ผลสำรวจจาก EEDAR บริษัทที่ทำการสำรวจอุตสาหกรรมเกมยักษ์ใหญ่ของโลก เผยว่าคนเล่นมือถือในฝั่งอเมริกาเหนือจะเสียเงินให้กับเกมมือถือราวๆ 3.30 เหรียญ US หรือประมาณ 115 บาทต่อเดือน มากกว่าปีที่แล้วที่การใช้จ่ายอยู่ที่ 2.75 เหรียญ US หรือประมาณ 97 บาท
จะเห็นได้ว่าในส่วนของฝั่งอเมริกานั้นมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนคนเล่นหรือ ผู้ใช้งาน Smartphone ในทางกลับกันเรามาดูที่ฝั่งเอเชียบ้าง สิ่งที่น่าจับตามองอยู่ที่ประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น เริ่มที่เกาหลีประเทศเกาหลีที่คนชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉลี่ยแล้วคนจะเสียเงินเพื่อเล่นเกมมือถืออยู่ที่ประมาณ 5.91 เหรียญ US หรือประมาณ 207 บาทต่อเดือน มากกว่าอเมริกาเกือบ 2 เท่า
แต่สิ่งที่น่าตกใจคือประเทศญี่ปุ่น มีการใช้จ่ายเพื่อเกมมือถือสูงที่สุดในปี 2015 อยู่ที่ 9.39 เหรียญ US หรือประมาณ 330 บาท ต่อเดือนเลยทีเดียว ซึ่งจากการวิจัยดังกล่าวนั้นยังบอกเราอีกว่ามีอยู่ 2 เหตุผลที่ทำให้คนญี่ปุ่นเสียเงินมากกว่าฝั่งอเมริกา 1. คนญี่ปุ่นยอมเสียเงินเพื่อซื้อ Item ในเกมเยอะกว่าอเมริกา 2. Item ใน App มีราคาแพงก่วา
นอกจากนี้รายงานยังบอกเพิ่มเติมว่าคนญี่ปุ่นนั้นชอบที่จะเล่นเกมแนว RPG เป็นชีวิตจิตใจซึ่งก็จะคล้ายๆ กับบ้านเรา และเกาหลีใต้ ซึ่งตัวเกมนั้นจะต้องมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ มีเป้าหมายในการเล่นที่วางเอาไว้อย่างชัดเจน และเล่นง่ายเท่านี้เกมเมอร์จะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อ Item ช่วยเหลือภายในเกมเพื่อเอาชนะเป้าหมายที่ตัวเกมตั้งเอาไว้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อเพิ่มเลเวล หรือเอาชนะบอส
ต่างกับเกมที่คนฝั่งอเมริกาชอบเล่นอย่าง Angry Bird หรือ Candy Crush เนื่องจากตัวเกมนั้นเป็นเกมที่เล่นเรื่อยๆ ไม่ต้องใช้ Item ช่วยก็สามารถผ่านได้ ไม่มีเนื้อเรื่องหรือเป้าหมายในเกมที่ชัดเจน เป็นเกมที่เล่นจบไว และเน้นไปที่การ Entertain ผู้เล่นซะมากกว่า
สุดท้ายแล้วเกมเมอร์จะเสียเงินให้กับเกมมือถือมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และตัวเกมว่าถูกใจพวกเขามากแค่ไหนเท่านั้นเองครับ ซึ่งไม่ต่างกับเกมเมอร์ในบ้านเราเท่าไหร่ที่จะเล่นแนวเกมคล้ายๆ กับทางเกาหลี และญี่ปุ่น และบ้านเราก็เริ่มมีหลายๆ ค่ายเกมเข้ามาเปิดบริษัทในบ้านเราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเชื่อว่าตลาดเกมในแถบเอเชียยังโตได้อีกเยอะครับ
Credit: http://www.techinsider.io/japanese-spend-more-on-mobile-games-than-americas-2015-11