รีวิว Days Gone – โลกที่ซอมบี้แตกรัง กับชีวิตพังๆ ของไบค์เกอร์

แพลตฟอร์ม: PS4
ผู้พัฒนา: SIE Bend Studio
แนวเกม: แอ็กชั่น, ผจญภัย

***ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ ที่เอื้อเฟื้อโค้ดของเกม Days Gone เพื่อใช้ในการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ***


ระยะหลังมานี้ เกมแนวซอมบี้เป็นแนวที่ค่อนข้างจะเกลื่อนตลาดอยู่พอสมควร และก็ได้รับความนิยมจากบรรดาเกมเมอร์อยู่ไม่น้อย ซึ่ง Days Gone เองก็ไม่แคล้วที่จะถูกนำไปเปรียบเทียบกับเกม The Last of Us ที่เป็นแนวคล้ายกันที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2013 แต่สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างนอกเหนือจากนั้น กลับเป็นชื่อของ Bend Studio ที่เป็นผู้พัฒนาเกมนี้ครับ เพราะผลงานล่าสุดจากทีมนี้ก็คือเกม Uncharted: Golden Abyss ที่ลงเครื่อง PS Vita และก็ดันได้กระแสตอบรับไม่ดีเท่าไหร่นัก รวมถึงคำวิจารณ์จากสื่อหลายสำนักที่ได้ทดลองเล่นเกมนี้ไป ทั้งจากในงาน E3 2018 หรืองานเกมอื่นๆ ก็ไม่ค่อยจะสู้ดี เกม Days Gone เลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่ทาง Bend Studio จะลดเสียงครหาลงไปได้หรือไม่ เรามาชมรีวิวฉบับนี้กันดูเพื่อประกอบการตัดสินใจกันครับ

เรื่องราวของเกมจะเล่าถึง ดีคอน เซนต์จอห์น หนุ่มไบค์เกอร์พเนจรที่ออกเร่ร่อนด้วยมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปทั่วรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเมืองชนบทยุคล่มสลายและมีอันตรายอยู่รอบตัว หลังจากที่เมื่อ 2 ปีก่อนเขาได้สูญเสีย ซาราห์ ภรรยาผู้เป็นที่รักไปจากเหตุการณ์ที่ดีคอนเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในช่วงที่ไวรัสมรณะกำลังเริ่มแพร่ระบาดพอดี ความสูญเสียนี้ทำให้สภาพจิตใจของดีคอนย่ำแย่หนัก และยังวนเวียนคิดถึงซาราห์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเส้นเรื่องหลักของเกมจะนำพาผู้เล่นให้รู้จักกับตัวละครดีคอนในแง่มุมต่างๆ ทั้งแนวคิดของเขาต่อสิ่งรอบตัวที่เป็นอยู่ รวมถึงอดีตระหว่างดีคอนกับซาราห์ด้วย ขณะเดียวกัน ดีคอนก็มีสหายที่เปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสาบานอย่าง บูเซอร์ ที่เป็นไบค์เกอร์เช่นเดียวกับเขา ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ไวรัสยังไม่กระจายไปทั่วโลก ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวและพัฒนาไปตามกาลเวลาของทั้งสองเลยเป็นอีกเส้นเรื่องหลักที่เราจะได้ซึมซับระหว่างที่เรียนรู้เรื่องราวของดีคอนไปพร้อมๆ กัน

ทีนี้ พอโลกเข้าสู่ยุคหลังการล่มสลายของมวลมนุษยชาติ บางคนที่ยังรอดชีวิตก็ไปรวบรวมคนอื่นๆ มาอยู่รวมกันเป็นชุมชนย่อยๆ และแต่ละชุมชนก็จะมีผู้นำที่มีการปกครองด้วยรูปแบบต่างกัน บ้างก็อุดมการณ์จ๋า บ้างก็เผด็จการ มองคนไม่เท่าเทียมกัน บ้างก็รักสงบ เป็นต้น ทว่าถึงกระนั้นแต่ละชุมชนก็ยังมีเนื้อเรื่องเฉพาะของตัวเอง ทำให้เวลาเราไปทำเควสต์ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนนั้นๆ ก็จะได้เห็นและสัมผัสถึงความคิดที่ผู้คนในชุมชนมีต่อผู้นำของเขาไปในตัว

ที่ต้องอธิบายต่อมาก็คือ ระบบเควสต์ของเกม Days Gone จะดำเนินในสไตล์เควสต์แบบ “โครงข่าย” ครับ ถ้าเอาให้เห็นภาพง่ายๆ ก็ประมาณว่าเควสต์ต่างๆ ในเกมนี้จะมีบอกความคืบหน้าเป็น % และเกือบทุกเควสต์หลักก็จะมีเนื้อเรื่องคาบเกี่ยวกับเส้นเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นกัน ทำให้เวลาเราเล่นจบเควสต์นึง ตัวเกมจะมีแสดงให้ดูว่า % ความคืบหน้าของเควสต์ที่เราทำมันเพิ่มขึ้น และก็พ่วง % ความคืบหน้าของเควสต์อื่นๆ ที่มีเนื้อเรื่องเชื่อมกัน (ยกตัวอย่างเช่น เราทำเควสต์ค้นหาอดีตของดีคอนจบไปช่วงนึง แต่ระหว่างเควสต์นั้นเราได้เข้าไปสำรวจซากแคมป์วิจัย และได้เก็บไฟล์ที่เล่าถึงเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ดังนั้นพอจบเควสต์อดีตดีคอน เราก็จะได้ % ความคืบหน้าของทั้งเควสต์อดีตดีคอนและเควสต์เบาะแสเชื้อไวรัสด้วยนั่นเอง) สำหรับเควสต์ย่อยในเกม จะมีผสมปนเปกันไปทั้งเควสต์ล่าค่าหัว ที่แต่ละชุมชนจะไหว้วานให้เราไปสังหารเป้าหมายเพื่อแลกกับเงิน รวมถึงเควสต์บุกทำลายรังซอมบี้ หรือแคมป์พวกปล้นสะดม หรือแคมป์ของริปเปอร์ ซึ่งสาเหตุหลักที่เราต้องไปทำลายค่ายพวกนี้ก็คือช่วยลดปริมาณของศัตรูที่เราจะเจอในเขตพื้นที่นั้นๆ ลงไปได้มาก โดยเฉพาะแคมป์พวกปล้นสะดมก็จะมีหลุมหลบภัยที่เมื่อเราหาเจอและลงไปสำรวจก็จะเป็นการเปิดแผนที่ให้เราเห็นแลนด์มาร์คใหม่ๆ รวมทั้งได้สูตรการผสมไอเทมชนิดใหม่ๆ มาเพิ่มด้วย

ศัตรูในเกมนี้จะจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ 2 ประเภท ได้แก่ ซอมบี้ (ในเกมจะมีชื่อเรียกเฉพาะว่า ฟรีคเกอร์) และมนุษย์ ซึ่งซอมบี้เนี่ยก็จะซอยย่อยออกเป็นหลายแบบ อย่างบางตัวที่เป็นแนวกรีดร้องเพื่อเรียกพรรคพวกมารุมเราก็จะคล้ายกับซอมบี้ที่เราเห็นในเกม Resident Evil 6 หรืออย่างบางตัวที่เป็นซอมบี้สายบ้าพลังก็จะคล้ายกับตัวที่ปรากฏในเกม Dead Nation โดยวิธีปราบซอมบี้เหล่านี้ก็จะต่างกันในรายละเอียดนิดหน่อย แต่ในส่วนของมนุษย์นี้ก็จะแบ่งหลักๆ เป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกคือพวกที่คอยดักปล้นสะดมผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ กับอีกพวกคือริปเปอร์ที่จิตหลุดสุดขั้ว บูชาเหล่าซอมบี้ และเชื่อว่าสิ่งที่ทำให้โลกล่มสลายคือความประสงค์ของพระเจ้า โดยศัตรูประเภทมนุษย์นี้จะไม่ค่อยมีความต่างในแง่ของวิธีปราบ แต่จะไปต่างในเรื่องของสถานที่ที่เราไปพบเจอมันมากกว่า นอกเหนือจากที่กล่าวมาก็จะเป็นพวกสัตว์ป่าที่จะเข้ามาโจมตีเราก็ต่อเมื่อเรารุกล้ำเข้าไปในโซนของมันเท่านั้น ทุกครั้งที่เราสังหารศัตรูได้ ถ้าเป็นมนุษย์มันจะดรอปไอเทมสำหรับคราฟต์ของ ถ้าเป็นซอมบี้ก็จะดรอปหู ที่เราสามารถนำไปขายในชุมชนเพื่อแลกเงินและค่าสัมพันธ์กับคนในชุมชน และถ้าเป็นสัตว์ป่าก็จะสามารถแล่เนื้อมันไปขายในชุมชนได้เหมือนกัน

การผจญภัยในเกมนี้จะใช้พาหนะหลักอยู่อย่างเดียวนั่นคือมอเตอร์ไซค์คู่ใจของดีคอนเอง และเพื่อเพิ่มความสมจริงให้กับการเดินทางด้วยมอเตอร์ไซค์ ระบบการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงและความทนทานของตัวรถจึงถูกนำมาใส่ ผู้เล่นต้องคอยคำนึงถึงปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ว่าจะเพียงพอต่อการขับไปยังจุดหมายปลายทางหรือไม่ เพราะทั้งการขี่เอง หรือจะเดินทางแบบ Fast Travel ก็ต้องใช้น้ำมันเหมือนกัน (แต่การขี่เองจะมีโอกาสประหยัดน้ำมันได้สูง อยู่ที่ว่าเราจะขับลัดเส้นทางได้มากน้อยแค่ไหน) อีกทั้งการขับไปชนสิ่งกีดขวางตามทางก็จะทำให้เสี่ยงมอเตอร์ไซค์ของเราเกิดอาการสึกหรอมากขึ้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่น้ำมันเราใกล้หมด ก็ต้องหาเติมเอาตามแคมป์ผู้รอดชีวิต (ชุมชน) ที่เป็นแบบเสียเงิน หรือจะหาเติมเองตามปั๊มน้ำมันร้าง หรือจะไปหาถังน้ำมันที่ตกอยู่ตามฉากมาเติมเองก็ได้ และหากมอเตอร์ไซค์ของเราโดนศัตรูโจมตี หรือเราขับไปชนนั่นนี่โน่นจนพัง ก็สามารถลงจากรถมาซ่อมได้ แต่การซ่อมก็จะต้องใช้ไอเทมที่หาเก็บเอาตามทางเอาอีกที นอกจากนี้ มอเตอร์ไซค์ของเราก็จะสามารถอัพเกรดเพิ่มสมรรถนะให้กับมันได้ โดยอุปกรณ์ปรับแต่งก็จะมีจำหน่ายในชุมชนนี่แหละครับ สิ่งที่เราโมดิฟายให้กับมอเตอร์ไซค์ของเราได้ก็จะมีเรื่องความเร็ว ความทนทาน ลดเสียงของเครื่องยนต์ขณะขับขี่ (มีผลมากเพราะซอมบี้ในเกมจะไวต่อเสียงต่างๆ รอบตัว ขนาดว่าเราสตาร์ทเครื่องอยู่นิ่งๆ ห่างจากมันหลายสิบเมตรก็ยังได้ยิน)

ตัวเกมมีการนำเอาระบบเวลาและสภาพภูมิอากาศเข้ามาใช้ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลอย่างมากกับการปรากฏตัวของเหล่าซอมบี้ แน่นอนครับว่าพอตกกลางคืน ปริมาณซอมบี้ที่เดินเพ่นพ่านตามทางก็จะมีมากกว่าเป็นเท่าตัว และถ้าดำเนินเนื้อเรื่องไปจนถึงจุดหนึ่ง เราก็จะมีโอกาสได้เจอฝูงซอมบี้ที่รวมตัวกันเป็นกระจุกนับร้อยตัว ซึ่งเวลามันเจอตัวเราปุ๊บ เวลาความหรรษาก็จะมาถึงทันที ช่วงแรกของเกมที่เรายังสร้างไอเทมได้ไม่กี่ชนิดก็ต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนกันไปก่อน ไว้พอเราอัพเกรดสกิลหรือปลดล็อคปืนดีๆ จากร้านค้ามาใช้ได้แล้ว เราถึงพอจะมีหนทาง “ขอกระชับพื้นที่” กับฝูงซอมบี้พวกนั้นได้

ระหว่างเล่น เราจะต้องพัฒนาค่า Stat อยู่ 2 ค่าครับ ค่าแรกก็คือ EXP ที่เมื่อเราเลเวลอัพแล้วก็จะได้แต้มสกิล 1 พอยต์สำหรับอัพสกิลของเรา แล้วสกิลของเราก็จะแบ่งออกเป็น 3 สาย คือสกิลอาวุธระยะประชิด, สกิลอาวุธปืน และสกิลดำรงชีพ ซึ่งสกิลที่มีให้เลือกอัพก็จะปะปนไปทั้งสกิลที่โคตรจำเป็นกับการลุย และสกิลที่แทบไม่มีโอกาสได้ใช้งานจริงเลย ทำให้สมดุลของสกิลที่นำเสนอผู้เล่นดูขาดๆ เกินๆ ขณะเดียวกัน อีกค่าก็คือความสัมพันธ์ของดีคอนที่มีต่อแคมป์ชุมชนในเกม โดยค่าดังกล่าวจะสามารถเพิ่มได้ด้วยการทำเควสต์ในชุมชนนั้นบ่อยๆ จนค่าความเชื่อใจของชาวชุมชนมีมากขึ้น ยิ่งเลเวลความสัมพันธ์สูง ก็จะช่วยปลดล็อคอาวุธและไอเทมใหม่ๆ ในร้านค้าด้วย

ความสมจริงอีกอย่างที่เราจะพบเห็นได้ในเกม คือประเด็นของความขัดแย้งที่เกิดจากการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งระหว่างชุมชนนึงกับชุมชนอื่นๆ หรือความขัดแย้งด้านอัตลักษณ์ ที่เราจะได้เจอเหล่าซอมบี้บุกเข้ามาในค่ายของพวกปล้นสะดม (เพราะได้ยินเสียงปืน หรือไม่ก็เดินมาเห็นเอง) พอรวมกับเราที่ตั้งใจจะมาบุกค่ายอยู่แล้ว เลยกลายเป็นศึก 3P ไปโดยปริยาย แต่ถ้าเป็นซอมบี้กับริปเปอร์มาเผชิญหน้ากัน ด้วยความที่ริปเปอร์เป็นพวกบูชาซอมบี้อยู่แล้ว พวกมันจะยินดีพลีกายยอมให้ซอมบี้แทะกินแทน เป็นต้น

ระบบการสร้างไอเทมของเกมนี้ ให้นึกถึง The Last of Us ไว้ครับ ที่เราจะต้องไปหาวัตถุดิบมาผสมเป็นอุปกรณ์ทำแผล ระเบิดขวด ระเบิดควัน ฯลฯ หรือแม้แต่คราฟต์ไม้หน้าสามให้เป็นไม้ติดตะปูก็ยังทำได้เหมือนกัน แต่กรณีของการดัดแปลงอาวุธระยะประชิดนี้ ในเกม Days Gone จะมีลูกเล่นเพิ่มขึ้นอีกอย่างคือเราสามารถซ่อมแซมมันได้หากเราใช้ตีศัตรูจนค่าพลังความทนทานลดลงไป ซึ่งการซ่อมก็ต้องใช้ไอเทมบางชนิดเหมือนกับการซ่อมรถมอเตอร์ไซค์เลย

และก็เป็นธรรมชาติของเกมแนวโอเพ่นเวิลด์ ที่เราจะต้องเจอบั๊กปรากฏในเกมอยู่ประปราย โดยช่วงที่ทีมงานเล่นนั้น ทาง Sony ได้มีการปล่อยแพตช์ใหญ่เพื่อแก้บั๊กมาแล้ว 2 รอบ ได้แก่แพตช์ 1.03 และ 1.04 ที่มีขนาดใหญ่ถึงไฟล์ละ 13 GB ทว่านั่นก็ยังลดปัญหาบั๊กออกไปได้ไม่หมดเกลี้ยงซะทีเดียว แต่ก็ยังดีกว่าตอนยังไม่มีแพตช์มาก เพราะตอนนั้นกำลังแว้นอยู่ดีๆ มีเจอศัตรูยืนกางแขนทำท่า T-Post กันหลายคนเลยขอบอก ส่วนงานภาพของเกมนี้จัดว่าดูสวยงามตามคุณภาพของ Unreal Engine 4 อีกทั้งสีหน้าของตัวละครและบทพูดสื่ออารมณ์ออกมาได้ดี ทำให้เราพอจะอินกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้

หากว่ากันตามตรง ในมุมมองผู้เขียน เกม Days Gone นั้นเป็นเกม PS4 Exclusive เพียงเกมเดียวที่หลังจากได้ทดลองเล่นในงาน E3 2018 และงาน Media Preview เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาแล้วรู้สึกว่า “น่าเป็นห่วง” ที่สุดในบรรดาเกม Exclusive ที่เหลือของ Sony แล้วครับ แต่หลังที่มีการอัพเดตแพตช์แก้ในช่วงที่เล่นจากโค้ดรอบสื่อมวลชนก็มีการแก้ไขในจุดที่เป็นปัญหาออกไปได้มากแล้ว และแม้ว่า Bend Studio จะเรื้อสนามไปนาน ทว่าก็ยังทำเกมที่เป็นแนวเกลื่อนตลาดอย่างซอมบี้ครองเมืองให้มีเนื้อเรื่องน่าสนใจได้ดีไม่น้อยเลย


จุดเด่น

– บรรยากาศ ฟีลแบบแนวคันทรีของรัฐโอเรกอนเป็นสิ่งสวยงาม ชวนให้เราแว้นสำรวจได้พอเพลินๆ
– ศัตรูในเกมมีหลากหลายชนิด ขนาดซอมบี้เองก็ยังมีหลายประเภท การรับมือกับพวกมันก็ต่างกัน ทำให้เกมดูหลากหลายดี
– เรื่องราวในเควสต์หลักมีการแตกไลน์เป็น 2-3 เส้นเรื่องที่ดำเนินไปด้วยกัน ประเด็นในเกมไม่ได้มุ่งโฟกัสแต่เรื่องราวในอดีตของตัวเอก หรือความเป็นมาของเหตุการณ์เชื้อแพร่ระบาด หากแต่มีประเด็นการพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวเอกกับตัวละครที่ใกล้ชิดด้วย พอนำมาดำเนินคาบเกี่ยวกัน เลยทำให้เนื้อเรื่องของเกมมีมิติมากขึ้น
– การบุกทลายแคมป์ของเหล่าร้าย รังซอมบี้ หรือสำรวจค่ายวิจัยล้วนมีน้ำหนักและดึงดูดพอให้เราเข้าไปเคลียร์พื้นที่เหล่านั้น และสำคัญต่อการผจญภัยของเรามาก
– ตัวละครแต่ละตัวที่มีอยู่ในเกม ล้วนมีบุคลิกและนิสัยที่ดูเทาๆ ไม่มีใครที่ขาวจนเหมือนพ่อพระ และไม่มีใครที่ดำเหมือนซาตานส่งมาเกิด ทุกคนดูจับต้องได้และเหมือนปุถุชนทั่วไปจริงๆ
– เพลงประกอบเข้ากับธีมของเกมดีมาก
– หน้าตาของอินเตอร์เฟซเมนูทำมาสวย น่าใช้ และประยุกต์เข้ากับลูกเล่นของทัชแพดได้ดีทีเดียว

จุดด้อย

– บั๊กในเกมมีเพียบ แม้จะออกแพตช์แก้มาเป็นระยะแล้วแต่ก็ยังพบเจออยู่อีกเยอะ
– ตัวเกมมีการตัดเข้าฉากโหลดบ่อยมาก รวมถึงโหลดก่อนเข้าเกมค่อนข้างนาน และจะนานยิ่งขึ้นไปอีกถ้าเล่นบน PS4 รุ่นธรรมดา
– การตอบสนองของระบบ Wheel หรือวงล้อที่ให้ผู้เล่นเลือกอาวุธในตัวออกมาใช้ยังทำได้ไม่ดี บ่อยครั้งที่พอจะเลือกชนิดลูกธนูของปืนหน้าไม้ ก็มักชอบไปโดนชนิดลูกธนูที่ไม่ต้องการจะติดตั้งแทน
– จริงอยู่ที่การปูเรื่องราว และการแตกไลน์ของเควสต์ทำมาน่าสนใจ แต่ช่วงแรกถึงกลางเกมกลับเล่าเรื่องอืดเกินไป กว่าจะรู้สึกว่าเนื้อเรื่องเริ่มตื่นเต้นก็ปาไป 60-70% ของเกมแล้ว
– อาวุธบางอย่างมีประโยชน์ในการใช้งานจริงน้อยมาก โดยเฉพาะอาวุธขว้างบางชนิด พอถูกบังคับใส่เข้ามาใน Wheel เลยไปเพิ่มความยุ่งยากในการใช้หนักขึ้นไปอีก
– ภารกิจย่อยที่สุ่มโผล่ตามฉาก น่าทำเพียงแค่ภารกิจช่วยชีวิตคนแล้วชวนเข้าแคมป์ ส่วนภารกิจอื่นทำแล้วไม่คุ้มกับที่ลงแรงเลย และหลายภารกิจก็โผล่แบบแว้บเดียว กว่าจะไปถึงจุดเกิดเหตุก็สำรวจอะไรไม่ได้แล้ว

สรุป

เห็นข้อเสียอาจจะดูเหมือนเยอะ แต่จริงๆ แล้วเกมไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นครับ ตัวเกมยังสามารถเล่นพอเพลินๆ ได้เหมือนเกมโอเพ่นเวิลด์ทั่วไปเกมนึง องค์ประกอบบางอย่างในเกมถือว่าเป็นใบเบิกทางสู่ไอเดียใหม่ๆ ในขณะที่บางระบบอาจจะนำมาเป็นบทเรียนเพื่อใช้ปรับแก้ในการพัฒนาเกมถัดไปในอนาคตได้ ถ้าจะหาเกม Exclusive ของ PS4 สักเกมไว้เล่นเพื่อดับกิเลสก่อนที่เกมล็อตต่อไปจะมา (พวก Death Stranding, Ghost of Tsushima และ The Last of Us Part II) ทีมงานมองว่า Days Gone เป็นอีกช้อยซ์ที่ไม่ควรมองข้ามครับ น่าเล่นฆ่าเวลาอย่างแรง

คะแนน 8 / 10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้