Starcraft II: Wings of Liberty ตีแผ่เนื้อเรื่องและภารกิจของเผ่า Terran ใน Single-Player Paign [Spoiler Alert!!]

ขอบคุณเว็บไซด์ Kotaku ที่เข้าไปเล่นโหมด Single-Player Campign ของ Starcraft II: Wings of Liberty ถึงสำนักงานของ Blizzard และเอามาแบ่งปันกับพวกเราด้วย

คำเตือน: บทความนี้ Spoil เนื้อหาในเกม Starcraft II: Wings of Liberty

     เราได้มีโอกาสทดลองเล่น Single-Player Campaign ของ Starcraft II ที่พี่ใหญ่ใจดี Blizzard เปิดโอกาสให้เราได้ลองทดสอบตัวเกมที่เพิ่งทำเสร็จหมาดๆนี้ทั้งวัน โดยส่วนที่ได้เล่นคือช่วง 7 ภารกิจในเคมเปญของเผ่า Terran ใน Wings of Liberty ซึ่งเป็นส่วนที่ 1 ในจำนวนทั้งหมด 3 ส่วนของ Starcraft II

     พวกเราทำการจดโน้ตซะยาวเฟื้อย เพื่อที่จะนำเอารายละเอียดของ Starcraft II: Wings of Liberty มาให้คุณๆได้อ่านกันอย่างครบถ้วน ซึ่งขอออกตัวก่อนว่ารายละเอียดที่จะนำเสนอต่อไปนี้ยังไม่ใช่เนื้อหาที่สมบูรณ์ของ Starcraft II แถมบางส่วนยังขาดหายไปเพราะเราต้องไปจดเอาเฉพาะหน้า และเราก็ไม่รู้เนื้อเรื่องในส่วนที่เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น — เราแค่บังเอิญได้เข้าไปเล่นในฉากยานของ Terran หลังจบ Demo — ข้อมูลต่อไปนี้ spoil ตัวละครเอกหลายตัว ซึ่งเราหวังว่าแฟนๆที่คลั่ง StarCraft อาจจะอยากรู้ก็ได้

     ฉะนั้น spoil ต่อไปนี้จะเปิดเผยรายละเอียดในตอน Starcraft II: Wings of Liberty แต่ในส่วนของเนื้อเรื่องและชื่อต่างๆ เราจะขอข้ามๆไปนิดหน่อย ยังไงก็ขอให้อ่านให้ครบ ให้คุ้มกับที่เราอุตส่าห์ไปนั่งแหมะอยู่ที่ Blizzard ทั้งวันนะครับ ^^

     Starcraft II: Wings of Liberty เปิดตัวในบาร์แห่งหนึ่ง โดยเป็นฉาก real time ตามสไตล์ Blizzard เผยให้เห็น Jim Raynor ที่กำลังนั่งดื่มอยู่เพียงลำพัง ด้านหลังมีเพียงหัวกระโหลกของ Zerg แขวนอยู่บนผนัง และตู้เพลงที่กำลังเล่นเพลงแนวคันทรี่ เขากำลังอยู่ในอารมณ์เหม่อลอยในบาร์ Joey Ray’s ดูเหมือนเขากำลังนั่งฟังข่าวในทีวี

     เขาเป็นหัวข้อข่าวของ Intergalactic Newscast ในคืนนั้น บนจอทีวี Mengsk จักรพรรดิแห่ง Terran กำลังกล่าวประณามกลุ่มต่อต้าน Terran Dominion อย่างเกรี้ยวกราด ซึ่งกลุ่มที่ต่อต้านที่ว่าก็คือกลุ่มผู้ติดตาม Raynor หรือที่รู้จักกันในนาม Raynor’s Raiders นั่นเอง ระหว่างที่ Jim กำลังนั่งงึมงำอยู่คนเดียวในบาร์ พร้อมกับปล่อยให้ Mengsk ปราศรัยอยู่บนจอทีวี ผู้เล่นสามารถ interact กับสิ่งต่างๆในบาร์ Joey Ray’s ได้ เป็นต้นว่าสั่งเครื่องดื่มมาดื่มสักแก้ว หรือไปดูเหตุการณ์สงคราม Zerg war ก่อนหน้านี้โดยคลิ๊กที่หัวกระโหลก Hydralisk skull หรืออาจจะลองคลิ๊กที่แผ่นกระดานไม้ใกล้ๆเพื่ออ่านประวัติศาสตร์คร่าวๆของ Terrans และ Raynor’s Raiders

     ที่บาร์นี้เอง Raynor จะได้รับภารกิจแรกใน Starcraft II นั่นคือภารกิจ "Liberation Day" โดย Raynor และกลุ่ม Raiders ของเขาจะต้องทำการปลดแอกอาณานิคม Mar Sara จากการปกครองที่ไร้ศีลธรรมของ Dominion พระเอกของเราจะนำกองกำลัง Terran กลุ่มเล็กๆ ออกโจมตีฝ่ายตรงข้ามเพื่อรื้อฟื้นวิธีการควบคุมยูนิต Marines ของผู้เล่น (ไม่ใช่แล้ว….!!) แน่นอนว่าไม่มีทรัพยากรให้เก็บเมื่อเริ่มต้น ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำก็คือฆ่าทหาร Dominion ที่ขวางทางคุณซะ แล้วยึด "holoboards" – ห้องบัญชาการและแหล่งกระจายข่าวของ Mengsk มาซะเพื่อความสนุกส่วนตัว~

     หลังผ่านช่วงเริ่มต้นไป คราวนี้ก็ได้เวลาเริ่มทำภารกิจจริงๆจังๆซะที เมื่อทำภารกิจเสร็จสิ้น พระเอกผู้ปลดแอกอาณานิคมก็จะได้รับรางวัลตอบแทน เป็นสูตรสำเร็จของทุกวงการ อื่นๆนอกเหนือจากนั้นองค์ประกอบท้าทายความสามารถผู้เล่น เช่น ห้ามทำให้พลเรือน Mar Sara ตายแม้แต่คนเดียว หรือลองเล่นแบบ Hard และจบภารกิจให้ได้ภายใน 3 นาที ถ้าคุณคิดว่ามีเวลาว่างมากนักก็เชิญลองได้ตามสบาย

     หลังเสร็จสิ้นภารกิจ "Liberation Day" คุณจะได้รางวัลเป็นเทคโนโลยีใหม่ 1 ชิ้น — เอาไว้เทรนยูนิต Marines ที่ Barracks ส่วนใหญ่แล้วภารกิจทุกภารกิจจะปลดล็อคลูกเล่นใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอบิลิตี้ในการเทรน Marauders หรือสร้าง Bunkers ก็ตามแต่ หลังเสร็จสิ้นภารกิจแรก คุณก็จะได้รับการแนะนำให้รู้จักกับยูนิต Terran Marine ชื่อ Tychus Findlay โดยเขาจะมาร่วมทีมกับ Jim ที่บาร์ Joey Ray’s หมอนี่มาพร้อมกับงานที่สองให้คุณทำ นั่นคือภารกิจ "The Dig" ภารกิจที่คุณจะต้องไปหาเงินมาบำรุงกองกำลัง Raynor’s Raiders แปลอีกทีก็คือาคุณจะต้องไปหาอะไรทำเสีย – อะไรก็ได้ที่ได้ตังค์ ไม่ใช่แค่ไปหาส่องยิง Dominion เข้าใจ๊?

     Findlay แนะนำให้คุณไปหาวัตถุโบราณต่างดาวไปขาย ซึ่งคุณจะต้องรีบไปหาให้พบก่อนที่พวก Dominion จะไปถึง ระหว่างภารกิจ "The Dig" คุณจะได้พบกับยูนิต Medic — ก็ไอ้อันเดียวกับที่เจอมาใน Starcraft: Brood War น่ะแหละ — Medic เป็นยูนิตที่ไม่มีประโยชน์เลยในการเล่นแบบ multiplayer ซึ่งเราก็ไม่แปลกใจเพราะในโหมดนั้นเรามียูนิต เทคโนโลยี และสิ่งก่อสร้างร้อยแปดพันเก้าอยู่แล้วตั้งแต่เริ่มต้น

     เมื่อ Raynor และพรรคพวกช่วยกันขุดวัตถุต่างดาวเหล่านั้นมาได้แล้ว เราก็จะพบว่า Tychus ผู้ที่จะรับซื้อของของเรานั้น แท้จริงเป็นองค์กรที่เรียกตัวเองว่า Mobius Foundation พวกเขาเป็นมูลนิธิทางด้านวิทยาศาสตร์ที่ก่อตั้งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์หลักในการค้นหาและพิทักษ์ซากสมบัติต่างดาวก่อนที่พวก Dominion จะหาเจอและเอาไปถือครอง Tychus และ Raynor จะกลับมาที่บาร์ Joey Ray’s และจะพากันขุดเรื่องอดีตของ Mobius Foundation, Zerg, และกองกำลังต่อต้าน มาเล่าสู่กันฟัง

     บทสนทนาและเสียงพากษ์ในส่วนนี้นับเป็นส่วนที่ดีที่สุดของตอนเลยก็ว่าได้ พวกเขาจะเริ่มเล่าถึงภูมิหลังตัวละครบางตัว รวมถึงประวัติศาสตร์จักรวาลที่อาศัยอยู่ Blizzard ทำตอนที่ 1 ออกมาได้น่าประทับใจ ผ่านบทบรรยายที่ถูกเขียนขึ้นอย่างมีศิลปะ ทั้งเรื่องสถานการณ์ของ Tychus ในปัจจุบัน และความสัมพันธ์ที่เขามีต่อ Mobius Foundation – ส่วนเหตุผลที่เขายังคงอยู่ในทีม Terran Marine นั้น เนื้อเรื่องไม่ได้เปิดเผยให้เรารู้แต่อย่างใด

     ภารกิจต่อไปมีชื่อว่า "Zero Hour" ซึ่งดูเหมือนจะเป็นภารกิจป้องกันฐานทัพ โดยเราต้องช่วย Raynor และลูกทีมเอาชีวิตรอดจากการบุกของพวก Zerg โดยตั้งรับศัตรูให้ได้ภายใน 20 นาที จนกว่าความช่วยเหลือจากยาน Hyperion และผู้บัญชาการ Matt Horner จะมาถึง ภารกิจนี้ค่อนข้างง่าย เพียงแค่คอยป้องกันจุดยุทธศาสตร์หลัก 2-3 จุดก็พอ คุณจะได้ Bunkers ในภารกิจนี้ ให้คอยระวังการโจมตีทางอากาศของพวก Zerg และการบุกภาคพื้นดินของ Mutalisk ด้วย

     เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เราจะสามารถสลับฉากจากบาร์ Joey Ray’s ไปสู่ยาน Hyperion ได้ ทำให้ Raynor สามารถไปที่สะพานเดินเรือ, ร้านขายอาวุธ, ห้องแลป, และโรงอาหารของยานได้ตามใจชอบ คุณสามารถคุยกับ Horner ได้ที่สะพานเดินเรือ ที่นี่ Raynor สามารถเลือกดูภารกิจได้อย่างคร่าวๆ และเลือกได้ว่าอยากทำฟรีแลนซ์งานไหน โดยจะมีคนจ่ายค่าตอบแทนให้กับกองทัพของ Raynor เพื่อเอาเงินไปอัพเกรดเทคโนโลยีเตรียมรับการบุกระลอกต่อไปของพวก Zerg นั่นแปลว่าลูกเรือ Hyperion เป็นพวกลูกจ้างยังงั้นสิ…

     ทีนี้เมื่อมีเงินในกระเป๋า คุณก็สามารถเดินเข้าร้านขายอาวุธได้อย่างภาคภูมิ ด้วยความช่วยเหลือของ Swann พ่อค้าร่างแคระ คุณจะสามารถซื้อหายูนิตใหม่ๆไว้เสริมทัพกบฏ เอ้ย กองกำลัง Raiders ได้ รวมถึงอัพเกรดความสามารถให้กับพวกเขา หรือซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่ออัพเกรดกองทหารราบ, ฐานทัพ, ยานพาหนะ, ยานรบ, และอื่นๆอีกมากมายก็ได้ ขึ้นอยู่กับคุณ

     สองส่วนที่เหลือของ Hyperion – คือห้องแลปและโรงอาหารนั้น Dustin Browder แห่ง Blizzard บอกเราว่ามันยังอยู่ในขั้นตอนการปรับเปลี่ยน ดูเหมือนว่า Browder จะไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรกับความไม่สมบูรณ์ของส่วนดังกล่าว เขาบอกว่าภารกิจสอดแนมและภารกิจวิจัยนั้น ยังไม่ทำให้ตัวเกมสนุกพอ

     เอาล่ะ เราไม่รู้ว่าภารกิจสองภารกิจที่ว่านั้นเป็นยังไง เพราะมันยังสร้างไม่เสร็จ และเราก็ไม่สามารถหน้าด้านเข้าไปเล่นได้ สิ่งเดียวที่เราทำได้ในห้องแลปตอนนี้คือคุยกับนักวิทยาศาสตร์สิวเขรอะ Stetmann และอ่านรายงานการวิจัยต่างๆ ตรงนี้เราสามารถรับรู้เรื่องราวการวิวัฒนาการของพวก Zerg และเทคโนโลยี Shield ของพวก Protoss เพิ่มเติมได้ พวกเราเชื่อว่าภารกิจเหล่านี้น่าจะให้ค่าตอบแทนสูงไม่น้อย แต่ ณ ตอนนี้เราเดาไม่ออกหรอกว่ามันจะออกมาเป็นยังไง

     ส่วนสุดท้ายของยานคือโรงอาหารนั้น เรียกได้ว่าเป็นห้องเอนกประสงค์ คุณสามารถมาที่นี่เพื่อติดตามข่าว intergalactic news หรือหาเรื่องเม้าท์แตกกับ NPC ลูกเรือ หรือจะมานั่งดูระบำเปลื้องผ้าให้เลือดกำเดาไหลเล่น หรือหาเกมอาเขต The Lost Viking เล่นที่นี่ก็ได้ — หรือจะหาทหารรับจ้างสักคนไว้ร่วมทีมก็ไม่เลว สำหรับการจ้างทหารรับจ้างที่นี่ Mr. Hill จะเป็นนายหน้าจัดหาทหารให้กับเรา คุณสามารถว่าจ้างพวกเขาเข้าร่วมกองทัพได้หนึ่งครั้งต่อหนึ่งภารกิจ

     ทหารรับจ้างพวกนี้จะมีบทบาทคล้ายกับเหล่า Hero ใน Warcraft III พวกเขาแข็งแกร่งกว่ายูนิตทหารราบใต้สังกัดของเรา และสามารถจัดกระบวนทัพเป็นกองกำลังเล็กๆ เช่น กองกำลัง Marines, Marauders หรือ Firebats และเมื่อพัฒนาเข้าสู่ระดับ elite ก็จะเปลี่ยนเป็น Kel Morain Mercs, Hammer Securities และ Devil Dogs ตามลำดับ แนะนำว่าเราควรว่าจ้างพวกเขาเข้าร่วมกองทัพเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาเจ๋งพอที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับกำลังพลของเรา เชื่อผมสิ

     กลับมาที่สะพานเดินเรือ เราจะได้รู้จาก Horner ว่าพวก Zerg กำลังก่อการร้ายไปทั่วทุกหัวระแหง จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตาย "นับเป็นล้านๆ " โดยข่าวจะฉายให้เห็นภาพวีดีโอสั้นๆของ Kerrigan ประมุขหญิงแห่ง Zerg ผู้สื่อข่าวรายงานว่า "ราชินีแห่งดาบกรีธาทัพมาดุจฝูงแมลง"

     สำหรับ Kerrigan เธอปรากฏตัวต่อหน้า Raynor เป็นครั้งแรกใน Starcraft II ในภารกิจ "Tooth & Nail" อีกหนึ่งภารกิจล่าวัตถุโบราณของ Protoss ที่คุณจะต้องรับมือกับกองทัพ Protoss ผู้ซึ่งบุกประชิดมาจากทางใต้ (โชคดีพวกนี้ยังไม่เก่งสักเท่าไร) ขณะที่พวก Zerg ก็กำลังกรีธาทัพกระหนาบมาจากทางทิศเหนือ และขณะเดียวกันคุณก็ต้องพยายามขโมยวัตถุโบราณเหล่านั้นมากจากศัตรูด้วย ภารกิจนี้เป็นช่วงเปิดตัวของยูนิตเดี่ยวที่มีความสามารถพิเศษ โดยระหว่างที่เรากำลังพยายามคุ้มกันวัตถุโบราณอยู่นั้น กองทัพของ Raynor จะถูกโจมตีโดย Stone Zealots 4 ตน ซึ่งเป็นรูปปั้นขนาดมหึมาที่ถูกทำให้มีชีวิตเพื่อปกป้องวัตถุโบราณมีค่าเหล่านั้น

     Kerrigan และ Raynor จะมีบทพูดโต้ตอบ ราชินีแห่ง Zerg ส่งคำเตือนต่อเหล่า hero ว่า "เวลาของพวกเรา… กำลังจะหมดลงแล้ว"

     เราจะได้รับรางวัลตอบแทนถึง 2 เท่าเป็นค่าตอบแทนภารกิจ "Tooth & Nail" เป็นจำนวนเงิน $80,000— น่าแปลกที่พวก Terrans ใช้สกุลเงินดอลล่าห์ แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้คุณสามารถเทรนยูนิต Marauders ได้แล้ว

     เนื้อเรื่องตรงจะแยกออกเป็น 2 ทาง โดยจะมีอ๊อพชั่นให้ Raynor และลูกเรือเลือกทำภารกิจ ระหว่างภารกิจแบบพระเอ๊กพระเอก กับภารกิจแบบโจรล่าสมบัติ ซึ่งเป็นภารกิจต่อเนื่องมาจาก "Tooth & Nail" นั่นคือ "Mining Your Own Business" และ "The Evacuation of Agria" เราลองเลือกมันทั้งสองทาง เพราะว่า Blizzard อนุญาตให้เราใช้เซฟได้หลายๆเซฟ เจ๋งป่ะล่ะ

     "The Evacuation of Agria" นั้น ชื่อของมันก็บอกอยู่แล้ว… Raynor จะได้รับการติดต่อจาก Dr. Ariel Hansen ให้ไปช่วยชาวอาณานิคม Agrian จากการรุกรานของพวก Zerg – นั่นหมายถึงเราจะต้องนั่งทำภารกิจปวดกบาลกับการช่วยยานพาหนะที่เต็มไปด้วยพลเรือนไร้ทางสู้ หรือเราอาจจะเลือกทำลายล้างกองกำลัง Zerg และ DNA ที่เพาะพันธุ์ของพวกมันให้ราบพนาสูญไปเลยก็ได้ ง่ายดี

     อย่างที่ Tychus Findlay กระแนะกระแหนไว้ก่อนหน้านี้ว่า นี่เป็นภารกิจของเหล่า “วีรบุรุษ” โดยเฉพาะ ดังนั้นค่าตอบแทนของภารกิจ "The Evacuation of Agria" จึงค่อนข้างต่ำ สู้ "Mining Your Own Business" ไม่ได้ แต่คุณก็จะได้ Firebats มาเป็นค่าชดเชย พร้อมกับ Dr. Hansen สมาชิกใหม่แห่งสะพานเดินเรือ Hyperion ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาชีมาทำไม… บางทีชีอาจจะมีประโยชน์ในภารกิจต่อๆไปก็ได้ เราคิดว่างั้นนะ

     เอาล่ะ ในเมื่อลองไปแล้ว 1 ภารกิจ ทีนี้เราก็กลับมาเล่นภารกิจล่าสมบัติบ้าง ภารกิจนี้เป็นภารกิจค้นหาและป้องกันแร่ขนานแท้ ทีม Raynor’s Raiders จะถูกส่งไปที่ดาว Red Stone III เพื่อทำการขุดหาแร่จำนวนมาก และ…ตามสูตรสำเร็จเดิม – ระหว่างที่เรากำลังขุดแร่อย่างสบายใจ พวก Zerg เกรียนก็จะแวะมาก่อกวนซึ่งเราก็จะต้องคอยป้องกันการบุกของพวกนี้ด้วย

     แต่ช้าก่อน "Mining Your Own Business" นั้นยากกว่าที่เราคิด เพราะสภาพแวดล้อมจะเริ่มมีผลต่อการทำภารกิจ พื้นที่ที่เราขุดแร่นั้นเต็มไปด้วยธารลาวาที่เดือดปะทุทุกๆ 2-3 นาที นั่นหมายความว่า เราจะต้องทำทุกอย่างไปพร้อมๆกัน ทั้งเก็บ ป้องกัน ถอยทัพ เคลียร์พื้นที่ และเริ่มทำใหม่ จนกว่าจะได้แร่มากพอตามที่ Tosh นายจ้างทรงผมสุดแนวของเรากำหนดไว้ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เขาก็จะเข้าพวกกับ Raynor สรุปว่าเอ็งทำสัญญามัดมือชกใช่ไหมเนี่ย

     ภารกิจลาวาสะบึมนี้ยังมีภารกิจย่อยไว้ให้เล่นสนุกๆด้วย เราขอเรียกว่าภารกิจ เผากุ้งมังกรแดง "Red Lobster" ก็แล้วกัน ผู้เล่นจะต้องหาทางฆ่า Brutalisk โดยล่อให้มันตกบ่อลาวา เราฆ่า Brutalisk ได้แบบฟลุ๊กๆ โดยการล่อมันให้ตาม SCVs ของเราลงไปในหุบเขา หลังจากนั้นก็ทำท่าอ้อยอิ่งอยู่ตรงพื้นดินชั้นล่างๆสักพักใหญ่ๆ แล้วไม่นานลาวาก็กระฉอกขึ้นมา อ้ากกกกกก!!!! สำเร็จ

     ภารกิจที่เจ็ดและเป็นภารกิจสุดท้ายที่เราเล่นมีชื่อว่า "Outbreak" ออกแนวสู้บ้างถอยบ้าง อะไรประมาณนั้น Dr. Hansen จะมาบอกเราที่สะพานเดินเรือ Hyperion ว่า ดาวเคราะห์ Meinhoff กำลังถูก Zerg รุกราน (อีกแล้วเหรอ?) พวกมันโจมตีทุกอย่างที่ขวางหน้าตั้งแต่ผู้ลี้ภัยชาว Terran ไปจนถึงสิ่งก่อสร้าง หน้าที่ของเราคือทำลายพวกมันซะ รวมถึงพังสิ่งก่อสร้างที่พวก Zerg ยึดครองบนอาณานิคมนี้ด้วย

     ชาว Meinhoff ที่เป็นชาวอาณานิคมและพวก Marines จะโจมตีกองกำลังของ Raynor’s เฉพาะตอนกลางคืน ส่วนกลางวันพวกเขาสร้าง สืบค้น และทำลายสิ่งก่อสร้างของพวก Zerg ดังนั้น คุณจะต้องถอยทัพในเวลากลางคืน หาไม่พวกนี้จะผุดขึ้นมาจากหลุม (?) แล้วก็จะเข้ามาล้อมค่ายของเรา ที่จริงแล้วการรับมือพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่น้อย ขอแค่มี Bunkers กับ Hellions สักจำนวนหนึ่งก็เพียงพอ แต่ที่น่ากลัวก็คือพวกมันมีจำนวนเยอะเอามากๆ และอาจรุมกินโต๊ะพวกเราได้ โชคดีหน่อยที่ถนนหลายสายใน Map นี้เต็มไปด้วยหินขวางทาง – หินพวกนี้ถูกทำลายได้ง่าย และช่วยเปิดทางให้ชาว Terran หนีรอด ทั้งยังช่วยป้องกันการบุกของพวกอาณานิคมได้ระดับนึงเลยทีเดียว

     ภารกิจ "Outbreak" จะนำเราไปพบกับยูนิตพิเศษตัวสุดท้ายของโหมด single-player นั่นคือ Centaur ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ลูกครึ่ง Terran-Zerg หน้าตาคล้ายเซนทอร์ของกรีก ต่างก็แต่มีกระดองหนามกับก้ามคล้ายๆปูเท่านั้น Blizzard บอกเราว่ายูนิตอย่าง Centaur และ Brutalisk ถูกสร้างขึ้นมาพอสนุกๆ อารมณ์ว่าอยากจะหาอะไรใส่ๆให้ StarCraft II มันไม่ว่างจนเกินไป ดังนั้นยูนิตพวกนี้จะถูกตัดออกในการเล่นแบบ multiplayer

      หลังจบภารกิจ "Outbreak" เราลองนับเวลาที่ใช้ในการเล่นแล้ว พบว่าเรานั่งตูดแฉะไปทั้งหมด 7 ชั่วโมงเต็มๆสำหรับ StarCraft II: Wings of Liberty นอกเหนือจากนั้น ถ้าอยากสนองตัณหาส่วนตัว ผู้เล่นก็สามารถกลับไปเล่นในระดับความยากที่เพิ่มขึ้นได้ ตอนนี้เรามาได้ถึง 3 ส่วนของ Single-Player Campaign แล้วถ้านับตามจำนวนภารกิจ — ซึ่งจริงๆแล้วส่วนที่เราเล่นจะมีถึง 26 ภารกิจเลยทีเดียว แต่ถ้าจะถามว่า ผู้เล่น 1 คนจะไปได้ถึงไหน ถ้านับรวมภารกิจทั้งหมดทั้งเนื้อเรื่องย่อย ภารกิจวิจัยของห้องแลป รวมถึงการเล่นในระดับความยากที่มากขึ้น อันนี้เราตอบไม่ได้ Single-Player mode ของ Starcraft II มีเนื้อหาสาระเยอะกว่าที่เราคาดไว้ในตอนแรกมาก และทั้งหมดรอคุณไปค้นพบด้วยตัวคุณเอง

     ในส่วนของยูนิตและองค์ประกอบต่างๆ StarCraft II ทำออกมาได้ดีกว่าที่เราเห็นในโหมด Multiplayer มาก — ทุกอย่างที่อัพเกรดได้ได้รับการปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความสมดุล นับได้ว่า Blizzard ทุ่มเทอย่างหนักให้กับทั้ง Single และ Multiplayer ของ Wings of Liberty ด้านการเล่าเรื่องในส่วนของ Terran ก็ทำออกมาสมเป็นมืออาชีพ มีเรื่องราวเบื้องลึกมากมายที่รอให้ผู้เล่นไปเสาะแสวงหาผ่านบทสนทนา ซึ่งในแต่ละเรื่องก็จะเท้าความถึงเรื่องราวในภาคก่อนพอสังเขป

     ในตอนแรกเรากังวลว่าการแบ่ง StarCraft II ออกเป็นสามตอนนั้น จะก่อให้เกิดผลต่อตัวเกมหรือไม่ แต่อย่างน้อยการที่ Blizzard นำเอา content ส่วนใหญ่มาไว้ในช่วงแรกก็ทำให้เราเบาใจไปเยอะ

     น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้เล่นอีก 2 ส่วนที่เหลือ อยากรู้เอาจริงๆว่าพวกเขาจะสร้างอะไรให้กับพวก Zerg บ้าง อย่าบอกนะว่าพวกนั้นก็มีบาร์เหล้าเหมือนกัน?

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้