ย้อนรอยการแตกไลน์เครื่องเกมพกพารุ่นต่าง ๆ ของ Nintendo
หลายวันมานี้ ใครเป็นแฟนคลับของปู่นิน (Nintendo) อาจจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเตรียมตัวออกเครื่องโมเดลใหม่ของ Nintendo Switch ที่ลือกันว่าอาจจะเป็น “Nintendo Switch Pro” ซึ่งถ้าไล่ย้อนไปตั้งแต่ Nintendo Switch วางจำหน่ายครั้งแรกในช่วงต้นปี 2017 จนถึง ณ ปัจจุบัน หากเครื่องรุ่นใหม่ของ Nintendo Switch ออกมาจริงตามข่าว ก็เท่ากับว่าเครื่องรุ่นใหม่จะเป็นโมเดลที่ 4 ของสายการผลิต Nintendo Switch ไปโดยปริยาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวก็หาใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการเกม และโดยเฉพาะกับ Nintendo เองด้วยครับ เพราะก่อนหน้านี้ทาง Nintendo เองก็เคยดำเนินโมเดลธุรกิจสไตล์นี้ตั้งแต่ยุค Game Boy มาก่อนแล้ว ซึ่งมีการแตกไลน์โมเดลเครื่องออกมาหลายรุ่นภายในเจเนอเรชั่นเดียวอยู่บ่อยครั้ง และในโอกาสนี้เราจึงขอพาเพื่อน ๆ ย้อนรอยไปกับหน้าตาของเครื่องเกมพกพารุ่นต่าง ๆ ของ Nintendo ให้ได้ชมกันสักหน่อยครับ
สายการผลิตตระกูล Game Boy
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 เมษายน 1989
- ยุติสายการผลิตวันที่ 23 มีนาคม 2003
- ใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA จำนวน 4 ก้อน มีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 35 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่องตอนไม่ใส่ถ่าน 220 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 9 ซม. / สูง 14.8 ซม. / หนา 3.2 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีการล็อคโซน สามารถใส่ตลับเกมของทุกโซนเล่นได้หมด
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอเป็นพื้นหลังสีเขียวมะกอก แสดงผลเป็นภาพขาวดำ ขนาดของจอ 2.56 นิ้ว
- ถูกจัดอยู่ในหมวดเครื่องเกมประจำเจเนอเรชั่นที่ 4 แต่ทาง Nintendo เลือกที่จะนับยอดขายรวมกับ Game Boy Color ที่เป็นเครื่องประจำเจเนอเรชั่นที่ 5 ด้วย ซึ่ง Game Boy, Game Boy Pocket, Game Boy Light และ Game Boy Color สามารถทำยอดขายรวมกันทั่วโลกไปได้ที่ 118.69 ล้านเครื่อง (นับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2013)
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 กรกฎาคม 1996
- ใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AAA จำนวน 2 ก้อน มีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 8-10 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่องตอนไม่ใส่ถ่าน 125 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 7.76 ซม. / สูง 12.76 ซม. / หนา 2.53 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอเป็นพื้นหลังสีขาว แสดงผลเป็นภาพขาวดำ ขนาดของจอ 2.56 นิ้ว
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 14 เมษายน 1998 (มีขายเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น)
- มีไฟแบ็คไลท์พร้อมกับสวิตช์เปิด-ปิด ทำให้สามารถนำรุ่นนี้ไปเล่นในที่มืดได้โดยไม่ต้องติดตั้งอุปกรณ์เสริม
- ใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA จำนวน 2 ก้อน มีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 12 ชั่วโมง (กรณีเปิดไฟแบ็คไลท์เล่น) หรือได้ถึง 20 ชั่วโมง (กรณีไม่เปิดไฟแบ็คไลท์)
- น้ำหนักเครื่องตอนใส่ถ่านแล้ว 190 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 8 ซม. / สูง 13.5 ซม. / หนา 2.9 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอเป็นพื้นหลังสีขาว แสดงผลเป็นภาพขาวดำ ขนาดของจอ 2.56 นิ้ว
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 ตุลาคม 1998
- ยุติสายการผลิตวันที่ 23 มีนาคม 2003
- ใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA จำนวน 2 ก้อน มีระยะเวลาการใช้งานมากกว่า 30 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่องตอนไม่ใส่ถ่าน 138 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 7.5 ซม. / สูง 13.3 ซม. / หนา 2.7 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอแสดงผลเป็นภาพสีได้ถึง 32,768 เฉดสี และมีขนาดของจอ 2.34 นิ้ว
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 มีนาคม 2001
- เริ่มยุติสายการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2006
- ใช้ถ่านอัลคาไลน์ขนาด AA จำนวน 2 ก้อน มีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 15 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่องตอนไม่ใส่ถ่าน 140 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 14.4 ซม. / สูง 8.2 ซม. / หนา 2.45 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอแสดงผลเป็นภาพสีในโหมดตัวอักษรได้ 511 เฉดสี ในขณะที่โหมดบิตแมปจะได้ 32,768 เฉดสี และมีขนาดของจอ 2.9 นิ้ว
- ถูกจัดอยู่ในหมวดเครื่องเกมประจำเจเนอเรชั่นที่ 6 โดยมี Game Boy Advance, Game Boy Advance SP และ Game Boy Micro อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 โมเดลสามารถทำยอดขายรวมกันทั่วโลกไปได้ที่ 81.51 ล้านเครื่อง (นับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2013)
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2003
- ยุติสายการผลิตวันที่ 31 มกราคม 2008
- มีไฟฟรอนต์ไลท์และไฟแบ็คไลท์พร้อมกับสวิตช์เปิด-ปิด ทำให้สามารถนำรุ่นนี้ไปเล่นในที่มืดได้
- ยกเลิกการใช้ถ่านอัลคาไลน์ มาเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 700 mAh แทน ซึ่งสามารถชาร์จได้ และมีระยะเวลาการใช้งาน 10 ชั่วโมงหากเปิดไฟฟรอนต์ไลท์ หรือได้ถึง 18 ชั่วโมงหากไม่เปิดไฟฟรอนต์ไลท์เลย
- น้ำหนักเครื่อง 142 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 8.4 ซม. / สูง 8.2 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.4 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังให้ ซึ่งจะต้องใช้หูฟังที่ออกแบบมาเพื่อ Game Boy Advance SP หรือถ้าจะใช้หูฟังชนิดอื่นก็ต้องหาอแดปเตอร์มาพ่วง
- หน้าจอแสดงผลเป็นภาพสีในโหมดตัวอักษรได้ 511 เฉดสี ในขณะที่โหมดบิตแมปจะได้ 32,768 เฉดสี และมีขนาดของจอ 2.9 นิ้ว
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 13 กันยายน 2005
- ยุติสายการผลิตภายในปี 2008
- มีไฟแบ็คไลท์ที่ปรับความสว่างได้ถึง 5 ระดับ ทำให้สามารถนำรุ่นนี้ไปเล่นในที่มืดได้
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 460 mAh สามารถชาร์จได้ และมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 10 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่อง 80 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 10.1 ซม. / สูง 5 ซม. / หนา 1.72 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- ลำโพงเครื่องจะเป็นแบบโมโน แต่มีช่องเสียบหูฟังแบบสเตอริโอได้
- หน้าจอแสดงผลเป็นภาพสีในโหมดตัวอักษรได้ 511 เฉดสี ในขณะที่โหมดบิตแมปจะได้ 32,768 เฉดสี และมีขนาดของจอ 2 นิ้ว
- คำว่า DS ย่อมาจาก Dual Screen หมายถึงตัวเครื่องที่มี 2 หน้าจอ โดยจอล่างจะเป็นทัชสกรีน และมีปากกา Stylus แถมมาพร้อมกับเครื่องด้วยเพื่อใช้กับจอทัชสกรีน
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 พฤศจิกายน 2004
- ยุติสายการผลิตภายในปี 2013
- ถูกจัดอยู่ในหมวดเครื่องเกมประจำเจเนอเรชั่นที่ 7 โดยมี Nintendo DS, DS Lite, DSi และ DSi XL อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 4 โมเดลสามารถทำยอดขายรวมกันทั่วโลกไปได้ที่ 154.02 ล้านเครื่อง (นับถึงวันที่ 30 กันยายน 2018)
- มีไฟแบ็คไลท์พร้อมสวิตช์เปิด-ปิด ทำให้สามารถนำไปเล่นในที่มืดได้
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 850 mAh สามารถชาร์จได้ และมีระยะเวลาการใช้งานประมาณ 6-10 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่อง 275 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 14.87 ซม. / สูง 8.47 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.89 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- รองรับระบบ Backward Compatibility โดยมีช่องใส่ตลับเกมของ Game Boy Advance ด้วย
- จอสีทั้งบน-ล่าง แสดงได้ 262,144 เฉดสี และมีขนาดของจอ 3 นิ้ว
- สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 2 มีนาคม 2006
- ตัดระบบไฟแบ็คไลท์ออกไป แล้วใช้เป็นการปรับความสว่างของจอภาพแทน โดยปรับได้ 4 ระดับ
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,000 mAh สามารถชาร์จได้ และมีระยะเวลาการใช้งานสูงสุดที่ประมาณ 15-19 ชั่วโมง
- น้ำหนักเครื่อง 218 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 13.3 ซม. / สูง 7.39 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.15 ซม.
- ตัวเครื่องไม่มีล็อคโซน
- รองรับระบบ Backward Compatibility โดยมีช่องใส่ตลับเกมของ Game Boy Advance ด้วย
- จอสีทั้งบน-ล่าง แสดงได้ 262,144 เฉดสี และมีขนาดของจอ 3.12 นิ้ว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 1 พฤศจิกายน 2008 / รุ่น XL วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 21 พฤศจิกายน 2009
- ปรับความสว่างของจอภาพได้ 5 ระดับ
- เพิ่มกล้องหน้าเข้ามา ความละเอียด 3 แสนพิกเซล
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 840 mAh / รุ่น XL ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,050 mAh
- น้ำหนักเครื่อง 214 กรัม / รุ่น XL มีน้ำหนัก 314 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 13.7 ซม. / สูง 7.49 ซม. (1 ด้าน) / หนา 1.89 ซม. ส่วนขนาดของเครื่องรุ่น XL กว้าง 16.1 ซม. / สูง 9.14 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.12 ซม.
- ตัวเครื่องมีการล็อคโซน ซื้อเครื่องโซนไหนมาต้องเล่นกับตลับโซนเดียวกันเท่านั้น
- ตัดช่องใส่ตลับ Game Boy Advance ออกไป
- จอสีทั้งบน-ล่าง แสดงได้ 262,144 เฉดสี และมีขนาดของจอ 3.25 นิ้ว / รุ่น XL มีขนาดจอ 4.2 นิ้ว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
สายการผลิตตระกูล 3DS
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2011 / รุ่น XL วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 28 กรกฎาคม 2012
- ถูกจัดอยู่ในหมวดเครื่องเกมประจำเจเนอเรชั่นที่ 8 โดยมี Nintendo 3DS, 3DS XL, 2DS, New 3DS, New 3DS XL และ New 2DS XL อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 6 โมเดลสามารถทำยอดขายรวมกันทั่วโลกไปได้ที่ 75.45 ล้านเครื่อง (นับถึงวันที่ 30 กันยายน 2019) โดยรุ่นที่ปัจจุบันยังคงมีการผลิตอยู่คือ Nintendo 2DS และ New Nintendo 2DS XL
- กล้องหน้า ความละเอียด 3 แสนพิกเซล
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,300 mAh / รุ่น XL ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,750 mAh
- น้ำหนักเครื่อง 235 กรัม / รุ่น XL มีน้ำหนัก 336 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 13.4 ซม. / สูง 7.4 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.2 ซม. ส่วนขนาดของเครื่องรุ่น XL กว้าง 15.6 ซม. / สูง 9.3 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.2 ซม.
- ตัวเครื่องล็อคโซน
- จอแสดงผลได้ 16.77 ล้านเฉดสี รองรับภาพแบบ 3 มิติ และมีขนาดของจอ 3.53 นิ้ว / รุ่น XL มีขนาดจอ 4.88 นิ้ว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 12 ตุลาคม 2013 / รุ่น XL วางขายครั้งแรกวันที่ 15 มิถุนายน 2017
- เครื่องเป็นแบบตอนเดียว ไม่ใช่ฝาพับแบบโมเดลอื่น ๆ ที่อยู่ในเจเนอเรชั่นเดียวกัน / รุ่น XL เป็นแบบฝาพับ
- กล้องหน้า ความละเอียด 3 แสนพิกเซล
- รุ่น XL มีการเพิ่ม CPU และ Ram ให้เท่ากับ New Nintendo 3DS
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,300 mAh / รุ่น XL ความจุ 1,400 mAh
- น้ำหนักเครื่อง 260 กรัมทั้ง 2 รุ่น
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 14.4 ซม. / สูง 12.7 ซม. / หนา 2.03 ซม. ส่วนรุ่น XL กว้าง 15.93 ซม. / สูง 8.63 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.08 ซม.
- ตัวเครื่องล็อคโซน
- จอแสดงผลได้ 16.77 ล้านเฉดสี แต่ตัดคุณสมบัติการรองรับภาพแบบ 3 มิติออกไป และมีขนาดของจอ 3.52 นิ้ว / รุ่น XL มีขนาดจอ 4.88 นิ้ว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
- วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 25 ตุลาคม 2014 / รุ่น XL วางจำหน่ายครั้งแรกวันที่ 11 ตุลาคม 2014
- มีระบบปรับแสงอัตโนมัติ
- กล้องหน้า ความละเอียด 3 แสนพิกเซล
- มีการอัพเกรด CPU ให้เหนือกว่ารุ่นปกติจาก Dual-core 268 MHz เป็น Quad-core 804 MHz
- เพิ่ม Ram ให้มากกว่าจากรุ่นปกติจาก 128 MB เป็น 256 MB
- ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,400 mAh / รุ่น XL ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมความจุ 1,750 mAh
- น้ำหนักเครื่อง 253 กรัม / รุ่น XL มีน้ำหนัก 329 กรัม
- ขนาดของเครื่อง กว้าง 14.2 ซม. / สูง 8.06 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.16 ซม. ส่วนขนาดของเครื่องรุ่น XL กว้าง 16 ซม. / สูง 9.35 ซม. (1 ด้าน) / หนา 2.15 ซม.
- ตัวเครื่องล็อคโซน
- จอแสดงผลได้ 16.77 ล้านเฉดสี รองรับภาพแบบ 3 มิติ และมีขนาดของจอ 3.88 นิ้ว / รุ่น XL มีขนาดจอ 4.88 นิ้ว
- เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้
ติดตามข่าวสารของ Nintendo ได้ที่
Facebook – https://www.facebook.com/Nintendo/
Twitter – https://twitter.com/NintendoAmerica
YouTube – https://www.youtube.com/user/Nintendo
