รีวิว Death Stranding: การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

รีวิว Death Stranding: การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

รีวิว Death Stranding: การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

แพลตฟอร์ม: PS4
แนวเกม: Action
ผู้พัฒนา: Kojima Productions
ผู้จัดจำหน่าย: Sony Interactive Entertainment

     สามปีนับตั้งแต่ที่เราได้เห็น Hideo Kojima ขึ้นเวทีของ Sony Interactive Entertainment ในงาน E3 2016 เพื่อเปิดตัว Death Stranding เกมแรกหลังจากที่ก่อตั้งบริษัท Kojima Productions ขึ้นมาใหม่ในฐานะสตูดิโอพัฒนาเกมอิสระได้ไม่นาน เราจะได้ยินเขาพูดอยู่เสมอว่ามันเป็นเกมรูปแบบใหม่ที่ยากจะหาคำมาจำกัดความ ซึ่งหลังจากที่ได้สัมผัสกับตัวเกมมาตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เราสามารถยืนยันได้เลยว่าคำพูดดังกล่าวไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณาชวนเชื่อแม้แต่น้อย Death Stranding นับว่าเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับเกมเมอร์จริงๆ

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

      เรื่องราวของเกมเริ่มขึ้นเมื่อมีเหตุระเบิดครั้งใหญ่อันหาสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นกระจายไปทั่วทุกมุมโลก ซึ่งนำพาให้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติตามมาก็คือการพบเห็น ร่างวิญญาณที่เรียกกันว่า BT ที่เป็นอันตรายถึงขึ้นอาจส่งผลให้มนุษยชาติต้องสูญพันธุ์ไปจากโลกล่องลอยอยู่ในหลายพื้นที่ การคมนาคมและที่พักอาศัยที่เราคุ้นเคยไม่ใช่สิ่งที่ปลอดภัยอีกต่อไป ในฐานะของ Sam Porter Bridges ผู้เล่นจึงมีหน้าที่ในการเดินทางเพื่อช่วยเหลือและรวบรวมมนุษยชาติให้เป็นหนึ่งอีกครั้งภายใต้ประเทศใหม่ในชื่อ United Cities of America หรือ UCA

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

      หากมองแค่ผิวเผิน บางคนอาจเห็น Death Stranding เป็นแค่เกมเดินส่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ในความเป็นจริงแล้วตัวเกมยังมีความลึกที่มากกว่าแค่ตาเห็นอยู่อีกมาก ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางของเกมไม่ใช่แค่การกดปุ่มทิศทางให้ตัวละครเคลื่อนที่จากจุด A ไปยังจุด B บนแผนที่อันกว้างใหญ่ เพราะ ระหว่างทางเราจะได้พบกับสภาพภูมิประเทศที่ส่งผลต่อการเดินทางอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความชันของพื้นที่และระดับความลึกของน้ำในลำธารที่ทำให้เราต้องกดปุ่ม L2 หรือ R2 เพื่อรักษาสมดุลในการเคลื่อนที่ไม่ให้เสียหลักจนสัมภาระได้รับความเสียหาย บางพื้นที่อาจไม่เหมาะกับการใช้ยานพาหนะ หรือ ถ้าไม่อยากจะปะทะกับศัตรูซึ่งๆ หน้า ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ที่หวังจะแย่งของหรือร่างวิญญาณอย่าง BT ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต เราก็ต้องพยายามศึกษาเส้นทางเพื่อหลบหรือหลีกเลี่ยงให้ดี เป็นต้น จะกล่าวว่า การเดินทางในเกมนี้ก็เหมือนกับการแก้ปริศนาไปในตัวก็ว่าได้

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

     เนื่องด้วยตัวเกมรองรับระบบ Shared World ที่ให้ผู้เล่นได้มีปฏิสัมพันธ์กันผ่านระบบออนไลน์ได้ในรูปแบบที่คล้าย ๆ กับเกมซีรีส์ Dark Souls และ Bloodbourne แต่มีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีกขั้น ทำให้นอกจากจะปักป้ายเตือนอันตรายหรือป้ายให้กำลังใจผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่ผ่านมาในทางเดียวกันได้แล้ว เรายังสามารถวางเครื่องมือที่ช่วยให้เดินทางได้สะดวกขึ้นอย่างบันไดหรือเชือกทิ้งไว้ให้ผู้เล่นคนอื่นมาใช้ได้ด้วย และหากป้ายหรือเครื่องมือของเรามีประโยชน์ต่อผู้เล่นคนอื่น พวกเขาก็จะสามารถกด Like ให้กับสิ่งที่เราทิ้งไว้ให้ได้อีกต่างหาก แม้ว่าจำนวน Like จะไม่มีผลต่อสถานะของ Sam แต่มันก็จะเป็นตัวบ่งบอกถึงความน่าเชื่อได้ดีเช่นกัน

     นอกจากป้ายและเครื่องมือที่ได้กล่าวไปในข้างต้นแล้ว สิ่งก่อสร้างอย่างเช่นสะพานหรือถนนก็เป็นส่วนหนึ่งของ Shared World ด้วย เมื่อวางโครงสร้างไปแล้ว เราและผู้เล่นคนอื่นจะสามารถช่วยกันหาวัตถุดิบมาเติมเพื่อที่จะให้โครงสร้างนั้น ๆ กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้ นับว่าเป็นแรงจูงใจให้ผู้เล่นอยากช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ดีมากๆ

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

     การส่งเสริมให้ผู้เล่นอยากที่จะร่วมมือกันผ่านระบบออนไลน์ไม่ได้มีเพียงแค่นั้น หากแต่ยังรวมไปถึงการช่วยกันส่งพัสดุต่อกันเป็นทอดๆ ด้วย อย่างเช่นถ้าเราเก็บพัสดุที่ตกหล่นได้ระหว่างทาง แต่ไม่อยากเดินไปส่งให้ถึงที่หมายไม่ว่าจะด้วยระยะทางหรืออุปสรรคก็แล้วแต่ เราก็สามารถสร้างตู้ฝากพัสดุไว้กลางทางเพื่อให้ผู้เล่นคนอื่นที่เดินผ่านมาไปส่งให้แทนก็ได้ โดยการส่งเสริมให้ร่วมมือกันที่ว่าก็คือ ยิ่งพัสดุชิ้นนั้นถูกส่งต่อกันเป็นทอดๆ จากผู้เล่นคนหนึ่งไปยังผู้เล่นอีกคนหนึ่งมากเท่าไหร่ จำนวน Like ที่ผู้เล่นทุกคนที่มีส่วนร่วมในการส่งพัสดุชิ้นนั้นๆ ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

     แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่มีทางต่อกรกับศัตรูในรูปแบบต่างๆ ได้เลย เพราะตัวเกมจะค่อยๆ แนะนำกลไกในการต่อสู้มาทีละอย่างสองอย่างให้ได้ทดลองและเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกับช่วงเวลา ทำให้การเรียนรู้กลไกเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ ซึ่งมันก็จะสอดคล้องกับเนื้อเรื่องได้อย่างสมเหตุสมผลเพราะมนุษย์ก็ยังไม่เข้าใจในความเป็นไปของศัตรูในยร่างวิญญาณอย่าง BT พวกนี้เหมือนกัน การที่จะให้ผู้เล่นได้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับ Sam ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดธรรมชาติแต่อย่างใด

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

     ในเกมยังมีอุปสรรคเฉพาะตัวอีกอย่างก็คือTimefall Rain และ Timefall Snow ซึ่งก็คือฝนและหิมะที่จะกรัดกร่อนให้กล่องพัสดุและกล่องเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ของเราให้เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ จนใช้การไม่ได้ด้วย ซึ่งกลไกนี้นอกจากจะทำให้เราต้องคิดอย่างรอบคอบเรื่องการเดินทางแล้ว มันยังเป็นแรงผลักดันให้เราใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ตลอดเวลาด้วย เพราะถ้ายิ่งใช้ก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับตัวเราและผู้เล่นคนอื่นๆ ไม่ใช่แค่พกไว้ให้อุ่นใจแล้วปล่อยให้มันถูกกรัดกร่อนไปจนใช้การไม่ได้อย่างน่าเสียดายทั้งโอกาสที่จะได้ช่วยเหลือกันและกันและวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้าง

     ใบสั่งในการส่งพัสดุของเกมนี้ก็เปรียบเสมือนกับภารกิจที่มีให้เลือกรับทั้งภารกิจหลักที่จะทำให้เนื้อเรื่องเดินต่อไปข้างหน้า และ ภารกิจย่อยที่ยิ่งทำบ่อย ๆ ก็ยิ่งเพิ่มค่าความสัมพันธ์ให้กับ NPC ผู้รับของตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งประโยชน์ของภารกิจย่อยเหล่านี้ก็คือ ยิ่งเรามีค่าความสัมพันธ์กับ NPC นั้นๆ ผ่านมากส่งพัสดุมากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งมีโอกาสที่มอบสิ่งของพวกถึงแบบแปลนในการสร้างอุปกรณ์ระดับสูงที่จะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นมากเท่านั้น แต่ตัวเกมก็ควบคุมภารกิจย่อยเหล่านี้ได้ดี เพราะถึงแม้เราจะไม่กระหน่ำทำมันเพื่อหวังได้อุปกรณ์ที่ดีขึ้น อุปกรณ์พื้นฐานที่เราได้จากการทำภารกิจหลักไปเรื่อยๆ ก็เพียงพอต่อการที่จะเล่นเกมนี้จนจบได้เหมือนกัน

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

     ด้วยการนำเอาเอนจิ้น Decima ที่ทีมงาน Guerrilla Games ใช้ในการสร้าง Horizon Zero Dawn มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับเกมของตัวเอง ทำให้ Death Stranding ของ Kojima Productions เป็นเกมที่มีภาพลักษณ์ด้านกราฟิกสวยงามเป็นลำดับต้นๆ ของเกมในยุคนี้แม้จะรันบนเครื่อง PS4 รุ่นธรรมดา แต่ถ้าใครจะเล่นบน PS4 Pro ความสวยงามที่ว่านั้นก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นด้วยภาพที่รองรับความละเอียดระดับ 4K ตลอดจนเฟรมเรตที่มากขึ้นและเสถียรยิ่งกว่า

     นอกจากประสิทธิภาพด้านกราฟิกที่มีอยู่เป็นทุนเดิมของเอนจินแล้ว Kojima Productions ยังใช้นักแสดงมืออาชีพมาสแกนใบหน้าแบบสามมิติเพื่อรับบทเป็นตัวละครในเกมด้วย ไม่ว่าจะเป็น Norman Reedus (The Walking Dead) ในบท Sam,  Mads Mikkelsen (Casino Royale, Hannibal) ในบท Cliff, Lea Seydoux (The Grand Budapest Hotel, Spectre) ในบท Fragile, และคนอื่นๆ อีกมากมาย ทำให้การแสดงสีหน้าของตัวละครในเกมมีความสมจริงเป็นอย่างมาก ทำให้ตัวเกมมีการสื่อสารทางด้านอารมณ์กับคนเล่นหรือผู้ชมได้เทียบเคียงกับภาพยนตร์เข้าไปอีกขั้น

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

       หลายเกมก่อนหน้านี้ของ Kojima Productions มักถูกพูดถึงว่ามีคัตซีนเนื้อเรื่องที่ยาวผิดกับเกมอื่นๆ แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่า Death Stranding ก็มีคัตซีนเนื้อเรื่องอยู่ไม่น้อย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าทีมงานจะมีพัฒนาการในด้านการแบ่งสันปันส่วนระหว่างเนื้อเรื่องและเกมเพลย์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม เราจะได้บังคับ Sam เดินทางเพื่อส่งพัสดุต่างๆ มากกว่าคัตซีนในช่วงแรกที่กำลังแนะนำให้เรารู้จักกับความเป็นไปและเหตุผลของโลกนี้ทีละเล็กทีละน้อย

       ก่อนที่ทั้งสององค์ประกอบหลักนี้จะค่อยๆ ถูกเกลี่ยให้พอๆ กันในช่วงกลางเกม ก่อนที่คัตซีนจะสลับมาเป็นฝ่ายมากกว่าในช่วงท้ายของเกมที่เนื้อเรื่องกำลังคลายปมหลังจากที่ค่อยๆ ทำความสนิทสนมให้เราได้ผูกพันธ์กับเนื้อเรื่องและตัวละครกันมาทีละนิดในตอนแรก ประเด็นคือมันไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้วว่าเกมเพลย์จะมากกว่าหรือคัตซีนจะยาวกว่า แต่ที่สำคัญก็คือทีมงานสามารถ นำเสนอทั้งสององค์ประกอบที่เราเคยชอบจบมาแยกกันให้เข้ากันได้อย่างกลมกล่อมขนาดนี้ อีกทั้งคัตซีนเหล่านั้นยังดูเหมือนผ่านกระบวนการสร้างสรรค์ที่มีคุณภาพสูงด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแสงสีหรือมุมกล้อง ตลอดจนการสื่อสารเชิงสัญญะทั้งที่ชัดเจนและแยบยล นับว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุดจุดหนึ่งของเกมนี้เลย

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

      อีกสิ่งที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันก็คือเสียงและดนตรีประกอบ บรรดาเสียงจากเครื่องจักรหรือเทคโนโลยีรูปแบบต่าง ๆ ที่มีทั้งความหนักแน่นของโลหะที่ผสมกับเสียงประกอบแนวไซไฟได้อย่างลงตัว ในขณะเดียวกัน ดนตรีประกอบของเกมนี้ก็ช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับการเล่นได้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะดนตรีช่วงที่เรากำลังลอบเร้นผ่านดง BT หรือกำลังหนีจากการตามล่า ดนตรีประกอบก็ให้ทั้งความรู้สึกที่ทั้งตื่นเต้น ลึกลับ และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงเพลงประกอบจากศิลปินต่าง ๆ ที่ถูกเลือกมาประกอบเกมนี้โดยเฉพาะเพลงจาก Low Roar และ Silent Poets ที่แต่ละเพลงและแต่ละจังหวะที่ดังขึ้นมาระหว่างการเดินทางนั้นมันช่างเหมาะเจาะราวกับเป็นของที่ถูกกำหนดมาให้คู่กันยังไงยังงั้น

     แต่ถ้าจะบอกว่าเกมนี้ไม่มีข้อด้อยเลยก็คงพูดได้ไม่เต็มปากเช่นกัน เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้สมดุลของทั้งเกมพังครืนลงมาแต่อย่างใด นั่นก็คือการจัดการอินเตอร์เฟซในบางจุดยังไม่สะดวกเท่าที่ควร อย่างเช่นเราจะไม่สามารถจัดหมวดหมูเพื่อเลือกหยิบของที่ผู้เล่นคนอื่นๆ ยัดเข้ามาในกล่องรับฝากพัสดุได้ ถ้าเกิดเราอยากเลือกรับเฉพาะพัสดุที่ต้องไปส่งยังจุด C เท่านั้น เราก็ต้องกดเลื่อนอ่านพัสดุทีละชิ้นว่าชิ้นไหนตรงกับเงื่อนไขที่เราต้องการบ้าง

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

ข้อดี

  • ความสมดุลระหว่างเกมเพลย์และคัตซีนเนื้อเรื่อง
  • การแสดงสีหน้าและท่าทางของตัวละครที่สมจริง
  • เสียงและดนตรีประกอบช่วยเพิ่มอรรถรสให้กับเกมได้เป็นอย่างดี

ข้อด้อย

  • อินเตอร์เฟซบางจุดใช้งานได้ไม่สะดวกเท่าที่ควร

สรุป

       Death Stranding เป็นเกมที่นำเสนอความแปลกใหม่ของตัวเองได้อย่างมีชั้นเชิงและมีประสิทธิภาพมาก อีกทั้งคุณภาพโดยรวมในแต่ละด้านของมันยังแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันเอาใจใส่ของทีมงานในความต้องการที่จะถ่ายทอดผลงานออกมาในรูปแบบของวิดีโอเกมอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ยัดเยียด และไม่ได้ป้อนทุกอย่างให้โดยที่ผู้เล่นไม่ต้องใช้ความพยายาม เรียกว่าเป็นเกมที่มีรักษาสมดุลระหว่างการเล่นและการเล่าได้อย่างดีมากๆ เกมหนึ่งของยุคนี้เลยทีเดียว

คะแนน 10/10

รีวิวโดย: อาร์ม @Pirawits

รีวิว Death Stranding: การถ่ายทอดที่เหนือชั้น

True Super Fiber Gamer Pro Pack

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้