Scarlet Nexus รีวิว – แม้จะดูงานลวกไปบางจุด แต่ก็เป็น IP ใหม่ที่น่าคาดหวัง

เวลาเราพูดถึงบริษัท Bandai Namco เรามักจะนึกถึงเกมจากฝั่งญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าเกมจากอนิเมะต่างๆ ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็มีไตเติ้ลเกมเป็นออริจินัลอยู่ไม่น้อย และหนึ่งในนั้นที่หลายๆ คนรู้จักกันดีก็คือ Tales แฟรนไชส์เกม JRPG ที่มีมากมายหลายภาค ซึ่งปีนี้เอง Tales of Arise ก็น่าจะเป็นอีกผลงานที่ทาง Bandai Namco คาดหวังอย่างสูงเช่นเคย

Scarlet Nexus
Scarlet Nexus

ทว่าปีนี้เองทาง Bandai Namco ก็ดูอยากจะนำเสนอเกม Action RPG IP ใหม่ของตัวเองเช่นกัน นั่นก็คือ Scarlet Nexus ซึ่งพอดูจากการโปรโมตตั้งแต่เปิดตัวแล้ว เดาได้ไม่ยากว่านี่คืออีกหนึ่งเกมที่ Bandai Namco ต้องการปั้นให้กลายเป็นแฟรนไชส์ทรงคุณค่าให้ได้ โดยตัวผมเองหลังใช้เวลากับมันไปร่วม 40 ชั่วโมง จบเกมไป 1 รอบ ก็พบว่าเกมมันอาจไม่ได้มาสเตอร์พีชขนาดนั้น แต่ใช่ครับมันสามารถกลายเป็นแฟรนไชส์ที่ยอดเยี่ยมได้หากถูกใส่ใจมากกว่านี้อีกหน่อย

Scarlet Nexus เป็นเกมแนว Action RPG กราฟิกสไตล์อนิเมะ เซ็ตติ้งคือโลกที่ถูกศัตรูลึกลับ “Other” รุกราน แต่ก็สามารถรับมือกับมันได้ด้วยกลุ่ม OSF กองกำลังมนุษย์ผู้มีพลังพิเศษโดดเด่น ซึ่งนอกจากจะคอยขจัดภัยจากพวก Other ให้กับประชาชนแล้ว ก็ยังต้องคอยพยายามบุกทำลายรังของพวก Other ไปพร้อมๆ กัน

ผู้เล่นจะได้เลือกเล่นเป็น 1 ใน 2 ตัวละครหลักอย่าง Yuito Sumeragi (ชาย) และ Kasane Randall (หญิง) ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจะภูมิหลัง, สถานะทางสังคม, อาวุธที่ใช้, มูฟเม้นต์, สกิลเซ็ต ลักษณะนิสัย เพื่อนร่วมทีม และที่สำคัญคือเนื้อเรื่อง เนื่องจากทั้งคู่มีตัวตนอยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน มีสมาชิกในหน่วยกลุ่มเดียวกัน แต่มักจะแยกภารกิจกันทำอยู่เสมอส่งผลให้เส้นเรื่องกว่า 80% ของเกมนั้นถูกแยกจากกันชัดเจน ก่อนจะมาบรรจบกันในช่วงท้าย

ด้วยเหตุข้างต้นการเล่นตัวเอกแค่คนเดียวคุณอาจจะได้รับเนื้อเรื่องไม่เต็มร้อย ราวกับรู้สึกว่าตัวเกมเล่าได้ขาดๆ เกินๆ เพราะเกมแทบจะไม่ตัดไปให้ดูเลยว่าตัวเอกอีกคนกำลังทำอะไรอยู่ โฟกัสแค่ตัวที่เลือกกับภาวะแวดล้อมเป็นหลัก ราวกับจะบังคับกลายๆ ว่าหากอยากจะรู้เนื้อเรื่องที่สมบูรณ์ ผู้เล่นต้องลุยเกมนี้ 2 รอบเป็นอย่างต่ำ เกิดเป็นมูลค่าการเล่นซ้ำขึ้นมาโดยปริยาย นอกจากนี้เวลาที่ผมใช้จบรอบแรกคือ 40 ชั่วโมง รอบ 2 สามารถโอนย้ายไอเทมจากรอบแรกมาเล่นต่อได้เพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น ก็อาจจะใช้เวลาอีกราวๆ 20 – 30 ชั่วโมงเพื่อจบ รวมๆ กันถ้าจะจบเกมนี้สัมบูรณ์น่าจะใช้เวลาราวๆ 70-80 ชั่วโมง ถือว่าเป็นเวลารวมที่ดี ไม่สั้นและไม่ยาวจนเกินไป ยังไงถ้าเล่นจบก็คุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอน

อย่างไรก็ตามจะเล่นจบหรือไม่ ต้องมาดูว่าคุณโอเคกับการเล่าเรื่องของเกมนี้ขนาดไหน บอกก่อนว่าเนื้อเรื่องในภาพรวมของเกมนี้คือค่อนข้างเซอร์ไพรส์ มีพลอตทวิสต์ และดีกว่าที่ตั้งความไว้แต่แรกมากๆ อาจมีบางส่วนที่ตามไม่ทันในรอบแรก แต่ไม่ใกล้เคียงคำว่าบูดเลย ที่บ้งจริงๆ และรู้สึกว่า “เอ็งทำดีกว่านี้ได้แต่เลือกไม่ทำ” ก็คือการเน้นเล่าเรื่องแบบ VN หรือ Visual Novel นั่นแหละ หากบางคนรู้สึกขัดใจวิธีนี้จนทนไม่ไหว ก็อาจจะถึงขั้นเลิกเล่นไปเลย

เอาเข้าจริงผมไม่มีปัญหากับวิธีนี้ถ้ามันอยู่ถูกเกมนะ เช่นพวกเกมทุนต่ำ หรือเกมที่จังหวะไม่ได้รวดเร็วนัก หรือถ้าเลือกใช้การเล่าแบบ VN 100% อาจดูชินตากว่าก็เป็นได้ แต่คือพวกพี่แกดันทะลึ่งทำการเล่าแบบ VN สลับกับคัตซีนโดยใช้เอนจิ้นเกม ซึ่งตัวคัตซีนดันทำได้ดีมากในช่วงที่มีแอร์ไทม์ มุมกล้องดี เอนจิ้นเอื้อ ดูไม่ติดขัด วิสัยทัศน์ในการถ่ายทอดก็ใช้ได้เลย ทีนี้พอเรากำลังจะตื่นเต้นกับภาพเคลื่อนไหว เอ้า! ภาพหยุดนิ่งกลับมาเป็น VN อีกรอบ หักอารมณ์กันแบบดิบๆ และเป็นบ่อยมากตลอดทั้งเกม ผมหาเหตุผลอื่นในการทำแบบนี้ไม่ได้นอกจากจงใจ อยากจะประหยัดงบ ประหยัดเวลา หรือไม่ก็ขี้เกียจอนิเมตคัตซีน ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายสุดๆ เพราะมันมีโพเทนเชี่ยลจริงๆ (ตอนบอสไฟต์สุดท้ายคือชัดมากกับการใช้คัตซีนเล่าสลับกับเกมเพลย์ยาวๆ ช่วงหนึ่ง ทำเอาตอนเล่นทั้งโคตรไฮป์และรู้สึกว่าโคตรเท่ เป็นอะไรที่เวิร์คกว่าเยอะ)

แต่นั่นคือข้อเสียที่แม้จะใหญ่มาก แต่ก็เป็นจุดเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกลบกับมันจัดๆ จริงๆ นอกนั้นคือผมพอใจมากๆ เช่นฉากแอคชั่นสู้ศัตรูกับบอส การคอนโทรล และการคอมโบที่อาจต้องให้เวลาในการทำให้ชินมือ หรือเข้าใจระบบ รวมถึงพลังเสริมจากเพื่อนสักหน่อย ซึ่งพอถึงจุดหนึ่งที่สามารถคุ้นชินทุกอย่างแล้ว มันคือความมันส์ที่ระเบิดออกมาแบบไม่มีกั๊ก แอคชั่นของเกมมีความรวดเร็ว ดุดัน แต่สามารถคุมจังหวะได้ มีพลังหลายระดับให้เลือกใช้ รวมไปถึงพลังเสริมจากเพื่อนร่วมทีมทั้ง 8 ชนิด ที่สามารถส่งเสริมคอมโบใหม่ๆ ให้กันได้มากพอสมควร

อีกทั้งอย่างที่บอกไปในทีแรกว่าตัวเอก 2 คนไม่เหมือนกันเลย ผมเล่น Yuito ในรอบแรกซึ่งใช้อาวุธเป็นดาบคาตานะ เน้นบวกระยะประชิด ขณะที่ Kasane จะเน้นการต่อสู้ระยะกลางเพราะใช้พลังจิตควบคุมอาวุธบิน (เอ่อ… ฟันเนล?) เป็นหลักมากกว่า มูฟเซ็ตไม่เหมือนกัน ผังสกิลก็คนละแบบ การเล่นแต่ละรอบจึงมีความออริจินอลในตัวอย่างแท้จริง แม้ว่าอีกหลายๆ ส่วนจะเชื่อมถึงกันอยู่บ้างก็ตาม

ดีไซน์ที่จัดจ้านเป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นของเกมที่ต้องขอพูดถึง ตัวละครมีความเฉพาะตัวทั้งรูปลักษณ์ อุปนิสัยและปูมหลัง แบบว่าเยอะแต่แยกออกกันได้ง่าย ฉากเองก็สวยงามโดดเด่นในหลายๆ จุด แต่ลูกเล่นมันน้อยไปหน่อย ขณะที่ศัตรูเองก็ไม่พูดถึงไม่ได้โดยเฉพาะพวกบอสที่มีความน่าสะพรึงและรู้สึกถึงความบิดเบี้ยวได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าให้ติอีกเรื่องอาจจะเป็นพวกศัตรูตัวกี๊ๆ ที่เหมือนใช้วิธีรีไซเคิล เปลี่ยนสกิน อัปพลังมากไปหน่อย ถ้าหลากหลายขึ้นจะดีกว่านี้มากๆ

ในส่วนของเพลงประกอบก็ไปได้เรื่อยๆ ไม่โดดเด่นอะไรนัก แต่ก็ห่างไกลคำว่าแย่ องค์ประกอบยิบย่อยที่พยายามเน้นหรีออยากนำเสนอก็ทำได้ดี เช่นของขวัญที่เราให้ตัวละครต่างๆ ไปมันจะถูกวางไว้ใน Hideout หรือได้เห็นตัวละครนั้นๆ หยิบจับมาใช้งานหรือเล่นอย่างสนอกสนใจก็มี ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่าจุดไหนที่ทีมพัฒนานี้อยากเน้นก็ทำได้ดี กลายเป็นงานละเอียดแบบงงๆ ทั้งๆ ที่ส่วนหลักอย่างการเล่าเรื่องควรทำได้ดีกว่านี้แท้ๆ เสียดายจัง (อีกรอบ)

Scarlet Nexus
Scarlet Nexus

ในภาพรวม Scarlet Nexus เป็นเหมือนเพชรที่ยังถูกเจียระไนได้ไม่ถึงที่สุด มันสามารถดีกว่านี้ได้แต่อาจถึงเวลาที่ต้องวางขายเสียก่อน ทำให้มีจุดติ จุดด่างอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อในมันก็ยังเป็นเพชรอยู่วันยังค่ำ เป็นเกม Action RPG ที่ค่อนข้างครบครัน ทั้งเนื้อเรื่องน่าดึงดูด เกมเพลย์สุดมันส์นันสต็อป ความแตกต่างที่ชัดเจนของการเล่น 2 รอบ ตัวเกมบน PC ก็ออปติไมซ์มาดีเล่นได้ลื่นๆ แม้เอฟเฟกต์จะกระจุยกระจาย สุดท้ายผมอาจยังแนะนำให้ซื้อ Scarlet Nexus ในราคาเต็มได้ไม่เต็มปากนัก แต่ก็บอกชัดๆ ได้เลยว่ามันเป็นเกมที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า “มีดีกว่าการเป็นแค่เกมขัดตาทัพรอขาย Tales of Arise” อย่างแน่นอน



VERDICT
8/10


***ป.ล. ใครที่คิดจะเล่นเกมอย่าไปเพิ่งไปดูอนิเมะเพราะสปอยล์เต็มๆ แต่ถ้าใครเล่นมาแล้วก็แนะนำให้ดูเสริมไปด้วยครับ ช่วยคลายปมหลายๆ จุดให้กระจ่างมากขึ้นทีเดียว

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้