10 หนังและซีรี่ส์ที่สร้างจากเกม คอหนังต้องเล่น คอเกมต้องดู

ต้องยอมรับเลยว่าเมื่อเกมเมอร์อย่างเราได้ข่าวว่าเกมที่เราคุ้นเคยกำลังจะดัดแปลงไปทำเป็นหนังหรือซีรี่ส์ พวกเราก็ย่อมตื่นเต้นและอยากดูกันเป็นธรรมดา ช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้นับเป็นทศวรรษที่มีหนังและซีรี่ส์ที่สร้างจากเกมปล่อยออกมาสู่ท้องตลาดเยอะมาก บ้างก็ธรรมดา บ้างก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่ บ้างก็ทำออกมายอดเยี่ยมจนสื่อหลายสำนักและผู้ชมยกย่อง วันนี้เราจึงขอรวมรวมลิสต์หนังและซีรี่ส์ที่สร้างจากวิดีโอเกมมาให้ จะมีเรื่องอะไรบ้าง มาติดตามอ่านกันได้เลย

1. The Last of Us (2023)

แนว: ดิสโทเปีย/ดราม่า/แอคชั่น/ผจญภัย
ผู้สร้าง: Craig Mazin, Neil Druckmann
นักแสดงนำ: Pedro Pascal, Bella Ramsey
ช่องทางการรับชม: HBO GO

ซีรี่ส์ที่ดัดแปลงมาจากหนึ่งในวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดการอย่าง The Last of Us ตัวซีรี่ส์มีฉากหลังอยู่ในโลกที่ล้มสลายหลังจากเชื้อรามรณะแพร่กระจายสู่ผู้คนนับล้าน เนื้อเรื่องจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโจล ชายที่มีเหตุจำเป็นต้องทำภารกิจพาตัวเอลลี่ เด็กผู้หญิงที่มีภูมิคุ้มกันเชื้อรามรณะ ไปส่งที่จุดหมายปลายทางเพื่อให้นักวิจัยตรวจสอบร่างกายและคิดค้นยารักษาเพื่อกอบกู้มนุษยชาติกลับคืนมา

ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้รับคำวิจารณ์ที่ยอดเยี่ยมมากจากทั้งนักวิจารณ์และแฟนเกม สร้างบรรทัดฐานใหม่ที่งดงามให้กับหนังและซีรี่ส์ที่สร้างจากเกม จนถูกยกย่องว่านี่เป็นอแดปเทชั่นจากวิดีโอเกมที่ดีที่สุดตลอดกาล

2. NieR: Automata Ver 1.1a (2023)

แนว: อนิเมชั่น/ดิสโทเปีย/แอคชั่น/ผจญภัย
ผู้กำกับ: Ryoji Masuyama
ผู้ให้เสียงพากย์หลัก: Yui Ishikawa, Natsuki Hanae, Kaoru Akiyama
ช่องทางการรับชม: Prime Video, Bilibili

จากเกม NieR: Automata สู่อนิเมะ NieR: Automata Ver 1.1a เรื่องราวของโลกที่ล่มสลายจากการรุกรานของเอเลี่ยนที่มีกองกำลังจักรกลมีชีวิต มนุษย์ที่เหลือรอดอยู่เพียงหยิบมือได้อพยพไปอยู่ที่ดวงจันทร์ และส่งหุ่นแอนดรอยด์ไปต่อสู้กับจักรกลมีชีวิตบนโลกมาโดยตลอด จนกระทั่งในปีค.ศ. 11945 มนุษย์ได้ส่งแอนดรอยด์รุ่นล่าสุดสองตัวที่มีชื่อว่า 2B กับ 9S ไปที่โลกเพื่อทวงคืนบ้านเกิดของเผ่าพันธุ์ตนอีกครั้ง

อนิเมะดัดแปลงเรื่องนี้ได้รับคำชมไปในทิศทางบวกอย่างล้นหลาม ตัวอนิเมะได้ดัดแปลงจุดๆ ต่างเพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ที่ต่างไปจากวิดีโอเกม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาองค์ประกอบสำคัญที่เป็นจุดขายของเกมต้นฉบับไว้ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่อนิเมะเรื่องนี้จะถูกใจทั้งคนที่เป็นแฟนเกมและคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน

3. Halo (2022)

แนว: ไซไฟ/แอคชั่น/ผจญภัย
ผู้สร้าง: Steven Kane, Kyle Killen
นักแสดงนำ: Pablo Schreiber, Shabana Azmi, Natasha Culzac
ช่องทางการรับชม: Paramount+ (ยังไม่เปิดบริการในไทย)

ซีรี่ส์ที่ดัดแปลงมาจากเกมในชื่อเดียวกันอย่าง Halo หนึ่งในเกมระดับตำนานของ Microsoft ที่อยู่คู่กับชาวเกมเมอร์มานานกว่า 20 ปี เรื่องราวในซีรี่ส์เซ็ตอยู่ในศตวรรษที่ 26 ที่มนุษย์กำลังทำสงครามกับเอเลี่ยนเผ่าพันธ์ุหนึ่งที่มีชื่อว่า Covenant โดยกำลังสำคัญจากฝ่ายมนุษย์คือหน่วยทหารพิเศษ “สปาร์ตัน” นำทีมโดยยอดขุนศึก Master Chief

ก่อน The Last of Us จะเริ่มฉาย ซีรี่ส์ Halo เรื่องนี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นอแดปเทชั่นจากวิดีโอเกมที่ดีที่สุด แต่หลังจากที่ฉายจบซีซั่นแรกไป คำวิจารณ์ของซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ปะปนกันไป มีตั้งแต่ชอบมากจนถึงไม่ชอบเลยก็มี โดยฝั่งที่ไม่ชอบนั้นจะเป็นแฟนเกมเสียส่วนใหญ่ โดยพวกเขาให้เหตุผลว่าถึงแม้ Halo ฉบับซีรี่ส์จะสนุกและตื่นเต้นในแบบของมัน แต่มันขาดหัวใจหลักของเกมต้นฉบับไป

4. Cyberpunk: Edgerunners (2022)

แนว: อนิเมชั่น/ไซเบอร์พังค์/แอคชั่น/ผจญภัย
ผู้สร้าง: Rafał Jaki, Mike Pondsmith
ผู้ให้เสียงพากย์หลัก: Kenn, Aoi Yūki
ช่องทางการรับชม: Netflix

ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเนื้อเรื่องในเกม Cyberpunk 2077 ประมาณหนึ่งปี โดยจะบอกเล่าเรื่องราวของเด็กอาภัพแต่เปี่ยมไปด้วยความสามารถคนหนึ่งชื่อว่า “เดวิด” หลังจากที่เดวิดสูญเสียทุกอย่างที่สำคัญในชีวิตไป เขาได้ตัดสินใจหันเข้าสู่มุมมืดของสังคมและผันตัวมาเป็น “เอดจ์รันเนอร์” (Edgerunner) ทหารรับจ้างนอกรีต หรือที่รู้จักกันในนาม “ไซเบอร์พังค์” (Cyberpunk)

ด้วยความยอดเยี่ยมของตัวบท ตัวละคร และดนตรีประกอบที่ตราตรึง ซีรี่ส์อนิเมชั่นเรื่องนี้จึงได้รับคำชมถล่มทลายจากทั้งฝั่งคนดูและฝั่งนักวิจารณ์ การันตีด้วยรางวัลอนิเมะแห่งปีจากงาน Crunchyroll Anime Awards เรียกได้ว่าสามารถกู้ศักดิ์ศรีจาก Cyberpunk 2077 ได้อย่างสง่างสงาม

5. Uncharted (2022)

แนว: แอคชั่น, ผจญภัย
ผู้กำกับ: Ruben Fleischer
นักแสดงหลัก: Tom Holland, Mark Wahlberg, Sophia Ali, Tati Gabrielle, Antonio Banderas
ช่องทางการรับชม: Netflix

หนังที่สร้างจากแฟรนไชส์เกมชื่อดังที่พัฒนาโดย Naughty Dog อย่างเกม Uncharted หนังบอกเล่าเรื่องราวของ “นาธาน เดรก” โจรหนุ่มสุดฉลาดและมีไหวพริบ ถูกเลือกโดยนักล่าขุมทรัพย์รุ่นเก๋า “ซัลลี่” เพื่อหาขุมทรัพย์ของนักเดินเรือนามว่ามาเจลลัน โคตรมหาสมบัติ 500 ปีที่ไม่มีใครเคยเจอ

ถึงแม้ตัวหนังจะได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยจะดีเสียเท่าไหร่ด้วย “ความธรรมดา” ของตัวบท แต่ Uncharted ฉบับภาพยนตร์ก็ทำรายได้ทั่วโลกไปได้กว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นแท่นเป็นหนังที่สร้างจากเกมที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับที่ 6

6. Arcane (2021)

แนว: อนิเมชั่น/แอคชั่น/ดราม่า/ผจญภัย
ผู้กำกับ: Pascal Charrue, Arnaud Delord
ผู้ให้เสียงพากย์หลัก: Hailee Steinfeld, Ella Purnell, Jason Spisak
ช่องทางการรับชม: Netflix

ดัดแปลงมาจาก lore ของเกม MOBA ยอดฮิตอย่าง League of Legends ซีรี่ส์ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้อง “ไวโอเล็ตกับจิ๊งซ์” ที่ชีวิตเกิดเหตุการณ์พลิกผันจนทำให้พวกเขาทั้งสองต้องแยกจากกันตอนยังเด็ก วันเวลาผ่านไปหลายปี สองพี่น้องได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่การกลับมาที่ว่าก็ไม่ได้อบอุ่นอย่างที่คิดเพราะในตอนนี้พวกเธอทั้งสอง ต่างยืนอยู่คนละฝั่งและมีเป้าหมายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

Arcane ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถครองใจคนทุกกลุ่มได้แบบไร้ข้อกังขา หลังจากจบซีซั่นแรกไป คนดูต่างตั้งหน้าตั้งตารอที่จะดูซีซั่นต่อไปอย่างใจจดใจจ่อในชนิดที่ว่า “ขอซีซั่น 2 พรุ่งนี้เลยได้มั้ย” ตัวซีรี่ส์สามารถกวาดรางวัลไปได้นับไม่ถ้วน สองรางวัลในนั้นคือรางวัลใหญ่อย่าง Outstanding Animated Program จากเวที Primetime Emmy Awards 2022 และรางวัล Best Adaptation จากเวที The Game Awards 2022

7. Mortal Kombat (2021)

แนว: แฟนตาซี/แอคชั่น/ผจญภัย
ผู้กำกับ: Simon McQuoid
นักแสดงนำ: Lewis Tan, Jessica McNamee, Josh Lawson
ช่องทางการรับชม: HBO GO

Mortal Kombat เป็นอีกหนึ่งวิดีโอเกมที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และซีรี่ส์อยู่หลายต่อหลายครั้งมาก ภาพยนตร์ฉบับนี้จะเล่าเรื่องไปที่ Cole Young (ตัวละครที่สร้างขึ้นใหม่ ไม่มีในฉบับเกม) นักสู้บนสังเวียน MMA ผู้ซึ่งไม่รู้เลยว่าตัวเขาได้สืบทอดมรดกล้ำค่าบางอย่างมา ในขณะเดียวกันนั้น Shang Tsung จักรพรรดิแห่ง Outworld ก็ได้ส่งนักรบที่เก่งกาจที่สุดของเขาอย่าง Sub-Zero มาเพื่อตามล่า Cole หลังจากนั้นไม่นาน Cole ก็ได้รับการฝึกฝนจาก Liu Kang, Kung Lao และ Kano เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับศัตรูผู้มาจาก Outworld ในการต่อสู้ที่มีเดิมพันสูงที่สุดในจักรวาล

หนังเรื่องนี้ได้รับคำติเตียนหลายอย่างจากฝั่งนักวิจารณ์ แต่ทางฝั่งคนดูกลับชื่นชอบหนังเรื่องนี้กันเสียส่วนใหญ่เพราะถึงแม้ตัวบทอาจจะยังขัดเกลาออกมาไม่ดีในหลายจุด แต่ฉากแอคชั่นกับความโหดตามฉบับเกมก็ทำออกมาได้ดีตามระดับที่แฟนๆ คาดหวัง อยากดูฉากดวลดุๆ ก็ได้ดู อยากเห็นท่า fatality โหดๆ ก็ได้เห็น ถ้าภาคหน้ามีการปรับปรุงเรื่องบทและยกระดับฉากแอคชั่นให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ผู้เขียนคิดว่า Mortal Kombat 2 น่าจะเป็นหนังแอคชั่นแฟนตาซีคุณภาพดีเรื่องนึงเลย

8. The Witcher (2019–)

แนว: แฟนตาซี/แอคชั่น/ผจญภัย/ดราม่า
ผู้สร้าง: Lauren Schmidt Hissrich
นักแสดงนำ: Henry Cavill, Freya Allan, Anya Chalotra
ช่องทางการรับชม: Netflix

จากเกม MMORPG ในตำนานจากค่าย CD Projekt สู่ซีรี่ส์เน็ตฟลิค The Witcher ฉบับซีรี่ส์จะพาเราไปสำรวจตำนานของ “เกรอลต์แห่งรีเวีย” (Geralt of Rivia) ผู้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วิชเชอร์” (Witcher) มีสมรรถภาพทางกายเหนือมนุษย์และสามารถใช้เวทมนตร์ได้ เกรอลต์ดำรงชีพด้วยการรับจ้างฆ่าอสูร ร่อนเร่ไปวันๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย จนสุดท้ายก็ได้พบเจอกับเรื่องราวต่างๆ

The Witcher ของเน็ตฟลิคได้รับกระแสที่ดีมากจากนักวิจารณ์และคนดู โดยเฉพาะฝั่งนักวิจารณ์ที่ดูจะชอบซีรี่ส์เรื่องอยู่พอตัว อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากจะดูเรื่องนี้แต่ไม่เคยเล่นเกมต้นฉบับมาก่อน ผู้เขียนขอแนะนำให้หาคลิปหรือบทความติวเนื้อหาเรื่องราวในจักรวาลของ The Witcher ก่อนซักเล็กน้อยเพราะตัวซีรี่ส์จะโยนคุณเข้าโลกของมันแบบแทบจะไม่ปูอะไรให้เลย ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ปวดหัว ติวก่อนดูได้จะดีมาก

9. Tomb Raider (2018)

แนว: แอคชั่น/ผจญภัย/แฟนตาซี
ผู้กำกับ: Roar Uthaug
นักแสดงนำ: Alicia Amanda Vikander, Dominic West, Walton Goggins
ช่องทางการรับชม: HBO GO

จากเกมผจญล่าสมบัติในตำนาน สู่ภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันอย่าง Tomb Raider หนังภาครีบูตในรอบ 15 ปีนับตั้งแต่จากจบภาคที่แสดงนำโดย Angelina Jolie ไป หนังฉบับปี 2018 นี้ได้จะอ้างอิงรายละเอียดหลายส่วนมาจากเกม Tomb Raider (2013) โดยเนื้อเรื่องของหนังจะบอกเล่าการผจญภัยของลาร่า ครอฟต์ หญิงสาวที่ต้องการจะไขปริศนาการตายของพ่อ ผู้เป็นนักโบราณคดีที่สูญหายไปตั้งแต่ลาร่ายังเด็ก เพื่อรับรู้ความปรารถนาสุดท้ายของพ่อ เธอตัดสินใจละทิ้งทุกสิ่งที่เธอมีไว้ด้านหลัง และเริ่มค้นหาจุดมุ่งหมายสุดท้ายของพ่อเธอ ซึ่งก็คือ “สุสานในนิทาน” ที่อยู่บนเกาะลึกลับที่ไหนสักแห่งแถวชายฝั่งประเทศญี่ปุ่น และนี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัยทั้งหมด

คำวิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ตัวบทของหนังยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร มีหลายจุดที่ไม่สมเหตุสมผล ช่วงคลี่คลายปมก็ทำออกมาได้ธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้น Alicia Amanda Vikander ผู้รับบทนักล่าสมบัติสาวก็สามารถถ่ายทอดคาแรคเตอร์ของลาร่า ครอฟต์ออกมาได้เป็นอย่างดี ฉากแอคชั่นในเรื่องก็ทำออกมาได้น่าตื่นเต้น ถึงจะไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ก็ทำให้คนดูอย่างเราๆ สนุกกับมันได้ ยิ่งถ้าใครเคยเล่นเกมฉบับปี 2018 มาก่อน ก็น่าจะว้าวกับหลายฉากที่อิงมาจากเกมเลย

10. Silent Hill (2006)

แนว: สยองขวัญ/ปริศนา
ผู้กำกับ: Christophe Gans
นักแสดงนำ: Radha Mitchell, Laurie Holden, Sean Bean
ช่องทางการรับชม: ไม่มี

เกมสยองขวัญขึ้นหิ้งที่ถึงแม้ใครไม่เคยเล่นก็ต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เกม Silent Hill ได้ถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในปี 2006 ว่าด้วยเรื่องราวของ “โรส เดอ ซิลวา” ที่พยายามหาทางรักษาอาการป่วยที่แปลกประหลาดของ “ชารอน” ผู้เป็นลูกสาว โดยการพาเธอไปยังเมืองไซเลนท์ ฮิลล์ (Silent Hill) ซึ่งเป็นเมืองที่ชารอน มักจะละเมอพูดถึงอยู่เสมอในเวลาที่เธอนอนหลับ แต่เมื่อเข้าเขตเมืองไซเลนท์ฮิลล์ รถของโรสก็ประสบอุบติเหตุ เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าชารอนได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย โรสจึงต้องออกเดินทางตามหาลูกสาวและเริ่มเผชิญกับความบิดเบี้ยวและเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ ของเมืองไซเลนท์ ฮิลล์

ภาพยนตร์ได้รับคำวิจารณ์ไม่ดีเสียเท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องของตัวบท แต่ในส่วนของความน่ากลัวชวนเขย่าประสาทนั้น ได้รับคำชมที่ค่อนข้างดีพอสมควร ตัวหนังสามารถรังสรรค์ความน่ากลัวของแบบฉบับเกมออกมาสู่ฉบับภาพยนตร์ได้ดี นอกจากนี้งานภาพ (Visual) ของเรื่องก็คราฟต์ออกมาได้สวยเลยทีเดียว ถึงแม้ตัวหนังจะมีการปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่างจากเกมต้นฉบับไป แต่ Silent Hill (2006) นี้ก็ยังสามารถเก็บหัวใจและแก่นหลักของเรื่องไว้ได้

และในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้ดู Five Nights at Freddy’s และ Ghost of Tsushima แค่ได้ยินชื่อก็ตื่นเต้นแล้ว โดยทั้งหมดนี่ก็คือลิสต์หนังและซีรี่ส์ที่ทำมาจากเกม ใครที่สนใจเรื่องไหนก็สามารถไปหามารับชมกันได้เลยครับ : )


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้