สรุปเนื้อหา กสทช. เรียกเหล่าผู้ทำวีดีโอออนไลน์ เข้าพบเพื่อเข้ามากำกับการดูแลเนื้อหาการแพร่ภาพ และเสียง

แชร์เรื่องนี้:
สรุปเนื้อหา กสทช. เรียกเหล่าผู้ทำวีดีโอออนไลน์ เข้าพบเพื่อเข้ามากำกับการดูแลเนื้อหาการแพร่ภาพ และเสียง

 วันนี้ (6 มิถุนายน 2560) ทาง กสทช. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้เรียกเหล่าผู้สร้างคอนเทนท์วีดีโอออนไลน์เข้าพบเพื่อพูดคุยรับฟังความคิดเห็นจากเหล่าผู้ทำคอนเทนท์บนโลกออนไลน์ และทาง กสทช. เองก็มีจุดประสงค์ในการเรียกเข้าพบในครั้งนี้เพื่อ "ต้องการกำกับดูแลเนื้อหาการแพร่ภาพและเสียงบนโลกออนไลน์ให้อยู่ในกฏระเบียบที่ถูกต้อง" โดยการเรียกมาพูดคุยในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นช่องที่มีผู้ติดตาม 1 ล้านคนขึ้นไป และอีกส่วนนึงเป็น Official Partner โดยสิ่งที่พูดคุยสรปแล้วมาดังต่อไปนี้

1. กสทช. ต้องการสร้างกฏกติกาเพื่อกำกับดูแลเนื้อหาของบริการ OTT ให้อยู่ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน (OTT คือ บริการสื่อสารและแพร่ภาพและเสียงผ่านอินเทอร์เน็ต) ยกตัวอย่างเรื่องที่ผิดกฏหมาย เช่น การค้ายา, การพนัน, การค้าบริการทางเพศ, ภาพโป๊เปลือยอนาจาร, การฆาตกรรม 

2. กสทช. จะต้องสามารถติดต่อเจ้าของ Platform (YouTube หรือ Facebook) หรือเจ้าของช่องเพื่อขอความร่วมมือได้ 

3.Platform ต่างๆ มีระบบกรองเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม/ผิดลิขสิทธิ์แล้วระดับนึง แต่ก็ยังมีหลายเนื้อหาที่หลายอันที่หลุดลอดมาได้ทำให้ต้องการควบคุมเนื้อหา

4.เนื้อหาที่จะเข้าข่ายในการดูแลคือเนื้อหาที่เป็นภาษาไทย เพราะมีเจตนาที่จะเผยแพร่เพื่อให้คนไทยได้รับชม

5.สำหรับมาตรการอื่นๆ ในอนาคตยังไม่มีอะไรที่ชัดเจน ซึ่งครั้งนี้เป็นแค่การเรียกมาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เพื่อเริ่มต้นเท่านั้น หากมีการออก กฏ กติกา เพิ่มเติมก็จะรบกวนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาช่วยกันทำอีกครั้ง

6.กสทช ไม่มีทีมงานที่จะคอยสอดส่องดูแลเนื้อหาตลอดเวลา แต่อยากจะให้ประชาชนทั่วไปเป็นผู้สอดส่อง หากพบเห็นเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมสามารถร้องเรียนไปที่ กสทช. ได้ 

7. ในต่างประเทศก็เริ่มมีมาตรการกำกับดูแลบ้างแล้ว ที่ทางกสทช. ยกตัวอย่างมาก็จะมีประเทศ เกาหลี, อังกฤษ เป็นต้น

8. ไม่ใช่แค่เฉพาะใน Youtube / Facebook อย่างเดียว Platform หรือ App ที่เกี่ยวกับบริการ OTT ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกัน

9. กสทช. พยายามเน้นว่า กำกับดูแล คือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเค้าต้องสามารถติดต่อประสานงานเจ้าของสื่อหรือ Platform ได้ ไม่ใช่ควบคุม เพราะควบคุมคือการเข้าไปมีบทบาทตั้งแต่ตอนผลิตเนื้อหาเลย ซึ่งอาจจะละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคลมากเกินไป

10. ขั้นตอนต่อไป หลังจากที่ได้รวบรวมความเห็นจากหลายฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว จะให้ผู้ที่มีรายชื่อมาลงทะเบียนกับทางกสทช. ว่าเป็นเจ้าของช่องหรือเพจไหน อาจจะอีกประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนใดๆ ทั้งสิ้น

     เนื้อหาการพูดคุยสิ่งที่ กสทช. ต้องการสื่อสารออกมาประมาณนี้ ซึ่งทาง OS คิดว่า การลงทะเบียนของกสทช. นั้นต้องการแค่ข้อมูลผู้ติดต่อของแต่ละช่อง/เพจเท่านั้น เผื่อว่ามีใครทำอะไรผิดจะได้ติดต่อประสานงานเพื่อขอความร่วมมือโดยตรงได้ และอีกอย่างทางรัฐบาลไทย อาจจะต้องการ เก็บภาษีกับ Platform ต่างประเทศ YouTube,Facebook พราะช่องทางเหล่านี้มาทำธุระกิจในประเทศไทย แต่มีเงินออกไปนอกประเทศจำนวนมาก อย่างไรก็ตามแต่ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทาง กสทช. ได้เล็งเห็น และเริ่มเข้ามาสอดส่องดูแลการเผยแพร่ภาพทางอินเทอร์เน็ตมากยิ่งขึ้นแล้ว ต่อจากนี้จะมีกฏหมาย หรืออะไรเข้ามาบังคับใช้หรือไม่นั้นต้องคอยติดตามกันต่อไปครับ 
 

แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ