รีวิวเกม Monster Hunter Stories 2 สู่ตำนานปีกแห่งการล่มสลาย ที่สนุกเกินคาด

ก็พึ่งวางจำหน่ายกันไปได้ประมาณอาทิตย์นึงนะครับสำหรับ Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin อีก 1 เกมในซีรี่ส์ Monster Hunter ที่แยกตัวออกมาเป็นอีกเกมหนึ่งที่ได้มีการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นไปทั้งหมดกลายเป็น JRPG พร้อมเสิร์ฟเนื้อเรื่องให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำไปกับชีวิตของ “ไรเดอร์” ที่มีการผจญภัยสุดยิ่งใหญ่รอเราอยู่นั่นเองครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปอ่านรีวิวพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่า Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin จะเป็นอย่างไรบ้างจ้า

*รีวิวจากเวอร์ชั่น Steam นะครับ
**ภาพอาจมีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วน

สำหรับ Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin นั้นตัวเกมจะเป็นแนว Turn-based RPG ซึ่งแตกต่างจากแนวเดิมที่เป็น Hunting Action ครับ โดยเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับการผจญภัยของเราที่เป็น “ไรเดอร์” หน้าใหม่ ใช่แล้วครับซีรี่ส์นี้เราจะเป็นผู้ทำพันธสัญญาและเลี้ยงดูมอนสเตอร์ผ่านหิน Kisuna (หรือ Kinship) ไม่ได้เป็นผู้ล่าจ๋าขนาดนั้น ถึงแม้จะหน้าใหม่แต่มีศักดิ์เป็นหลานของไรเดอร์ในตำนานเลยทีเดียว (เรซ น่าจะเป็น้ตัวละครหลักของภาคแรกรึเปล่าไม่แน่ใจนะครับ) ซึ่งมันเริ่มต้นจากการอพยพของราธาลอสและแสงปริศนา เราเลยต้องออกเดินทางเพื่อค้นหาสาเหตุ พร้อมกับได้เจอเพื่อนร่วมทางทั้งที่เป็นมนุษย์และมอนสเตอร์ที่ถูกเรียกว่า Monstie แทนสำหรับตัวที่สามารถเลี้ยงได้นั่นเองครับ

ทางด้านระบบการต่อสู้อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าเป็นแนว Turn-based RPG ก็จริง แต่ตัวเกมก็ไม่ได้มีความเชยแต่อย่างใดด้วยการใส่ลูกเล่นต่างๆ ระหว่างต่อสู้เข้ามาอย่างเช่นระบบการแพ้-ชนะทางอย่าง ท่าสีแดงชนะสีเขียว สีเขียวชนะสีฟ้า สีฟ้าชนะสีแดง เหมือนเป่ายิ้งชุบกัน ซึ่งจะมีผลชัดเจนเวลาต่อสู้แบบ head to head หรือเล็งเป้าชนกันครับ ตัวเรื่องระบบการแพ้ธาตุของมอนสเตอร์ก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม และยังมีการตัดเข้า QTE ที่ให้เราปั้มปุ่มเพื่อสร้างความเสียหายได้แบบฟรีๆ และมีคัทซีนสวยๆ ให้ดูอีกด้วย มีการใช้สกิลต่างๆ โดยจะเป็นการใช้ค่าที่เรียกว่า kinship ซึ่งถ้าเต็มก็จะสามารถขี่มอนสเตอร์และสามารถใช้ท่าไม้ตายที่เป็นคัทซีนเท่ๆ สวยๆ ของแต่ละตัวได้ด้วยครับ (สามารถใช้คู่กับพาร์ทเนอร์เป็นท่าคู่ได้ด้วยนะ) ส่วนอาวุธนั้นจะถูกจำแนกออกเป็น 3 ประเภท 6 อาวุธ ดังนี้ครับ

อาวุธประเภทฟัน – ดาบโล่ เน้นการโจมตีด้วยธาตุและสถานะผิดปกติต่างๆ อัตราคริกับพลังป้องกันจะสูงกว่าอาวุธอีกประเภทก็คือ ดาบใหญ่ ที่จะเน้นการโจมตีมากกว่า และมีสกิลโจมตีที่ต้องใช้ต่อเป็นคอมโบเพื่อเพิ่มความรุนแรง

อาวุธประเภทแทง – ธนู เน้นการโจมตีเป็นหลัก สามารถพลิกแพลงการเล่นด้วยสกิลต่างๆ ขึ้นอยู่กับธนู สามารถชาร์จเพื่อโจมตีอัตโนมัติอย่างรุนแรงตอนจบเทิร์นต่อไปได้ด้วย ส่วนอีกอาวุธจะเป็นหอกปืนที่จะโจมตีเบากว่า แต่มีค่าคริและพลังป้องกันเพิ่มขึ้นมาแทน สามารถทดแทนความแรงด้วยสกิลที่ใช้กระสุนปืนได้ และมีสกิลที่เหมาะกับการ head to head เพราะถ้าชนะจะเพิ่มเกจ kinship ได้เยอะขึ้นครับ

อาวุธประเภททุบ – ค้อน เป็นอาวุธที่เน้นพลังโจมตีเป็นหลัก สามารถโจมตีได้หนักหน่วง ใช้เกจชาร์จเหมือนกับของดาบใหญ่เช่นกัน อีกอาวุธจะเป็นค้อนแตรที่จะมีความสามารถในการโจมตีลดลงมาเพื่อแลกกับการเป่าเพื่อเป็นการบัฟปาร์ตี้ในด้านต่างๆ ตามตัวโน๊ตที่ติดมากับอาวุธนั่นเองครับ

ซึ่งเราจะสามารถพกอาวุธไปได้ 3 ชิ้น สามารถสลับใช้งานในการต่อสู้ได้ ซึ่งมันจะไปสอดคล้องกับการโจมตีในแต่ละพาร์ทของมอนสเตอร์ด้วยครับ เพราะพวกมอนสเตอร์ (ที่ไม่ใช่ระดับล่างๆ) เวลาโจมตีจะมีให้เลือกตำแหน่งที่จะโจมตี แต่ละชิ้นส่วนก็จะมีการแพ้ที่แตกต่างกันไปตามแต่ละตัวอย่างเช่นบางตัวส่วนหางแพ้การฟัน แต่หัวแพ้การทุบ ก็ต้องเปลี่ยนให้ตรงประเภท ถามว่าไม่เปลี่ยนได้รึเปล่า ? ก็ได้ครับ แต่ดาเมจจะเบาลง ซึ่งถ้าพังชิ้นส่วนนั้นๆ ได้ก็จะได้รับรางวัลตอนจบเพิ่มขึ้น และถ้าพังทุกชิ้น มอนสเตอร์ก็จะล้มลงและทำให้เราโจมตีติดคริติคอล 100% 1 เทิร์นครับ

ในด้านของระบบเควสต์ของเกมนั้น ด้วยความมี RPG เป็นพื้นฐาน ทำให้เควสต์หลักของเกมก็จะเป็นเนื้อเรื่องต่างซึ่งในช่วงแรกที่เคลียร์จบก็จะเป็นเหมือนการเคลียร์ Low Rank นั่นเองครับ ทีนี้เควสต์อื่นๆ ก็ยังมีให้ทำอีกหลายอย่างเช่นกันครับอย่างเช่น Subquests ก็คือเควสต์รอง สามารถรับได้จากบอร์ดในเมืองหรือผู้คน NPC ต่างๆ ครับ มีทั้งการล่ามอน หาของต่างๆ มากมาย Trial Quest ที่เป็นเควสต์ให้ล่ามอนสเตอร์ทั้งหมดที่โผล่มาในเควสต์ หากล่าได้ในเทิร์นที่กำหนดก็จะได้รับของรางวัลไป Tournament ที่เป็นเหมือนการเล่นแบบ PvP กับ AI ของเกมครับ จะมีทั้งแบบคู่แบบเดี่ยว ไรเดอร์ 1 คนสามารถพกมอนสเตอร์ไปได้ 3 ตัวเพื่อต่อสู้กัน ใครนอนแมวครบ 3 รอบก่อนแพ้นั่นเอง และสุดท้ายก็คือการเล่นแบบ Multiplayer ที่เราสามารถเล่นได้ทั้งแบบ Co-op ช่วยกันทำเควสต์ต่างๆ หรือจะ Versus Battle ที่ต่อสู้กันเองก็ได้ครับ รวมแล้วก็ถือว่ามีอะไรให้ทำระหว่างทางไม่น้อยเลยทีเดียว

ระหว่างการผจญภัยนั้น ในแผนที่โลกอันกว้างใหญ่ เราจะได้พบกับมอนสเตอร์ที่เดินเรียงรายอยู่ทั่วไป หากไม่ต้องการสู้ก็สามารถวิ่งหนีหรือใช้สกิล Roar เพื่อตะโกนไล่มอนสเตอร์ระดับต่ำกว่าตัวที่ตะโกนได้ นอกจากนั้นก็จะมีถ้ำให้สำรวจระหว่างการผจญภัยอีกด้วยครับ ซึ่งหลักๆ จะมีอยู่ 2 แบบได้แก่

Monster Den – ถ้ำประเภทนี้จะเป็นถ้ำที่เอาไว้หาไข่ของมอนสเตอร์ต่างๆ มีทั้งแบบสุ่มเกิด และมาจากมอนสเตอร์ที่หนีไประหว่างต่อสู้ ถ้าโชคดีหน่อยก็จะมี Rare Monster Den ขึ้นมา ไข่ที่ขุดได้จากในถ้ำนี้มักจะมีแสงเป็นส่วนใหญ่ครับ

Eveden – ถ้ำประเภทนี้จะเป็นถ้ำที่เอาไว้สำรวจเพื่อหาไอเทมต่างๆ มากกว่า ซึ่งจะมีกล่องสมบัติที่มีไอเทมพิเศษอย่าง Bottle Cap อยู่ด้วยเสมอ โดยจะเป็นไอเทมเอาไว้แลกของต่างๆ กับแมวในเมือง มีตั้งแต่อาวุธ ชุดเกราะ ใบเพิ่มช่องเก็บ Monstie ใบสำรวจถ้ำ Rare ใบคราฟท์ไอเทมต่างๆ ทรงผม ชุดเลเยอร์ ของเพิ่มสเตตัส และอื่นๆ อีกมากมายเลยทีเดียวครับ

ไฮไลท์ของ Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของการเลี้ยงมอนสเตอร์ต่างๆ (หรือที่เรียกว่า Monstie) ที่เราหามาได้นั่นเองครับ ค่าสถานะพื้นฐานของ Monstie นอกจากประเภทกับไทป์ก็จะมีดังนี้ครับ

Max HP – ค่าพลังชีวิตสูงสุดของ Monstie
Speed – ความเร็วของ Monstie ตัวไหนเยอะกว่าจะออกโจมตีก่อน
Attack – ค่าพลังโจมตีของ Monstie จะมีเรื่องธาตุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
Defense – ค่าพลังป้องกันของ Monstie จะมีเรื่องธาตุเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน
Weak Point – จุดอ่อนของ Monstie หากโดนธาตุนั้นๆ โจมตีจะรุนแรงขึ้น

ค่าพวกนี้ส่วนใหญ่จะแตกต่างกันด้วยตอนที่เราไปเก็บไข่มาฟักครับ มันจะมี 3 ระดับได้แก่ ไม่มีแสง, มีแสงปกติ, มีแสงสีรุ้ง (ถ้าเก็บมาแล้วลืม ตอนฟักไข่สามารถดูได้ที่ช่อง Smell ครับ) ซึ่งตอนฟักมาจะได้ค่าสถานะเพิ่มเติมตามระดับของไข่นั่นเองครับ อีกอย่างหนึ่งก็คือการใช้ไอเทมประเภท Nutrim. ที่เป็นยาเพิ่มค่าสถานะถาวร แต่แนะนำให้ไปทำกับตัวระดับสูงดีกว่าครับ นอกจากนี้ก็มีอีกเรื่องที่ทำให้เกมนี้กินเวลานานในการฟูมฟักแต่ละตัวก็คือ Gene นั่นเองครับ

ใน Monstie แต่ละตัวจะมี Gene ที่เป็นตาราง 8 เหลี่ยมทั้งหมด 9 ช่อง ซึ่ง Gene นี้ก็คือสกิลของตัว Monstie นั่นเองครับ จะมีทั้งแบบ Passive ที่เป็นสกิลติดตัว และ Active ที่เป็นสกิลกดใช้ ซึ่งไอ้ Gene นี่แหละที่เราสามารถย้ายจากตัวนึงไปยังอีกตัวนึงผ่านคอกด้วยคำสั่ง Rite of Channeling ได้ครับ โดยสีจะมีทั้งเป็นตัวบอกธาตุ ประเภท หรือความหายาก อันนี้ต้องไปกดดูรายละเอียดต่อกันอีกที และ Gene หากใส่สีเดียวกันเรียงแถว ก็จะมีการเพิ่มค่าพลังโจมตีของประเภทหรือธาตุนั้นๆ อีกด้วยครับ ทำให้แม้ว่า Monstie ตัวเดียวกัน แต่ความสามารถอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยก็เป็นได้ และการที่เราจะหา Gene ระดับสูงๆ ได้นั้นบอกเลยว่าเหนื่อยไม่เบาเลยครับ

ที่เหลือก็จะเป็นระบบยิบย่อยบ้างอย่างพวก ระบบผสมไอเทม ที่ก็ยังคงมีอยู่ในภาคนี้ ระบบ Fast Travel ที่ชื่อว่า Cartavan Stand ที่เป็นเสาแมวเอาไว้ใช้เซฟกับเปลี่ยนเป็นกลางวัน/กลางคืนได้ด้วย ระบบ Prayer Pot ที่เป็นเตาเผารูปแมวเอาไว้ขอพรเพื่อเพิ่มบัฟในด้านต่างๆ รวมไปถึงการใช้ไอเทมประเภท Charm เพื่อส่งผลบัฟต่างๆ เป็นระยะเวลาหนึ่งด้วยเช่นกัน ระบบบ้าน ที่เอาไว้เปลี่ยนชุดเลเยอร์ต่างๆ ให้ Navirou กับ Ena เปลี่ยนรูปร่างตัวละครเราเอง และสามารถเอาไว้ย้อนดูคัทซีนเนื้อเรื่องที่เคยผ่านมาแล้วกับพวกท่าไม้ตาย Kinship Skill ได้ด้วยครับ

ก็ประมาณนี้สำหรับ Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin อีก 1 เกมจากซีรี่ส์ล่าแย้ที่ผันตัวเป็น JRPG มีเนื้อเรื่องชวนให้น่าติดตาม ถ้าเล่นให้จบแบบไม่แวะก็น่าจะราวๆ 25-30 ชั่วโมง แต่ถ้าแวะก็เกินไปอีกยาวๆ เลยครับ มีระบบการเล่นต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็น Turn-based แต่ก็ไม่รู้สึกตกยุค ต้องใช้ความคุ้นชินในการล่า มีเนื้อหาช่วง End Game ให้ทำ สามารถเล่นออนไลน์กับผู้เล่นอื่นเพื่อช่วยกันทำภารกิจหรือจะต่อสู้กันก็ยังได้ ก็ถือว่าค่อนข้างครบสำหรับยุคนี้ ส่วนตัวแอบรู้สึกว่ามีมอนสเตอร์เยอะกว่า และมีเนื้อหาอัปเดตที่วางไว้น่าสนใจกว่าภาค Rise เสียอีก (คงรอลง PC ละค่อยมีอะไรใหม่ๆ เพิ่มหล่ะมั้งนะ) หากใครที่เป็นแฟนซีรี่ส์ Monster Hunter หรือชื่นชอบ JRPG ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ออกไปต่อสู้ธีมๆ Digimon, Pokemon ผมบอกเลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

Monster Hunter Stories 2 Wings of Ruin
คะแนน 8.5/10

ขอบคุณ Sicom Amusement สำหรับการเอื้อเฟื้อตัวเกมเพื่อการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้