รีวิวหนัง Shin Ultraman – เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญเกมการเมืองของผู้ทรงภูมิต่างดาว!

ผมชอบ Shin Godzilla มาก อาจจะด้วยความทึ่หลงรักสัตว์ประหลาดยิงพลังงานนิวเคลียร์จากปากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้รูปแบบการตีความตัวของ Godzilla ในหนังจากที่เคยเป็นผู้ทำลายบ้างเป็นผู้พิทักษ์บ้าง กลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้ความคิดเปี่ยมอันตรายรอบตัวชนิดที่แทบไม่ต้องหาทางสื่อสารหรือเจรจาด้วยนั้นมันเป็นอะไรที่อเมซซิ่งมาก

Shin Ultraman

ทว่าก็ยังไม่ใช่ที่สุดของแจ้แต่อย่างใด เพราะเหนือกว่าการดีไซน์คอนเซปต์ตัว Godzilla ขึ้นใหม่คือการรื้อโครงสร้างของโลกในหนังเสียใหม่และนำเสนอออกมาในแนวตลกร้ายจิกกัดได้อย่างแสบสันต์ เพราะในขณะที่ภัยพิบัติแสดงตัวให้เห็นทนโท่อยู่ด้านหน้า มนุษย์กลับยังคงติดหล่มในระบบและกลไกที่ตัวเองสร้างขึ้นมาอย่างน่าปวดหัว และชวนหัวร่องอหายสมเพชกับซีนในหนังที่เราเห็นภาพความเป็นจริงซ้อนทับอย่างชัดเจน

ดังนั้นแล้วกับ Shin Ultraman ผมจึงตั้งตารอชมในพาร์ทนี้อย่างมาก จนการดีไซน์ Ultraman ที่ดูหลุดจัดๆ เป็นเรื่องรองไปเลย น่ายินดีที่เรื่องนี้ยังมีพาร์ทการเมืองมนุษย์อย่างเต็มเปี่ยม แม้อาจไม่จิกกัดหนักมือเท่า แต่ก็กล้าเล่นในประเด็นที่ต่างออกไป ไกลตัวขึ้นหน่อยแต่ก็ชวนให้ขบคิด ในขณะที่การดีไซน์คอนเซปต์ใหม่ของ Ultraman กลับมีความโดดเด่นและ “ไม่ยั้งมือ” มากยิ่งกว่า ผมอาจยังคงชอบ Shin Godzilla ที่สุด แต่ Shin Ultraman ก็ชวนว้าวไม่แพ้กัน

ภาพยนตร์ : Shin Ultraman (2022)

  • ชื่อหนังต้นฉบับ : シン・ウルトラマン
  • ประเภทหนัง : Action(แอ็คชั่น) , Drama(ดราม่า)
  • ผู้กำกับ : Shinji Higuchi
  • ผู้เขียนบท : Hideaki Anno
  • ผลิตโดย : Tsuburaya Productions, Toho, Khara Corporation
  • เผยแพร่โดย : Toho Company
  • กำหนดฉายไทย :  22 กันยายน 2565

***บทความนี้มีสปอยล์เล็กน้อย

รีวิวหนัง Shin Ultraman รอบนี้ ผมไม่อยากพูดว่าเรื่องนี้จะเป็นการ Reboot ซีรีส์อุลตร้าแมน ใหม่ทั้งหมด เพราะให้เดามันก็คงมีภาคเดียวนี่แหละ แถมซีรีส์ Ultraman ยุคปัจจุบันก็ดูจะเริ่มปรับตัวกับยุคสมัยได้และกลับมาเรียกผู้ชมได้อีกครั้งแล้ว ดังนั้นแล้วจึงมองว่านี่คือภาพยนตร์ทริบิวต์แฟนๆ Ultraman ที่ถูกตีความใหม่ เซ็ตติ้งใหม่ Lore ใหม่ๆ และถูกบอกเล่าในรูปแบบที่ต่างออกไปพร้อมเทคนิคที่ล้ำสมัยขึ้น โดยมีโจทย์ว่ายังคงต้องยึดโยงและเคารพต้นฉบับอยู่ ซึ่งในภาพรวมผมว่าเขาทำได้ดีมากๆ มันเป็นเหมือน Ultraman ที่ถูกพูดถึงในบริบทที่ร่วมสมัย และมีความเป็นวิทยาศาสตร์บนโลกจริงมากยิ่งขึ้น

Shin Ultraman

ในแง่ของพาร์ทการเมืองอันเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์ในจักรวาล Shin อยู่แล้วนั้น ตัวหนังไปเล่นในประเด็นที่ใหญ่กว่า Shin Godzilla ที่อาจง่วนอยู่กับระบบราชการกับการรับมือภัยพิบัติ โดยเป็นประเด็นการเมืองทั้งในระดับประเทศและระหว่างประเทศ เพราะในเมื่อญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่มีไคจูปรากฎ การรับมือกับพวกมันก็ยังต้องพึ่งการซื้ออาวุธจากต่างประเทศ แต่แม้จะเป็นประเทศลูกไล่อเมริกาแบบนี้ (ตัวละครในเรื่องพูดชัดเจน) ก็ดันเป็นประเทศแรกที่คอนแทคกับมนุษย์ต่างดาวได้ จึงมีความรู้สึกอยากจะปลดแอกและต้องการเทคโนโลยีต่างดาวอยู่ในที ถึงอย่างนั้นพลังการฑูตของพวกเขาก็ไม่ได้มากมายและไร้พลังในการต่อรองกับสิ่งมีชีวิตทรงภูมิที่กะมาเล่นเกมการเมืองโดยเฉพาะ ก็เป็นเหตุให้เกิดปัญหาใหญ่โตขึ้นอยู่ดี

Shin Ultraman

ผมชอบประเด็นตรงนี้มาก เพียงแต่การบอกเล่ามันดูติดขัดไม่ต่อเนื่องไปซะหน่อย ไม่ถึงกับขาดช่วงไปเลย แต่พออารมณ์มันสะดุดหลายๆ ทีก็มีหงุดหงิดบ้าง และในเวลาเดียวกันตัวหนังก็กลัวจะพูดเรื่องที่อยากเล่าไม่หมด มันจึงเดินเรื่องเร็วจี๋คัตซีนกันแบบเดือดๆ โถมข้อมูลใส่คนดูไม่พัก หากไม่ได้ตั้งใจดู หรือเป็นติ่ง Ultraman ที่มีความรู้ชั้นปฐมภูมิมาก่อนก็อาจน็อคสลบกลางทางได้

อย่างไรก็ตามส่วนที่ผมชอบมากที่สุดคือการตีความอุลตร้าแมนให้เป็นสิ่งมีชีวิตทรงภูมิจากต่างดาว มีกฎระเบียบของเผ่าพันธุ์ในจักรวาล อารมณ์เดียวกับเหล่าเซเลสเชี่ยลใน MCU นั่นแหละ คือเป็นพวกยึดมั่นเหตุผลและหลักการ พัฒนาจิตใจจนสูงส่งในระดับที่ลืมเลือนละทิ้งซึ่งความรู้สึกและอารมณ์ทั้งมวลไปแล้ว นับรวมไปถึงการเคลื่อนไหวและการต่อสู้ที่ดูจะมีความ “บิดเบี้ยว” เหนือล้ำกว่าหลักการใดๆ ทำให้มีความเป็นการ์ตูนอยู่บ้าง นับรวมไปถึงการปรากฎตัวของสองไอคอนสำคัญในรูปแบบบอกเล่าใหม่ที่หากชอบความหนักมือก็จะชอบไปเลย แต่ถ้ายังติดภาพเก่าๆ และอยากได้แค่ดีไซน์ใหม่แต่ยังคงความเป็นแก่นเดิมไว้ก็อาจจะผิดหวังกันได้ ส่วนตัวผมเป็นฝ่ายแรก

Shin Ultraman

นอกเหนือจากเรื่องที่กล่าวมา Shin Ultraman ยังมีการทริบิวต์ต่างๆ นานามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอฟเฟกต์ต่างๆ ที่จงใจให้ดูมีความเก่าเพื่อเชื่อมต่อโลกยุคใหม่กับความคลาสสิคเข้าหากันได้อย่างน่าดูชม ใครเป็นแฟน Ultraman น่าจะมีอีสเตอร์เอ้กให้หากันเพียบ รวมไปถึงเทคนิคการถ่ายทำและมุมกล้องเฉพาะตัวที่ต้องมาดูในโรงภาพยนตร์จริงๆ จึงจะสัมผัสมันได้อย่างเต็มเปี่ยม

Shin Ultraman ไม่ใช่งานที่ทุกคนจะชอบแน่ๆ มันมีความเฉพาะตัวสูง และเรียกร้องความเข้าใจในความเป็นตัวเองอย่างถึงที่สุด ระดับที่ไม่อาจเอาตรรกะทั่วไปชั้วัดได้ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นงานที่หากใครคิดอยากจะลอง ก็สามารถเชียร์ให้ไปดูได้อย่างเต็มปากครับ

ขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชมภาพยนตร์ครั้งนี้

Shin Ultraman

VERDICT

8/10

ดูรอบหนัง และจองตั๋วได้ คลิกที่นี่ https://majorcineplex.com/booking2/search_showtime/movie=1760

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้