Ningning DAISY DAISY: เมื่อการเป็นไอดอลไม่ใช่แค่บนสเตจ และแฟนคลับคือเหตุหลักที่เธอกลับมา

Ningning DAISY DAISY: เมื่อการเป็นไอดอลไม่ใช่แค่บนสเตจ และแฟนคลับคือเหตุหลักที่เธอกลับมา

 

Ningning Daisy Daisy Highlight
– สวมบทบาทการเป็นไอดอลเต็มขั้น
– นอกจากเรื่องการเป็นไอดอลหรือเรื่องที่เกี่ยวกับวง หนิงก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องอื่น
– แฟนคลับสำคัญที่สุด

 

คนเราถ้าล้มเหลวกับบางอย่างไปแล้ว จะอยากกลับไปทำอะไรอย่างเดิมอีกไหม? มันอาจจะเป็นคำถามหรือตัวเลือกในชีวิตที่หลายๆ คนมักจะเจอ และจำเป็นต้องทำการเลือกเพื่อจะมูฟออนต่อไป เรามักเห็นบทสัมภาษณ์ของบุคคลต่างๆ ตามหน้าสื่อที่พูดถึงชีวิตเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว บางคนก็เลือกจะสู้ต่อในทางเดิมจนบรรลุ ขณะที่บางคนเลือกจะถอยหลังมานั่งคิดและเปลี่ยนเส้นทางเพื่อไปพบกับสิ่งที่เข้าทางกว่า และแน่นอน… อีกหลายคนเลือกถอยยาวๆ จนท้ายที่สุดก็อาจถูกกลืนหายไปกับกาลเวลา

 

Ningning

 

สำหรับ “หนิงหนิง” มาริกา แพร่เกียรติเจริญ อดีตสมาชิกของ 7th Sense การจะกลับเข้าสู่เส้นทางของไอดอล ต้องผ่านการคิดและไตร่ตรองเป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าไม่ชอบแต่หากต้องล้มเหลวซ้ำสองคงไม่ใช่สิ่งที่เธอพิสมัยเท่าใดนัก บนทางแยกที่ไม่อาจคาดคะเนถึงผลของการตัดสินใจ จึงไม่แปลกที่เด็กสาววัย 22 ปี จะจมจ่อมอยู่กับทางข้างหน้าที่ต้องเลือกเดินในเร็ววัน ดังนั้นแล้วการที่เธอกลายร่างเป็น Daisy ดอกท้ายๆ ในจำนวน Daisy กลุ่มแรก 6 ดอกจึงมีเหตุผลของมัน

 

ผมสตาร์ทคำถามแรกกับ หนิงหนิง ที่นั่งยิ้มอยู่ด้านหน้าด้วยประเด็นข้างต้นอย่างสนอกสนใจ “คือตอนแรกก็มีพี่ที่รู้จักเคยทำงานมาด้วยกัน เขาเปิดค่ายเพลงขึ้นมาใหม่ แล้วกำลังมีออดิชั่นอยู่ ก็เลยนัดหนิงกับเพื่อนอีก 2 คนลองไปดู แล้วคือช่วงนั้นเวลาค่อนข้างบีบ ฝั่งนี้หลายอย่างยังไม่เรียบร้อย ฝั่งนั้นก็เร่งมาว่าจะหมดเขตรับสมัครแล้ว เราก็เลยคุยกับทางนั้นว่าถ้าเข้าไปแล้วเราไม่โอเคสามารถออกได้ไหม เขาก็บอกว่าถ้าไม่โอเคก็ออกได้ เลยตัดสินใจเข้าไปลอง เพราะเรายังไม่มีทางมากนัก แต่พอมีทางนี้เพิ่มขึ้นมา (DAISY DAISY) ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างก็เลยขอเลือกทางนี้ดีกว่า แล้วตัดสินใจออกจากทางนู้นค่ะ”  ระหว่างเล่าหนิงกลัวว่าตัวเองจะพูดยาวจนไม่รู้เรื่อง แต่ผมบอกให้พูดมาเลยไม่เป็นไร จึงออกมาเป็นอย่างที่เห็น 

 

Ningning

 

ช่วงระยะเวลาที่วงเก่ายุบไป ก่อนจะมาอยู่กับวงใหม่มีความรู้สึกอย่างไร น่าจะเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มากที่สุดว่าอดีตสมาชิก 7th Sense เกิดความรู้สึกอะไรบ้างในช่วงระยะเวลาอันแสนเคว้งคว้างนั้น

 

“ออกแนวสับสนมากกว่าค่ะ ว่าเราควรจะไปทางไหนดี เลือกแบบนี้ดีไหม คือเราก็เพิ่งจะล้มเหลวมา ทำให้ไม่กล้าตัดสินใจอะไร เพราะก็อยากเลือกทางคล้ายๆ เดิมที่มันจะไปต่อได้แต่ต้องไม่ล้มเหลวอีกน่ะค่ะ เป็นความยากในการเลือกช่วงนั้น”

 

คำตอบของหนิงคือความเรียบง่ายอันเพียบพรึงไปด้วยความยาก ในยุคที่วงไอดอลผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดการที่คุณเคยมีนามสกุล 7th Sense ห้อยท้ายอาจไม่ใช่เรื่องไกลเกินคว้าหากว่าอยากจะคืนวงการ เพียงแต่ในความมากมายดังกล่าว ใครเลยจะกล้าตอบอย่างชัดเจนว่ามันจะไม่ล้มเหลวอีก?

 

ฉะนั้นแล้ว…

 

ทำไมถึงเลือกมา DAISY DAISY? จึงเป็นสิ่งที่ต้องถูกถามต่ออย่างไม่ต้องสงสัย “ตอนแรกก็มีหลายวงเหมือนกันที่ติดต่อเข้ามาอยากให้ลองไปคุยดู แต่คือเราก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่าอยากลองอะไรใหม่ๆ บ้าง แบบว่าไอดอลเนี่ย เราก็เคยลองทำมาแล้ว เราก็อยากทำอย่างอื่นดูบ้างไหม ก็เป็นเหตุผลให้เราลองไปออดิชั่นอีกที่หนึ่งอย่างที่บอกไป…” พูดถึงตรงนี้หนิงก็นิ่งไปสักครู่ก่อนจะ 

 

“คำถามคืออะไรนะคะ?” 

 

แล้วหัวเราะออกมา ซึ่งเราก็พลอยอดหัวเราะตามไปด้วยความ ‘อิหยังวะ’ ไม่ได้ กระทั่งเราได้ทวนคำถามอีกรอบ เธอจึงสามารถเล่าต่อ “แต่พอไปลองก็พบว่าระบบรวมถึงอะไรหลายๆ อย่างไม่ค่อยเข้ากับความเป็นตัวเราเท่าไหร่ แล้วคือช่วงนั้นวงเก่าก็ยังมีงานตกค้างอยู่ เราก็ยังได้เจอเพื่อน ได้คุยกับเพื่อน ช่วงซ้อมบล็อคกิ้งงานสุดท้ายของวงเก่า ทางผู้ใหญ่ของวงนี้ก็เข้ามาคุยกับเราอีกที พอจบงานก็มาชวนอีกครั้งเป็นรอบสุดท้าย เอาเข้าจริงเราก็แบบไม่ได้โอเคกับที่ๆ ไปลองล่าสุดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็เลยตอบตกลงมาทางนี้ค่ะ คือเหมือนได้ลองไอ้สิ่งที่อยากลองแต่มันไม่ค่อยเข้าท่า ก็เลยขอกลับมาทำสิ่งเดิมที่เราถนัดและแฮปปี้กับมันดีกว่า”

 

Ningning

 

คนเรามักจะเลือกความสุข เมื่อลองออกไปท้าทายตัวเองบางอย่างกลับมาแล้วมันไม่ใช่ หลายๆ คนก็เลือกขอกลับไปอยู่กับสิ่งที่สามารถมีรอยยิ้มให้กับมันได้เสียดีกว่า ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ในเมื่อเส้นทางการผจญภัยบนโลกใบนี้ของแต่ละคนก็ไม่มีสูตรตายตัว บางครั้งการได้อยู่ในจุดที่มีความสุข ก็อาจทำให้ชีวิตในแง่อื่นๆ มันมีความง่ายขึ้นบ้างก็เป็นได้กระมัง

 

“แล้วชีวิตหลังเข้าวงล่ะ?” น่าจะเป็นคำถามที่น้องดูจะตอบง่ายสุดตั้งแต่เริ่มมา “แฮปปี้ดีค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันเบียดเบียนชีวิตอะไร ไม่ใช่สิ คือมันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าสับสันชีวิตหรือรู้สึกแย่อะไรแบบนี้ อาจเพราะว่าเราเรียนจบแล้วด้วย เลยไม่ได้รู้สึกท้ออะไรเท่าไหร่ เพราะเราก็เต็มที่กับตรงนี้แล้ว ค่อนข้างสบายใจ มีเพื่อนเก่าที่อยู่มาก่อนแล้วด้วย แล้วก็มีวาวาตามมาอีก มีเดียร์ มีแฮม มีพี่ๆ ทีมงาน คนที่เข้ามาใหม่ทุกคนก็ดูน่ารัก ก็เลยนั่นแหล่ะค่ะ มันทำให้สบายใจที่จะอยู่ที่นี่”

 

และเมื่อถามต่อว่าคนเข้าใหม่ใครน่ารักที่สุด

 

ใครน่ารักสุดเหรอ หลายคนเลยนะ เอาจริงๆ ตอนวันออดิชั่นก็นั่งคุยกับเดียร์ แล้วก็แอบถ่ายรูปคนที่น่าจะได้ไว้ก็จะมี กีต้าร์, กุ๊กกิ๊ก, ลิซ่า, โอลีฟ มีวาวา ก็คือหมดเลย แล้วก็มีอีก 2-3 คนที่ทายไว้ถึงไม่ได้เข้า Daisy แค่ก็อยู่ในเครือ Merry Go sound เหมือนกัน ทุกคนมีความน่ารักที่ต่างกัน ดูมีสเน่ห์ค่ะ”

 

Ningning

 

เรารู้สึกว่าเมื่อถามถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบันตัวหนังเองดูจะตอบคล่องและสามารถเล่าเรื่องต่างๆ ได้อย่างลื่นไหล อันเป็นการยืนยันได้ในระดับหนึ่งว่าตัวเธอแฮปปี้กับสถานะที่เป็นอยู่จริงๆ กับการได้กลับมาเป็นไอดอลอีกครั้ง

 

แต่ถ้าหากเธอไม่ได้กลับมาเป็นไอดอลล่ะ?

 

“น่าจะทำงานอะไรสักอย่างอยู่มั้งคะ?” หนิงตอบออกมาอย่างรวดเร็ว แต่ในความเร็วนั้นไม่อาจปกปิดความไม่แน่ใจ “เพราะว่าตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว คงไปหาสมัครงานสักที่หรือไม่ก็อยู่บ้านเฉยๆ เลี้ยงแมวมั้งคะ นึกไม่ออกเหมือนกัน” 

 

พอหนิงตอบออกมาผมเลยพอนึกออกว่าเหมือนเคยเห็นเธอบ่นลง IG Story ว่าว่างมากๆ เพราะเรียนจบแล้ว “มันก็อยากทำอะไรสักอย่างในวันที่ไม่มีซ้อม ไม่มีงานอะไรแบบนี้ แต่เราก็ไม่รู้จะทำอะไร ตอนแรกก็คิดว่าจะทำงานประจำดีไหม ก็กลัวอีกว่าเวลาจะเบียดกับวงเกินไป ทำให้เราอาจจะเครียดกดดันทั้ง 2 ทาง จนอาจจะไม่มีความสุขเลยก็ได้ พอคิดต่อว่างั้นลองหางานฟรีแลนซ์ทำไหม ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี จนตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรทำเหมือนเดิมค่ะ” พูดจบแล้วนางก็ขำแก้เก้อ

 

Ningning

 

ผมยังคงสนใจในอินเทอร์เรสต์ด้านอื่นๆ ของเธอเพื่อจะได้ดูว่าตัวตนอีกด้านนอกจากการสวมโรลไอดอลนั้นเป็นอย่างไร เช่นว่าถ้าตัดเรื่องเกี่ยวกับวงไปจะมีงานอดิเรกอะไรหรืออยากทำอะไรอีกไหม “ไม่มีค่ะ คิดไม่ออกเลย ก็ออกไปดูหนังบ้าง แต่รวมๆ ก็อยู่ว่างๆ ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดี แต่จริงๆ ก็อยากทำอะไรที่มันได้เงินเยอะอ่ะค่ะ อาจเป็นธุรกิจส่วนตัวมั้งคะ เปิดมาแล้วจ้างคนอื่นทำหนูรอรับตังค์” แต่ดูเหมือนว่าหนิงจะไม่ได้เป็นคนเช่นนั้น

 

แม้ช่วงท้ายเธอจะตอบทีเล่นทีจริงแต่เราก็สัมผัสได้ว่ามันไม่มีอะไรจริงจังนัก ส่วนหนึ่งก็คือเธอเข้าใจในความเป็นไปไม่ได้นั่นอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันหนิงก็ดูจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับวงและการสวมโรลไอดอลอยู่มาก เพราะจากที่ฟังคำตอบในหลายๆ คำถาม ในตอนนี้วงคือหลักใหญ่ใจความของชีวิตและมีผลต่อการตัดสินใจหลายๆ อย่าง

 

“ใช่ค่ะ ก็เหมือนมองว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่ตอนซ้อมหรือออกงานที่เราจะเป็นไอดอลได้ ก็คิดว่าคือตื่นเช้ามาเราก็เป็นไอดอลแล้ว เราเป็นไอดอลไปแล้ว ไม่ได้คิดว่ามันเป็นงาน” 

 

เพราะแบบนั้นก็อาจจะไม่แปลกถ้าหากว่าเธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีนอกจากการอยู่ในวงไอดอล นั่นก็เพราะเวลานี้มีวงไอดอลที่เธอมอบทุกอย่างให้ดำรงอยู่ต่อหน้านั่นเอง

 

Ningning

 

เพราะงั้นไหนๆ ก็อินกับการเป็นไอดอลในวงแล้ว เลยถามหนิงว่าอยากให้วงมีเพลงเป็นแบบไหน “อืม… จริงๆ หนิงก็ไม่ใช่คนที่เข้าใจในแนวเพลงนัก แต่ก็อยากให้เพลงของวงสามารถเข้าถึงได้ง่าย ใครฟังก็เข้าใจได้ ไม่ใช้คำที่ยากเกินไป คนวัยไหนๆ ก็ฟังได้ พอมองรวมกับภาพลักษณ์วง พวกแนวๆ หนักๆ ก็คงต้องตัดไปค่ะ” คำตอบของเธอเรียบง่ายกว่าที่คิด แต่ทำให้เราเข้าใจยิ่งขึ้นว่าเธอมองภาพลักษณ์วงมาก่อนจริงๆ

 

คุยกันมาสักพักเรามีข้อสงสัยสุดท้ายว่าจากคนที่เกือบจะเลือกทางอื่นแล้ว แรงจูงใจที่ดึงเธอกลับมาบนเส้นทางไอดอล และทำให้เธอเต็มที่กับมันจริงๆ นั้นคืออะไร

 

“แฟนคลับค่ะ”

 

รวดเร็ว สั้นๆ ง่ายๆ ไม่มีลังเล “พวกเขามักจะพูดว่าหนิงเป็นอะไรก็ได้ พวกเขาก็ยังตามอยู่ดี แต่หากเราไปเป็นอย่างอื่นเราอาจจะได้เจอพวกเขาน้อยลงรึเปล่า เราเองก็ไม่อยากให้ใครสักคนหายไป… เลยอยากกลับมาค่ะ”

 

สิ่งที่อยากฝากถึงแฟนคลับ 

 

“อยากขอบคุณแฟนคลับทุกคนค่ะที่คอยสนับสนุนแล้วก็เป็นแรงกำลังใจดีๆ ให้หนิง คือการที่หนิงกลับมาอยู่ตรงนี้ก็เพราะแฟนคลับทุกๆ คน อยากเจอ อยากคุย อยากให้ความสุขกับทุกๆ คน ก็ขอบคุณมากๆ ค่ะ”

 

Ningning

 

หลังการสัมภาษณ์จบลงเราไม่ได้ติดใจอะไรหนิงหนิงในประเด็นความสนในด้านอื่นของเธออีกต่อไป เพราะมันก็ชัดเจนไม่เป็นนัยถึงความต้องการอุทิศตัวเองบนเส้นทางไอดอลอย่างเต็มขั้น เพราะนอกจากเธอจะมีความสุขที่ได้ทำมัน สิ่งสำคัญก็คือเธอยังจะได้พบเจอกับแฟนคลับในฟอร์แมตที่คุ้นเคยและสบายใจที่สุดนั่นเอง 

 

ไอดอลและแฟนคลับ… ยังคงเป็นพลังรักที่น่าหลงไหลจริงๆ

 


 

End Credit: เคยเจอแฟนคลับแปลกๆ ไหม

“ไม่นะคะ หนิงไม่ค่อยมีแฟนคลับแปลกๆ คือถ้าจะมีก็จะเป็นแบบ เราสงสัยว่าเขาสนับสนุนเรามากเลย แต่ไม่เคยมาเจอหน้ากันสักที กับแบบคอยให้ของตลอดแต่ไม่บอกว่าเขาคือใคร มันก็เลยเป็นความอยากรู้เองของเรามากกว่าว่าคนนี้คือใคร ก็ถือว่าแปลกมั้งคะ แต่ก็น่ารักดี”

 

แล้วอยากบอกอะไรกลุ่มคนเหล่านี้ไหม?

 

“ก็อยากให้มาเจอค่ะ อยากรู้จักกับทุกคน”

 

Ningning

 

เลือกมาสักอย่าง 10 ข้อ by ซาโตชิ

 

  • แมวกับหมา เลือก แมวค่ะ ชอบแมวที่สุด ชอบความนุ่มนิ่ม ความย้วย ดูมีเสน่ห์
  • ทะเลกับภูเขา เลือก ภูเขา ขอบความร่มเย็นเป็นธรรมชาติเขียวๆ มากกว่า
  • ของคาวกับของหวาน เลือก ของคาวค่ะ หนิงกินหวานไม่ค่อยได้
  • ร้องกับเต้น เลือก เต้นค่ะ เต้นมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งมาได้ร้องเพลงตอนอยู่เข้ามาเป็นไอดอล
  • แว่นกับคอนแทคเลนส์ เลือก คอนแทคเลนส์ค่ะ ตอนนี้ก็ใส่อยู่ เพราะหนิงสายตาสั้น 700 กว่าๆ แว่นใส่นานๆ แล้วเจ็บหู
  • คาเฟ่อาหารกับคาเฟ่สัตว์เลี้ยง เลือก คาเฟ่อาหารค่ะ แมวค่อยกลับไปเล่นที่บ้านก็ได้
  • เวลาว่างดูหนังกับเล่นเกม เลือก ดูหนังค่ะ หนังดูได้เรื่อยๆ เปลี่ยนแนวได้ เกมมันเหมือนต้องใช้เวลานานกว่า
  • ช็อปปิ้งเสื้อผ้ากับรองเท้า เลือก เสื้อผ้าค่ะ เพราะเสื้อผ้าใส่ได้ไม่กี่ครั้งก็ต้องเปลี่ยน
  • ชุดน่ารักกับชุดเผ็ดๆ เลือก ชุดเผ็ดๆ ค่ะ แต่ไม่ต้องมากนะคะ น่ารักๆ แต่ออกมาทางแซ่บๆ นิดหนึ่ง
  • ช็อปออนไลน์ที่บ้านกับออกไปซื้อที่ร้าน เลือก ไปที่ร้านค่ะ อยากเลือกซื้อจากของจริงๆ มากกว่า

 

ติดตามหนิงหนิงได้ที่: Ningning DAISY DAISY
ติดตามวง DAISY DAISY ได้ที่: DAISY DAISY
ผู้ให้สัมภาษณ์: มาริกา แพร่เกียรติเจริญ (หนิงหนิง)
ผู้สัมภาษณ์: กิตตินันท์ มากปาน (ท่านหลอด) , ดลธรรม วาสนานันท์ (ซาโตชิ)
เรียบเรียงบทสัมภาษณ์: กิตตินันท์ มากปาน (ท่านหลอด)
ภาพนิ่ง,วิดิโอ: กิตตินันท์ มากปาน (ท่านหลอด), ดลธรรม วาสนานันท์ (ซาโตชิ), ปุณณเมธ ศรีวีระ (พี่บิล)
รับชานมไข่มุกจาก Grab: ชรัส ตั้งสกุลวิโรจน์ (ติ๊ดตี้ Mugen)

 


 

ขอขอบคุณ Ningning DAISY DAISY และวง DAISY DAISY ที่สละเวลามาให้ทางเราสัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วยครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้