Review : สุดยอดเกม FPS ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2009 Modern Warfare 2 !!

ประเภท: First Person Shooter

ผู้พัฒนา: Infinity Ward

ผู้ผลิต: Activision

ผู้จัดจำหน่าย: NEW ERA

เครื่องที่ต้องการ: Intel Pentium 4 3.2GHz, 1 GB RAM, Nvidia GeForce 6600/ ATI Radeon X1600, HDD 16GB

เครื่องที่แนะนำ: Dual-Core Processor 2.4GHz, 2 GB RAM, Nvidia GeForce 9800GTX+/ATI Radeon HD4870

จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 18

Rating: M

    ในพ.ศ. 2550 ซีรี่ส์ Call of Duty ก็ฉีกแนวตัวเองให้วงการเกมต้องอึ้ง เพราะทีมพัฒนา ‘Infinity Ward’ ได้ยกระดับสงครามเลื่อนเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ด้วยชื่อภาค Modern Warfare ที่ส่งผู้เล่นเข้าสู่สมรภูมิมันส์ระห่ำกว่าเดิม ยุทโธปกรณ์ที่ไฮเทคยิ่งกว่า ภารกิจที่แปลกใหม่หลากหลายยิ่งขึ้น และยังแฝงกลิ่นอายอ่อนๆ ของภาพยนตร์ไว้อย่างกลมกลืน…

    2 ปีต่อมา ในพ.ศ. 2552 Infinity Ward ยังคงเลือกที่จะพาผู้เล่นเข้าสู่สงครามยุคปัจจุบันอีกครั้ง เพียงแต่การกลับมาครั้งนี้ของ Modern Warfare กลับทำให้ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป หลายสิ่งหลายอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับการมาถึงของ ‘มัน’ ไม่ว่าจะเป็นซีรี่ส์ Call of Duty หรือวงการเกม FPS นั่นก็เพราะ Infinity Ward สามารถทะลุขีดจำกัดของสื่อ ‘เกม’ ไปสู่ ‘ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่เล่นได้’ จนสำเร็จแล้ว…

    เพียงเกมเริ่มต้นขึ้นคุณก็จะรู้สึกได้เลยว่า Call of Duty ภาคนี้แตกต่างไปจากทุกภาคที่ผ่านมา ภาพเส้นสีเขียวที่แผ่ขยายออกไปทั่วโลก ฉากเหตุการณ์สำคัญในภาคก่อนที่ค่อยๆ ปรากฎขึ้นจากพื้นสีดำ เสียงดนตรีประกอบและเครดิตรายชื่อทีมงาน… ประโยคแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวผมทันทีคือ “นี่มันภาพยนตร์ชัดๆ!” และน่ายินดีเหลือเกินที่มันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดทั้งเกม! สำหรับแฟนซีรี่ส์ Call of Duty รุ่นเก๋าที่ถูกใจกับอารมณ์จำลองสงครามจากการสวมบททหารต๊อกต๋อยในสมรภูมิยักษ์ใหญ่ ผมต้องขอแสดงความเสียใจด้วยที่พวกคุณอาจต้องผิดหวัง เนื่องจากอารมณ์เดิมๆ เหล่านั้นเหลือไม่ถึง 1 ใน 3 ของโหมดเนื้อเรื่องทั้งหมด แต่ผมอยากให้คุณเปิดรับสิ่งใหม่ที่ Infinity Ward นำมาวัดดวงครั้งนี้ดู แล้วคุณจะรู้ว่าพวกเขาเลือกที่จะ ‘ก้าว’ สู่ขั้นต่อไปแล้ว

    ความประทับใจแรกพบในทันทีที่เปิดเล่นก็คือภาพกราฟิกในเกมนี้งดงามน่าประทับใจนัก เหมือนการนำเทคโนโลยีภาพใน Modern Warfare ภาคแรกมาผสมกับ World At War แถมยังปรับแต่งให้สวยขึ้นอีกระดับ ระบบเท็กเจอร์ถูกพัฒนาให้มีความคมชัดมากขึ้น ระบบแสงเงาก็เจิดจ้าบาดใจกว่าเดิม เอฟเฟ็กต์ต่างๆ ก็ใส่รายละเอียดมากขึ้น สังเกตได้จากประกายไฟหรือฝุ่นควันระเบิด รวมไปถึงระบบฟิสิกส์ที่ถูกปรับปรุงให้แสดงผลได้สมจริงและอลังการงานสร้างมากกว่าภาคที่แล้วหลายเท่า (ลองดูฉากที่บ้านโดนยิงระเบิดสิ) แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ Modern Warfare 2 ไม่กินสเป็คเครื่องเลยแม้แต่น้อย ผมสามารถเปิดความละเอียดภาพสูงๆ บนเครื่องบ้านที่ใช้การ์ดจอแค่ 9600 GT ได้อย่างสบายใจ เรียกได้ว่าเครื่องใครเล่น Modern Warfare ภาคแรกได้ เจอภาคนี้ก็หายห่วงครับ

    Modern warfare 2 ไม่ใช่เกมผจญภัยหรือเกมเดินแก้ปริศนา มันเป็นเกมแอ็คชั่น FPS ของแท้และดั้งเดิม มันอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นอันดุเดือดเลือดพล่าน ดุเดือดกว่าทุกภาคที่ผ่านมา และอาจจะดุเดือดกว่าเกม First Person Shooter ทุกเกมที่เคยมีมาด้วยซ้ำ ทุกจังหวะแอ็คชั่นเต็มไปด้วยความสนุกที่เกิดจากความท้าทายอันถาโถมเข้าใส่ผู้เล่นอย่างไม่ยั้ง คุณต้องใช้ประสาทสัมผัสและสมาธิจดจ่อกับเกมให้เต็มที่ที่สุดหากต้องการจะเอาชีวิตรอดจากภารกิจเลือดเดือดเหล่านี้ แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะไม่มีความแน่วแน่พอจะเพ่งกับมัน เพราะการเล่าเรื่อง ดนตรี และสถานการณ์หายนะที่เกิดขึ้นอย่างถูกที่ถูกเวลา จะดึงให้สายตาคุณจดจ่ออยู่กับหน้าจอชนิดไม่กระดิก และในภาคนี้ยามที่คุณโดนยิงยังให้ความรู้สึก ‘เจ็บ’ มากกว่าภาคแรก เพราะนอกจากหน้าจอจะสะบัดมันยังมีคราบเลือดกระเซ็นติดให้เห็นด้วย แม้เอฟเฟ็คนี้จะทั้งสวยงามทั้งโดนใจ แต่หากคุณโดนกระหน่ำมากๆ มันจะบดบังทัศวิสัยคุณจนแทบหาทางยิงโต้ไม่ได้เลย จุดนี้อาจเป็นความต้องการของทีมพัฒนาที่ไม่อยากให้ผู้เล่นเดินลุยแบบคนเหล็ก แต่ผมก็คิดว่ามันน่าหงุดหงิดอยู่ดี

    และหากโหมดเนื้อเรื่องของ Call of Duty คือพระเอก พระรองที่ช่วยให้ซีรี่ส์นี้โด่งดังยิ่งกว่าเดิมก็คงไม่พ้นระบบมัลติเพลเยอร์ (แต่หลายคนก็คิดว่ามันเป็นพระเอกที่แท้จริงนะ) ซึ่งใน Modern Warfare 2 ระบบหลายผู้เล่นของเกมก็ยังคงเล่นสนุกและติดงอมแงมไม่ต่างจากของเก่า รูปแบบการเล่นหลักๆ ยังคงคล้ายของเดิม มันไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องจากทีมพัฒนาใช้วิธีปรับของเก่าที่ดีอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นด้วยวิธีการอัดแน่นจุดเด่นของมันให้แน่นปึ้กขึ้นไปอีก นั่นหมายถึงอาวุธ, Perk, รางวัลสังหารต่อเนื่อง และลูกเล่นเกี่ยวกับการเพิ่มเลเวลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหึมา นี่ยังไม่นับรวมถึงของเล่นใหม่ๆ ตั้งแต่ป้อมปืนมินิกัน, Predator Drone และเครื่องบิน AC-130 ที่มีให้ใช้ได้หากคุณแน่จริง มันทำให้เวลาที่คุณต้องเสียไปกับการเล่น Modern Warfare 2 เพิ่มเป็นหลายสิบชั่วโมงในทันทีที่คุณลองเล่นมัลติเพลเยอร์ของมัน

    อีกหนึ่งโหมดที่เพิ่มมาในภาคนี้คือโหมด Spec-Op ที่ผมคิดว่า Infinity Ward คงทำออกมาเพื่อตอบรับกระแสการเล่นแบบช่วยกันสู้ที่กำลังมาแรง แต่แทนที่พวกเขาจะจับให้ผู้เล่นสองคนลุยไปด้วยกันในฉากแบบผู้เล่นเดี่ยว พวกเขากลับเลือกที่จะซอยมันเป็นด่านย่อยๆ จำนวนหลายด่าน ให้ความรู้สึกเหมือนการเล่นมินิเกม (แต่ไม่ได้เล่นง่ายนะ) เพราะแต่ละด่านมีรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉากเกือบทั้งหมดในโหมดนี้ก็คือการนำฉากในโหมดเล่นเดี่ยวมาหั่นนั่นเอง อย่างไรก็ตาม Infinity Ward ก็เลือกหยิบมาเฉพาะส่วนที่มีแอ็คชั่นอัดแน่นเต็มพิกัดและถึงแม้ฉากที่ใช้จะซ้ำแต่วิธีการผ่านแต่ละด่านจะไม่เหมือนเดิมแน่นอน บางด่านอาจมีรูปแบบการเล่นเรียบง่ายมากๆ คือฝ่าฝูงศัตรูให้ถึงจุดหมาย แต่อีกด่านคุณอาจเจอรูปแบบการเล่นสุดแหวกอย่างการซิ่งสโนว์โมบิลเก็บอาร์ซีให้ทันก่อนเวลาหมด นอกจากนี้ยังมีฉาก ‘เซอร์ไพรส์’ ทั้งจากภาคก่อนและฉากใหม่ที่มีให้เล่นเฉพาะในโหมด Spec – Op จุดที่ผมสะดุดกับโหมดนี้มีแค่เรื่องความยากของมันที่ค่อนข้างสูง แต่มันอาจเป็นข้อดีสำหรับผู้ต้องการฝึกความเฉียบคมของฝีมือได้เช่นกัน

    สรุปแล้ว ภาคต่อของเกมสงครามครั้งใหญ่นี้มีค่าควรเก็บแน่นอน แม้ความยาวของภารกิจเล่นเดี่ยวจะกินเวลาแค่ 5-6 ชั่วโมงแต่มันก็เป็นช่วงเวลาแห่งความสุดยอด สุดท้ายผมแค่อยากจะบอกว่า Modern Warfare 2 สามารถแทนที่เกมสุดรักในใจผมอย่าง Half-Life 2 จนได้ แล้วคุณล่ะ จะไม่ยอมเปิดโอกาสให้ Modern Warfare 2 ไปท้าชิงกับ FPS ในดวงใจคุณเลยเหรอ?

คะแนน 98.5%

 สภาพแวดล้อมในเกมออกแบบมาได้สวยงามมาก ฉากซากเครื่องบินตกใส่บ้านถือเป็นตัวอย่างที่ดี

เมื่อใดที่คุณโดนยิง เม็ดเลือดจะสาดกระเซ็นติดหน้าจอให้เห็น

 จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน…

 บางฉากคุณจะได้ปฏิบัติภารกิจสไตล์หน่วยรบพิเศษ

 “น้ำเย็นเป็นบ้าเลย นายว่าไหม” “สุดๆ ไปเลย”

    ติดตามอ่านบทความรีวิวฉบับสมบูรณ์ได้ในนิตยสาร Future Gamer ฉบับ 158 ประจำเดือนธันวาคม !!

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้