรอจังหวะคูลดาวน์เป็นลูกเล่นที่สนุกไม่น้อยของเกมนี้เลย

The DioField Chronicle

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้าว่าสกิลสตันหรือแช่แข็งจะใช้ในการหยุดการโจมตีของศัตรูได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ถ้าเรามีสลับกันใช้ในทีมเป็นจำนวนหลาย ๆ คนก็จะช่วยให้กำจัดกองกำลังของศัตรูได้อย่างสบาย แต่พึงระวังไว้ว่าตัวละครระดับบอสเมื่อโดนดีบัพไปครั้งหนึ่งแล้วมันจะเกิดภูมิต้านทานขึ้นมา ส่งผลให้บอสไม่อาจโดนสตันหรือแช่แข็งซ้ำได้อีกในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นจึงจำเป็นที่ผู้เล่นควรตั้งทีมแบบมีสกิลที่หลากหลายในการสู้กับบอส

The DioField Chronicle

ถึงฉากหน้าของเกมนี้จะเป็นแนววางแผนการรบ แต่ยูนิตที่เราสามารถนำเอามาลงในฉากได้จะมีเพียงแค่ 4 ยูนิตเท่านั้น แถมยังเปลี่ยนตัวละครได้แค่ 3 ครั้งในระหว่างทำภารกิจ ขณะที่ฝ่ายศัตรูนั้นในแต่ละภารกิจจะมีเยอะถึง 10-20 กว่าตัว

ทว่าเกมยังมีความปราณีที่ให้เราจับคู่ตัวละคร 2 ตัวใน 1 ยูนิตได้ โดยยูนิตหลักจะสามารถใช้สกิลของตัวละครรองได้ ซึ่งส่วนนี้ดูจะเป็นจุดเด่นของเกมที่ให้เราประยุกต์จับคู่ตัวละครเพื่อให้ได้ความสามารถที่ถูกใจ เช่น นักธนูจะมีสกิลตีลังกาถอยหลังแล้วยิงซึ่งเป็นสกิลที่มีความสามารถสูงแต่ระยะใช้งานสั้นจึงไม่ค่อยมีโอกาสใช้มากนัก แต่ถ้าเรานำเอานักธนูไปเป็นตัวละครรองให้กับยูนิตทหารม้าที่มีทักษะพุ่งประชิดศัตรูอย่างรวดเร็วก็จะทำให้ทหารม้าใช้งานสกิลนี้ได้ง่าย หรือถ้าเราให้ตัวละครที่มีท่ารุนแรงแต่ EP น้อย ไปอยู่กับตัวละครที่มีค่า EP เยอะก็จะทำให้ใช้สกิลแรง ๆ ได้บ่อยขึ้น เป็นต้น

The DioField Chronicle

ปกติแล้วตัวละครในเกมนี้จะใช้สกิลได้ตามอาวุธที่ถือ แต่การอัปเกรดสกิลในฐานนั้นจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติให้ทุกตัวละครที่ใช้สกิลนั้นได้ เช่น เพิ่มความรุนแรง ระยะ รัศมี หรือเพิ่มคุณสมบัติบัพ / ดีบัพให้สกิลนั้น ฯลฯ โดยตัวเกมจะมีการทำเซ็ตอัปสกิลให้ผู้เล่นใช้ทำคอมโบได้หลากหลาย ในช่วงแรก ๆ ก็เป็นลูกเล่นที่ทำให้เกมมีความท้าทายดี แต่พอเข้าช่วงท้ายของเกมฟีเจอร์ดังกล่าวดันทำให้เกมง่ายเกินไปจนขาดความท้าทายไปมาก

เนื่องจากตัวละครของเราจะมี EP เยอะขึ้นมาก อีกทั้งยังหาเครื่องประดับที่มีสกิลช่วยเพิ่ม EP ต่าง ๆ มาติดเสริมได้อีก พอมาทรงนี้เลยแทบจะใช้สกิลท่าพิเศษตลอดจนจบฉากได้สบาย ยิ่งพอมาใช้กับคอมโบหลาย ๆ อย่าง ทั้งแช่แข็ง สตัน ห้ามเดิน ไป ๆ มา ๆ เราจึงเหมือนเป็นฝ่ายยำอยู่ข้างเดียว คือเปิดฉากมาก็พุ่งเข้าไปจัดท่าเซ็ตเดิม ๆ วนซ้ำไปเรื่อยจนจบฉาก เรียกว่าสมดุลของเกมหายไปดื้อ ๆ ซะอย่างนั้น

The DioField Chronicle

ระบบภารกิจ

ภารกิจนึงจะใช้เวลาในการเล่นไม่นานมาก อยู่ที่ราว ๆ 6 นาที ซึ่งถ้าปรับเร่งเวลาให้เร็วขึ้นก็จะยิ่งจบไวขึ้นอีก นอกจากนั้นแล้ว แต่ละภารกิจก็จะมีเงื่อนไขพิเศษด้วย โดยเราจะได้รางวัลตอบแทนจากการทำเงื่อนไขพิเศษได้ ทั้งนี้ ของที่ผู้เล่นไม่ควรพลาดคือคริสตัลที่มีไว้ใช้อัปตารางสกิล อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเผลอพลาดไปหรือรู้สึกว่าทำเงื่อนไขภารกิจลำบากเพราะเรามีเลเวลน้อยเกินไปก็ไม่เป็นไร เนื่องจากเรายังสามารถเลือกเล่นแก้มือทีหลังได้ในส่วนของสนามฝึกซ้อมที่สามารถเล่นฉากย้อนหลังได้ มิหนำซ้ำเกมนี้ยังเลือกปรับความยากง่ายได้ตลอดเวลา เลเวลของศัตรูก็จะต่างกันเล็กน้อยก็ช่วยให้เก็บเงื่อนไขได้ง่ายขึ้น และความยากง่ายก็จะไม่มีผลกับรางวัลหรือเงินที่ได้รับด้วย

The DioField Chronicle

จุดที่น่าเบื่อมหันต์เลยก็คือเงื่อนไขพิเศษของแต่ละภารกิจ เรียกว่าเหมือนกันหมดทั้งเกม คือห้ามให้มีตัวละครฝ่ายเราตายเลย หรือผ่านฉากในเวลาที่กำหนด (ประมาณ 4-8 นาที) และถ้ามีหีบในฉากนั้นก็ให้เปิดด้วย ซึ่งทั้งเกมจะมีแค่นี้ (แค่นี้จริง ๆ) หากเล่นไปสักระยะจะรู้สึกถึงความจำเจหนักมาก อีกอย่างก็คือทั้งลักษณะฉาก ศัตรูหรือมอนสเตอร์ยังมีไม่หลากหลายนัก บ่อยครั้งที่เล่นแล้วชวนรู้สึกว่ามันซ้ำ ๆ โดยเฉพาะพวกภารกิจรอง จะมีอยู่แค่ไม่กี่ภารกิจเท่านั้นที่มีความเฉพาะตัวบ้าง เช่น คุ้มครองพื้นที่ หรือพา NPC หนี อะไรทำนองนี้

The DioField Chronicle

หลังจบแต่ละภารกิจจะเป็นช่วงอินเตอร์มิชชั่นที่ให้เราเดินพูดคุยในฐานเพื่อหาข้อมูลภารกิจและจัดเตรียมกองทัพ
โดยการพูดคุยจะช่วยเปิดภารกิจรอง ซึ่งบางครั้งก็จะทำให้เราได้รับเพื่อนร่วมทีมเพิ่มด้วย ด้วยเหตุนี้จึงควรทำให้ครบ

ร้านค้า อาวุธ เครื่องประดับ และไอเทม

ส่วนร้านค้าในฐานจะมีของจำหน่ายแบ่งเป็น 3 ประเภทได้แก่ อาวุธ เครื่องประดับ และ ไอเทม ทางด้านอาวุธนั้นจะสวมใส่ได้ต่างกันตามคลาสของตัวละคร ขณะที่การใช้สกิลจะขึ้นกับอาวุธที่สวมใส่ อนึ่ง อาวุธแต่ละชิ้นจะเป็นตัวกำหนดผู้ที่สวมใส่ว่าจะสามารถใช้สกิลอะไรได้ ดังนั้นการเลือกอาวุธที่แรงที่สุดเป็นหลักอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเสมอไป นอกจากนี้อาวุธบางอันก็อาจเสริมพลังโจมตีต่อศัตรูบางประเภทมากขึ้นด้วยเช่นกัน

The DioField Chronicle

ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ในฐานก็จะมีเรื่องของการอัปเกรดมนต์อสูร อัปสกิล และพัฒนาอาวุธใหม่ แน่นอนว่าถ้าเป็นเกมแนวแฟนตาซีจาก Square Enix ก็จะต้องมีมนต์อสูรด้วย โดย Magilumic Orb เป็นมนต์อสูรที่เรียกมาใช้งานได้ด้วยการเพิ่มเกจ TP ด้วยการเก็บลูกแก้วสีฟ้าที่มีในฉากหรือดรอปแบบสุ่มจากการกำจัดศัตรู ซึ่งก็มีผลใช้งานต่างกัน เช่น โจมตีหรือฟื้นพลังเป็นวงกว้าง

The DioField Chronicle

สิ่งที่น่าตลกอีกอย่างก็คือฝ่ายศัตรูเกือบทั้งหมดดันไม่มีภาพหน้าตัวละครให้ดูเวลาพูดคุย ขณะที่เล่นก็เลยไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้น แถมชวนให้รู้สึกเหมือนกับว่าตัวละครพวกนี้คงพวกระดับลูกกระจ๊อกก็เป็นได้ เพราะขนาดใบหน้ายังไม่มีให้ดู ซ้ำร้ายกว่านั้น กว่าบางตัวร้ายจะมีบท พี่แกก็เล่นออกมาในมูวี่เพียงไม่นานตอนใกล้จะจบเกมแล้วด้วย ซึ่งการที่เกมไม่โฟกัสไปที่ฝ่ายตัวร้ายบ้าง มันเลยทำให้เวลาเล่นแล้วมันไม่ได้อารมณ์มีจุดมุ่งหมายแบบเกมอื่นที่จะต้องมีตัวร้ายหรือศัตรูคู่อาฆาตอออกมาให้เรารับรู้เรื่องราว หรืออินไปกับเกมได้บ้าง

The DioField Chronicle

โดยรวมแล้วก็เป็นเกมที่น่าสนใจระดับหนึ่ง หลัก ๆ ก็เป็นเกมวางแผนการรบเรียลไทม์ที่มีวิธีเล่นแบบดั้งเดิม ที่ค่อนข้างหาเล่นได้ยากบนเครื่องคอนโซลยุนปัจจุบัน เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจและวางปริศนาของตัวละครเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกที่ไม่ได้บอกภูมิหลังชัดเจน ตลอดจนเพื่อนร่วมรบหลายคนที่ไม่รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริง ส่วนการเล่นนั้นช่วงแรกจะพอมีท้าทายหน่อย เพราะตัวละครเราก็ทำอะไรได้ค่อนข้างจำกัด ต้องมีการวางแผนหลอกล่อใช้สกิลให้เหมาะ แต่พอได้อัปเกรดไปสักพักจะเหมือนสมดุลเกมมันเสียไปดื้อ ๆ กลายเป็นว่าตัวละครฝ่ายเราจะทำอะไรได้เยอะขึ้นมากเกินไปจนเล่นแบบวิ่งดุ่ย ๆ เข้าไปยัดสกิลรัว ๆ ก็ผ่านได้สบาย แถมเป้าหมายภารกิจเกือบทั้งหมดก็หาความหลากหลายไม่เจอ มีแต่ความจำเจที่นำเสนอมาให้ในส่วนนี้ ถ้าไม่โหยหาเกมแนวนี้เป็นพิเศษ จะรอเกมลดราคาในสโตร์ตามวาระเทศกาลต่าง ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใดครับ


ข้อดี

  • ระบบเกมเป็นแนวคลาสสิคที่นำเสนอในรูปแบบ 3D ที่สวยงาม
  • ลูกเล่นการผสมสกิลมีการออกแบบมาดีระดับหนึ่ง สามารถประยุกต์ทำคอมโบพลิกแพลงวิธีเล่นได้หลากหลาย
  • ระบบต่าง ๆ เกมเข้าใจได้ง่าย มีการอธิบายสกิลและความสามารถต่าง ๆ ไว้ชัดเจน

จุดด้อย

  • ตัวเกมยังมีปัญหาเรื่องบาลานซ์ เมื่ออัปเกรดสกิลตัวละครไปถึงระดับหนึ่ง ศัตรูแทบจะทำอะไรเราไม่ได้
  • เงื่อนไขของแต่ละภารกิจแทบจะเหมือนกันหมด แทบหาความแตกต่างหรือฟีลอื่น ๆ ไม่เจอเลย
  • โมเดลตัวละครยังดูเคลื่อนไหวแบบแข็ง ๆ ไม่ค่อยสมูธนัก

คะแนน 7


ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ภายในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้