คุยกับ 3 นางเอก Love Love Mystery Club ขอเต็มที่เพื่อมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์เกมไทย

แชร์เรื่องนี้:
คุยกับ 3 นางเอก Love Love Mystery Club ขอเต็มที่เพื่อมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์เกมไทย

คราวก่อนเราลงคอนเทนต์สัมภาษณ์ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับจากเกม Love Love Mystery Club กันไปก่อนแล้วนะครับ มีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้ได้ลองอ่านกัน ซึ่งใครยังไม่เห็นก็ตามไปอ่านกันได้อยู่ครับ แต่คราวนี้ก็อย่างที่สัญญากันไว้ครับว่าในวันที่ทางผมเข้าไปที่กองถ่ายนั้น ก็ได้มีโอกาสนั่งคุยกับ 3 นางเอกของเกมอย่าง ขมิ้น, แซนดี้ และแก้ม กันด้วยครับ

ทั้งนี้ในวันที่ทางผมเข้าไปที่กองถ่ายนั้นอย่างที่เคยบอกไว้ว่าเป็นโลเคชั่นหนึ่งในย่านศาลายา และทางทีมงานแจ้งคิวน้องๆ ทั้ง 3 คนมาให้ครับ ในทีแรกคิดว่าอยากจะได้สัมภาษณ์รวมพร้อมๆ กัน ทว่าด้วยคิวถ่ายทำและเวลาของแต่ละฝ่ายที่อาจจะไม่ได้ลงตัวกันขนาดนั้น ทำให้ตัวคอนเทนต์จึงกลายเป็นสัมภาษณ์ทีละคนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะครับ โดยน้องๆ จะสลับกันมาให้สัมภาษณ์ตลอดทั้งวัน เป็นน้องแก้มมาสัมภาษณ์ก่อน ตามมาด้วยขมิ้น และแซนดี้คนสุดท้ายครับ จากนั้นผมก็ได้จับเอาบทสัมภาษณ์ของทั้ง 3 คนมารวมกันจนออกมาเป็นบทความนี้เพื่อความง่ายต่อการเรียบเรียงและนำเสนอนั่นเอง

บอกก่อนเลยว่าแค่ได้คุยกับทั้ง 3 คนก็รู้สึกถึงความแตกต่างในแง่ของคาแรคเตอร์โดยธรรมชาติแล้ว แม้กระนั้นพวกเธอก็มีจุดร่วมที่คล้ายๆ กัน และอาจจะเหมือนกับนางเอกอีก 3 คนที่เหลือด้วยก็คือการที่ใหม่กับงานแบบนี้ และถึงจะไม่เข้าใจนักว่าการเป็น 'นางเอกเกม' คืออะไรกันแน่ บางคนก็คิดว่าแค่เอาหน้าไปใช้หรือแค่โมแคปฯ ร่างกายเฉยๆ เท่านั้น ทว่าการไม่เข้าใจในทีแรกก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะไม่เต็มที่ และการได้แสดงให้กับเกมแนว Full motion interactive video เกมแรกของไทยก็ถือเป็นเกียรติและพวกเธอเองก็ต้องการจะร่วมสร้างประวัติศาสตร์รอบนี้ไปด้วยกัน

3 นางเอกจากหลากเส้นเรื่องราว

Love Love Mystery Club เป็นเกมจีบสาวในแนวสยองขวัญแบบ Full motion interactive video กล่าวคือจะใช้การถ่ายทำจริงแทนการสร้างกราฟิกหรือโมเดลต่างๆ ขึ้นมา แทบทุกอย่างที่เห็นในเกมคือของจริง ถ่ายทำกันจริงๆ และใช้คนจริงๆ ในการแสดง ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น "ต่วย" ไอ้หนุ่มนักเรียนชั้นม.ปลายที่เราอาจจะยังไม่รู้ที่มีที่ไปนักแต่เขาจะถูกดึงเข้าไปพัวพันในเรื่องราวลี้ลับของโรงเรียน ผ่านการสร้างสัมพันธ์กับตัวละครมากมายรวมไปถึงเหล่านางเอก 6 คนที่ต่างมีเส้นเรื่องในแบบของตัวเอง

"หนูเล่นเป็น 'เฟิร์น' ค่ะ ฟีลเพื่อนบอยหน่อยๆ ออกแนวเป็นสาวห้าวพร้อมลุย แต่ก็เป็นคนที่หมกมุ่นกับเรื่องผีสุดๆ"

ขมิ้นบอกกับผมแบบนั้น ซึ่งหากใครยังจำกันได้ ตอนที่ชาวเน็ตไทยรับรู้ถึงการมีอยู่ของโปรเจ็กต์เกมนี้ก็คือรูปฟิตติ้งของขมิ้นในชุดนักเรียนนี่แหละ ด้วยสถานะอดีตไอดอลวงดังที่หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นหน้าค่าตาหรือแวะไปจับมือไม่ว่าจะทั้งกับตัวน้องเองหรือแม้แต่เลนข้างๆ ก็ทำให้ตัวเกมสามารถเรียกกระแสขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตามในความรู้สึกของผมที่อาจจะคุ้นเคยกับเกมแนวที่ตัวละครเลือกจีบสาวๆ ได้ หรือว่ามีนางเอกหลายคน ผมจึงรู้สึกในทีแรกว่าตัวละครของขมิ้นคือนางเอกหลัก เป็นตัวละครประเภทนางเอกสัมปทานที่อาจจะบทเยอะสุด เด่นสุดบนปก อะไรแบบนี้ และยิ่งมั่นใจมากขึ้นเมื่อน้องบอกว่า เฟิร์นเป็นตัวละครที่มีบทเยอะและมีบทกับทุกคน รวมถึงเมื่อพิจารณาจากภาพเบื้องหลังที่ทางค่ายส่งมาให้ก็ค่อนข้างชัดเจนมากขึ้นอีกระดับ ทว่าที่สุดแล้วมันก็อาจจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิด และเอาเข้าจริงตัวละครนางเอกที่เหลือก็ใช่ว่าจะขาดไร้ความน่าสนใจอะไร

"คือ 'กระเฉด' เขาค่อนข้างจะเป็นตัวละครมาในแนวอินโทรเวิร์ตค่ะ คล้ายๆ กับตัวหนูเลย"

คนถัดมาที่อยากจะให้รู้จักกันคือแซนดี้ เด็กที่พูดประโยคข้างต้นออกมาขณะที่หัวเราะเพื่อแก้เขิน เห็นแบบนี้แต่น้องเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีคนติดตามนับแสนคนบน IG (แน่นอนว่าผมด้วย...) และหลายๆ คนอาจจะเคยพบเห็นงานของน้องตาม MV ของศิลปินท่านอื่นๆ มาบ้าง ทว่าน้องก็ยืนยันว่าตัวเองนั้นมีความคล้ายคลึงกับตัวละครที่ได้เล่นอย่าง 'กระเฉด' จนรู้สึกว่าน่าจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่ยาก ไม่ว่าจะเรื่องความขี้อาย ชอบวาดรูป มีความติสต์ เป็นคนเย็นๆ และไม่พูดจาโผงผาง

"กระเฉดจะชอบวาดรูปมากๆ มีความเป็นศิลปิน ตัวหนูเองก็ชอบวาดรูปเหมือนกัน อ๋อ แต่หนูคิดว่าตัวเองไม่น่าจะอินโทรเวิร์ตเท่ากระเฉดค่ะ"

แซนดี้พูดปิดท้ายถึงตัวละครของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ แต่เจ้าตัวก็ยังเสริมด้วยว่ากระเฉดนั้นจะมีความสนิทสนมกับตัวละครของต่วยมากกว่าคนอื่นๆ อยู่ระดับหนึ่ง

"ให้พูดถึง 'เมน' เหรอคะ? เมนจะเป็นตัวละครที่ว่ายังไงดี... อื้อ ใช่ เป็นพวกปากไม่ตรงกับใจค่ะ"

นางเอกคนสุดท้าย(ที่คุยเป็นคนแรก) ก็คือน้องแก้ม สาวสวยลุคเฉี่ยวซึ่งรับบทเป็น 'เมน' ตัวละครสายซึนเดเระประจำเกม พอให้น้องเล่าเพิ่มก็พบว่าเมนเป็นตัวละครที่เราสามารถรีเลทได้ง่ายสุดๆ เพราะหลายๆ คนอาจจะต้องเคยเจอคาแรคเตอร์ทรงนี้มาในเกมใดเกมหนึ่งหรือในอนิเมะสักเรื่อง

คำว่า 'ซึนเดเระ' ผุดขึ้นมาในหัวทันที พอถามกลับไปว่าเป็นพวกตัวละครสายซึนใช่ไหม แก้มก็ตาโตพยักหน้า

"ใช่ค่ะสายซึน คือเมนเนี่ย เป็นไอดอลที่ค่อนข้างโด่งดังในเรื่องอ่ะนะคะ แต่ว่าต่วยซึ่งเป็นพระเอกไม่รู้จัก เมนก็จะงงว่าทำไมตานี่ไม่รู้จักเรากันนะ เลยมีความรู้สึกสนใจในตัวของต่วยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ"

อ่านถึงตรงนี้ก็มาพักรีแคปกันสักครู่ ในเวลานี้เรามีคาแรคเตอร์นางเอก 3 แบบในเกมแล้ว ได้แก่ เฟิร์น ซึ่งเป็นสาวห้าว, กระเฉด เป็นสาวติสต์พูดน้อย และสุดท้ายเมน สาวซึนสไตล์ไอดอล พอนึกว่าแต่ละคนล้วนมีรูทเป็นของตัวเองก็รู้สึกว่าเกมนี้น่าจะใหญ่เอาเรื่อง เพราะพอทั้ง 3 คนมีคาแรคเตอร์ที่ต่างกันไป สถานการณ์ที่จะพาตัวเอกไปเผชิญก็ย่อมต่างกันไปด้วย ถึงตรงนี้ก็อยากแอบกระซิบนิดหนึ่งว่าจากพวกภาพเบื้องหลังของเกมที่ทีมงานแชร์มาให้ผมเผื่อใช้ประกอบบทความนั้น ทำให้เห็นว่าโลเคชั่นกองถ่ายที่ผมไปเจอวันนั้น เป็นเพียงแค่ 1 ในหลายๆ โลเคชั่นที่กองถ่ายนี้ไปถ่ายทำกันเท่านั้นครับ

"หนูไม่เคยเล่นเกมแนวนี้ แต่ก็เคยเห็นสตรีมเมอร์เอามาเล่นเลยพอเก็ตฟีลอยู่บ้าง"

ขมิ้นตอบผมกลับหลังถูกถามว่าเคยเล่นเกมแนวนี้ไหม

"แต่เกมนี้ไม่ได้ขายเซ็กซี่นะ เกมเราพยายามจะให้เนื้อเรื่องกับเซ็ตติ้งน่าสนใจรั้งผู้เล่นไว้ พวกเราพยายามจะเน้นตรงนี้กันมาก และด้วยธีมผีในโรงเรียนมันก็คงเป็นอะไรที่สามารถเข้าใจกันได้ง่ายๆ เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในโรงเรียน แต่ละตัวละครก็จะมีเคสลี้ลับเป็นของตัวเองค่ะ"

เช่นเดียวกับขมิ้น ทั้งแซนดี้และแก้ม ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเกมไม่เน้นขายเซ็กซี่แบบที่เห็นๆ กันในท้องตลาด แต่จะใช้เนื้อเรื่องที่เข้มข้นเป็นจุดขาย และนำมาผสานกับความน่ารักน่าสนใจของตัวเอกแต่ละคน เพื่อให้กลายเป็นเกมผีที่มีรสชาติแบบไทยๆ ตัวละครเป็นคนไทย และพูดไทย มันคงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย

ศาสตร์การแสดงที่แตกต่าง

"ตัวแก้มเนี่ยเล่นละครมาก่อน ของช่องหลายสีค่ะ"

ผมรู้สึกว่าหลังตรงขึ้นเล็กน้อยตอนสัมภาษณ์ แม้อาจจะแอบรู้สึกผิดไปบ้างที่ไม่ได้ทำการบ้านเรื่องผลงานเก่าๆ ของน้องมา แต่ก็รู้สึกสนใจมากขึ้นกว่าเดิมว่า 'การแสดงเกม' เนี่ย มันเหมือน มันต่าง หรือมันต้องใช้ศาสตร์ที่พิเศษกว่าการแสดงอื่นๆ ยังไงบ้างหรือเปล่า

"พอต้องมาแสดงบทบาทในเกมก็จัดว่าแปลกใหม่ค่ะ เหมือนคนละศาสตร์กันเลย คือเวลาเล่นละครมันห้ามมองกล้องไงคะ แต่พอเป็นเกมที่มีกล้องเป็นเหมือนตัวละครที่เราต้องปฏิสัมพันธ์ด้วยก็กลายเป็นต้องมองมันอยู่ตลอด เพราะว่ากล้องก็เป็นเหมือนตัวแทนของผู้เล่น เราคิดอะไรรู้สึกอย่างไร บางทีมันต้องแสดงออกไปให้ชัดกว่าปกติ"

Love Love Mystery Club

ซึ่งมันกลายเป็นว่าคนที่เคยแสดงละครและซึมซับศาสตร์ของละครมาเยอะกว่าคนอื่นอย่างแก้ม ดูจะปรับตัวยากที่สุดขัดกับความคิดในทีแรกของตัวผมเองเล็กน้อย เพราะรู้สึกไปว่างานแสดงละครนี่น่าจะเป็นอะไรที่ปรับมาใช้ง่ายสุดแล้วแต่ดันตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น ในทางกลับกันขมิ้นและแซนดี้ซึ่งมาจากอาชีพสายอื่นกลับรู้สึกคุ้นเคยกับการมองกล้องมากกว่า โดยเฉพาะกับตัวของแซนดี้ที่เรื่องมองกล้องไม่ได้เป็นปัญหากับเจ้าตัวสักเท่าไหร่

"เรื่องกล้องไม่ได้เป็นปัญหากับหนูเท่าไหร่ คือมีบ้างแค่ช่วงแรกๆ ที่หนูชอบเผลอมองเลยไปที่คนหลังกล้อง แต่ไม่นานก็ปรับตัวได้ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะว่าตัวหนูเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ต้องทำงานหน้ากล้องอยู่แล้ว แค่นึกว่ากล้องเป็นคนที่ต้องคุยกับเขาอยู่ตลอดทุกอย่างก็ปรับได้ค่ะ"

Love Love Mystery Club

พูดถึงคนหลังกล้องก็จะต้องเป็นคุณ 'บุ๋น' ซึ่งนอกจากแกจะเป็นเหมือนตัวแทนของผู้เล่นอย่าง 'ต่วย' แล้ว ตัวแกเองยังเป็นครูสอนการแสดงของเหล่านางเอกอีกด้วยนั่นเอง อย่างไรก็ตามน้องแซนดี้ยังเสริมว่าถึงตัวเองจะเคยเล่น MV มาก่อนแต่การถ่ายทำลักษณะนี้ก็ถือว่าใหม่และมีความยากของมันอยู่ในที แม้จะปรับตัวกับกล้องไดัแต่การต้องใช้ศาสตร์การแสดงที่หนักหน่วงกว่าที่เคยก็ทำให้มันมีความยากคนละแบบกับแก้ม ทว่าเจ้าตัวก็รู้สึกสนุกไปกับมันจนทำให้การถ่ายทำผ่านไปได้ด้วยดี

"หนูว่างานนี้มันอยู่กึ่งกลางของไอ้ที่เคยทำมาอ่ะ"

ในขณะที่ทั้ง 2 คนที่ผ่านมามีทั้งมุมถนัดและมีส่วนยากเป็นของตัวเอง ขมิ้นที่เคยแสดงทั้งซีรีส์และโฆษณามาก่อนกลับรู้สึกว่าตัวเองอยู่กึ่งกลาง ไม่โดดเด่นในสิ่งไหน ไม่รู้สึกว่าสิ่งใดมีความยากเกินไป แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ง่ายจนไม่ต้องปรับตัวเช่นกัน

Love Love Mystery Club

"การแสดงในเกมนี้มันอยู่ระหว่างกึ่งกลางของสองรูปแบบงานที่ผ่านมา ต้องไม่โอเวอร์แอคติ้งเกินไป แต่ก็ต้องประดิษฐ์อารมณ์บางอย่างขึ้นมาด้วย คือมันต้องชัดประมาณหนึ่ง เพราะกล้องที่ถ่ายทำจะอยู่ใกล้กับเรามาก ถ้าหลุดนิดเดียวก็คือมันจะเห็นเลย แต่ว่าจะบอกว่าเล่นใหญ่ไม่เท่าโฆษณาในทุกๆ ซีนก็คงไม่ใช่ เพราะว่ามันมีบางช่วงที่ต้องเล่นใหญ่จริงๆ จังๆ ไปเลยเหมือนกัน แบบว่าคือจะบ้า เกิดมาหนูว่าหนูไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย"

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ถามเธอเพิ่มเติมว่าได้เอาสกิลไอดอลเก่ามาใช้ด้วยไหม หรือมันสามารถนำมาปรับใช้อะไรในงานประเภทนี้ได้รึเปล่า แต่เจ้าตัวกลับหัวเราะเอิ้กอ้ากแล้วส่ายหน้า

"พี่รู้ไหม สกิลไอดอลเก่าอ่ะจริงๆ มันทำให้หนูติดนิสัยเสีย เพราะมันกลายเป็นว่าหนูติดการขยับตัวไม่หยุด ยืนนิ่งไม่ค่อยได้ ตอนที่ไปเล่นโฆษณาก็เคยถูกติงมาว่าตัวหนูเหมือนจะเต้นอยู่ตลอดเวลา"

แต่จากนั้นเจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้

"อ๋อ แต่ถ้าจะมีส่วนได้ที่ได้ใช้ก็จะเป็นเรื่องของการยิ้มค้างนานๆ อ่ะ เพราะว่าด้วยลักษณะการถ่ายทำแบบเป็นเกม หลายๆ ครั้งเลยก็เลยต้องมีการแช่กล้องนานๆ ทำท่าเดิมค้างไปมานานๆ (คิดว่าคงเป็นฉากหลังตอนเกมขึ้นช็อยส์ให้ผู้เล่นเลือกตอบ) คือตรงนี้ถ้าหนูไม่เคยเป็นไอดอลมาก่อน มันก็คงจะแบบรู้สึกว่าเขินว่ะ ต้องยิ้มแช่ให้กล้องเป็น 10 วิฯ แต่พอเราเคยผ่านตรงนั้นมาได้หนูก็คิดว่าตัวเองสามารถไฟต์กับกล้องได้มากขึ้น"

พูดจบเจ้าตัวก็ยิ้มออกมา... คือไม่รู้ว่ายิ้มให้กล้องตอนแสดงแบบนี้ไหม ก็อยากจะบอกว่าจังหวะนั้นน้องน่ารักมากแต่ก็ว่าเดี๋ยวจะอวยไปหน่อย เพราะงั้นผมจะไม่บอกว่าขมิ้นน่ารักมากก็แล้วกัน

อะแฮ่ม!

ความยากของการถ่ายทำเกม

ในการถ่ายทำนั้นทั้ง 3 คนมีทั้งเรื่องที่รู้สึกว่าง่ายที่จะเข้าใจ และยากต่อการปฏิบัติให้มันเกิดผล เรื่องง่ายก็คือทั้ง 3 คนยืนยันว่ามีจุดร่วมเดียวกันคือเป็นคนที่ 'กลัวผี' ถึงแม้อาจจะไม่เคยเจอจังๆ แต่กับเรื่องลี้ลับแบบนี้ความกลัวที่ก่อตัวขึ้นแม้จะไร้เหตุผลมารองรับสักเท่าไหร่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเข้าใจได้ อย่างแซนดี้จะเป็นคนที่ปกติจะเปิดไฟสลัวๆ ก่อนนอนไม่กล้าปิดให้มืดสนิท ขณะที่ทางแก้มนั้นก็กลัวมากๆ และอันที่จริงระหว่างถ่ายเจ้าตัวก็รู้สึกถึง 'อะไรบางอย่าง' อยู่เหมือนกัน แต่เพราะถ่ายอยู่แถมส่วนใหญ่เป็นตอนกลางคืน ก็เลยไม่กล้าพูดออกไป

Love Love Mystery Club

เรื่องอินเนอร์ของความหวาดกลัวจึงแทบไม่ต้องห่วงเพราะนางเอกทั้ง 3 ต่างก็รู้สึกไปในทางเดียวกัน แต่เพราะพวกเธอคือคนกลุ่มแรกๆ ของไทยที่ได้ 'ถ่ายทำเกม' มันจึงมีเรื่องที่ยากต่อการจะตอบสนองในงานอยู่บ้าง ไม่เว้นแม้แต่ผู้กำกับอย่างพี่เป็บซี่ที่ก็เคยบอกกับทางเราว่า "เพราะเป็นคนแรกก็เลยไม่มีใครให้ถาม" ต้องอาศัยการลองผิดลองถูกเอาเอง และทุกๆ ครั้งที่ถ่ายทำ มันก็คือการเรียนรู้ไปด้วยกันทั้งองคาภยพไม่ว่าจะทีมงานหรือตัวนักแสดง

"หนูเพิ่งเคยแสดงบทชักดิ้นชักงอครั้งแรกค่ะ จะเรียกว่าเป็นเรื่องหนักสำหรับหนูก็ได้ เพราะตอนถ่าย MV ก็ไม่เคยเล่นบทแบบนี้"

แซนดี้บอกว่าตัวเองเพิ่งเคยเล่นบทที่ต้องแสดงออกทางร่างกายมากขนาดนี้เป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะการชักดิ้นชักงอ การที่ตัวเองต้องมีช็อตเลือดสาด หรือว่าทำเหมือนโดนผีเล่นงานด้วยตัวเองแบบวันสต็อปเซอร์วิส

"มีซีนหนึ่งที่หนูต้องแสดงเหมือนต้องถูกผีดึงหัว ก็เลยต้องเล่นให้เหมือนมีผีมาดึงหัวไปจริงๆ ทั้งๆ ที่ก็แสดงอยู่คนเดียวนั่นแหละค่ะ ต้องออกอาการทุรนทุรายเหมือนกำลังจะตายด้วย แล้วก็ยากขึ้นไปอีกเพราะมันเป็นเกม เราเลยต้องถ่ายหลายครั้งไว้เผื่อเป็นทางเลือกให้ผู้เล่น แต่คือชอบมากค่ะ สนุกดี"

ซึ่งไอ้การต้องถ่ายซีนไว้เผื่อเลือกนี่แหละที่เป็นจุดที่หลายคนรู้สึกว่าหนักหนาและเป็นหนึ่งในส่วนที่ยากที่สุดในแง่ของการถ่ายเกม เพราะนอกจากอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างเดียวแล้ว ทุกๆ อย่างโดยรอบก็อาจจะต้องคงเดิมไว้ ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหน้าผม พร๊อพหรือเครื่องประดับตามตัวก็ต้องอยู่ให้เหมือนเดิมมากที่สุด โดยขมิ้นก็เป็นอีกคนที่พูดเสริมจุดนี้ได้อย่างน่าสนใจ

"ในส่วนของการแสดงก็มีจุดที่ยากบ้าง เช่นเรื่องที่เราคิดในหัวกับสิ่งที่ผู้กำกับหน้าเซ็ตอยากได้มันไม่ตรงกัน แต่ว่าไอ้ที่ยากจริงๆ คือความเป็นเกมของมันนั่นแหละ เพราะว่าในเกมจะมีช็อยส์ให้ผู้เล่นเลือก หนูก็เลยจะต้องถ่ายซีนคล้ายๆ กันในหลายซีน แต่ว่าในอารมณ์ที่แตกต่างออกไป หรือไดอาล็อกที่อาจจะเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อย แล้วต้องเปลี่ยนอารมณ์ระหว่างพูดไปด้วยค่ะ"

คิดว่าหลายๆ คนอาจจะนึกกันออก กับการที่เกมต้องมีช็อยส์ทางเลือก ซึ่งเราจะได้เห็นอยู่ในเกมหลายแนว อย่างพวก Dark Pictures Anthology หรือ Detroit Become Human หรือกระทั่งเกม Visual Novel ของญี่ปุ่น ที่การเลือกหนทาง ณ ขณะนั้นจะนำมาซึ่งผลลัพท์ที่ไม่เหมือนกัน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าแต่ละคนมักพูดถึงเรื่องของการแสดงกันอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็เพราะว่า Love Love Mystery Club ดูจะเข้มข้นในแง่ของการแสดงมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการมีผู้กำกับมือดี โปรดักชั่นที่ลงทุน นอกจากนี้ยังมีการเวิร์คช็อปนักแสดงอยู่หลายครั้ง เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันรวมถึงความกลมเกลียวของกลุ่มนักแสดง ทำให้ผลลัพท์มันออกมาดีและลื่นไหล กลายเป็นเกมที่พยายามจะไม่ขายเรื่องของความเซ็กซี่อย่างเกมอื่น แต่ต้องฮุคคนเล่นให้อยู่หมัดด้วยความน่าสนใจของตัวละคร สถานการณ์และเนื้อเรื่องนั่นเอง

Love Love Mystery Club เกมจีบสาวเขย่าขวัญที่พร้อมจะมาเขย่าวงการเกมไทย

ช่วงก่อนที่การสัมภาษณ์แต่ละคนจะจบลงผมลองถามคำถามเล่นๆ ว่าหากแต่ละคนเป็นผู้เล่นเกมนี้ จะเลือกจีบใคร หรือคิดว่าผู้เล่นจะเลือกจีบใครก่อน โดยคนแรกที่ตอบคือแก้มที่สวมวิญญาณเริ่ดเชิดหยิ่งของตัวละครเมนและเลือกจะจีบตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็คิดว่าคนอื่นอาจจะชอบกระเฉด เพราะความนุ่มนิ่มของตัวละคร

"กระเฉดจะเป็นตัวละครที่มีฉากยิ้มเยอะมากๆ และจะเป็นไทป์ตัวละครที่เขินผู้เล่นอยู่บ่อยๆ ขี้อายแล้วก็แอบเล่นตัวอยู่หน่อยๆ ค่ะ หนูว่าอาจจะตกผู้เล่นมาให้จีบได้จากฉากประมาณนี้ค่ะ"

แซนดี้ผู้ที่แสดงเป็นกระเฉดเองก็คิดว่าตัวละครของตนน่าจะถูกใจผู้เล่นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะขนาดตัวเธอก็ยังอยากจะเข้าไปทำความรู้จักหรือเป็นเพื่อนด้วยเลย นอกจากนี้การที่น้องบอกว่าตัวละครค่อนข้างสนิทกับตัวเอก ก็อาจจะพอเดาได้ว่าตัวละครนี้น่าจะมีโมเมนต์กับผู้เล่นเยอะแน่นอน แล้วน่ารักขนาดนี้จะห้ามตัวเองอย่างไรไหวล่ะพี่น้อง!

ขณะที่ขมิ้นก็เลือกจะจีบตัวเองเช่นกัน ต้องบอกว่าทั้ง 3 คนมั่นใจในเสน่ห์ของตัวละครตัวเองมากๆ ถึงอย่างนั้นเจ้าตัวก็บอกว่าอยากจะแนะนำอีกหนึ่งตัวละครเป็นการส่วนตัว

"คือหนูอ่ะ ตัวละครที่จะเลือกจีบคือตัวเองแหละ แต่ถ้าถามว่าใครน่าสนใจอีกบ้าง ส่วนตัวคิดว่าคงเป็นตัวละคร 'วุ้น' ของน้องขนม เพราะว่าตัวละครนี้เป็นเนิร์ดวิทยาศาสตร์ คือจะออกแนวเป็นขั้วตรงข้ามกับหนู และวุ้นก็จะพยายามขัดหนูตลอดเพราะเขาไม่เชื่อในเรื่องแบบนี้ มันจะเกิดเป็นโมเมนต์ที่ขัดแย้งกันหน่อยๆ หนูว่ามันน่ารักดี"

ตอนที่บทความนี้ได้เผยแพร่ ล่าสุดทางเกมก็เสร็จสิ้นในกระบวนการถ่ายทำไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้น่าจะเป็นเรื่องของการ Develop ในฝั่งเกมที่น่าจะแล้วเสร็จในเวลาไม่นานจากนี้ครับ เพราะทางผู้อำนวยการสร้างอย่างพี่แซ็คเองก็ดูจะอยากขายเกมเต็มแก่แล้ว และจากที่ตัวผมเองไปประสบพบเจอกับเรื่องราวในกองมาเกือบ 1 วันเต็มๆ ก็สัมผัสได้ถึงความตั้งใจจากทุกภาคส่วนที่ต้องการอยากจะให้ผลงานชิ้นนี้ได้ออกมาดีที่สุด และพร้อมจะร่วมสร้างประวัติศาสตร์ไปพร้อมกัน

แล้วคุณล่ะ พร้อมจะเปิดใจแล้วเข้าสู่โรงเรียนสุดสยองที่เต็มไปด้วยน้องๆ น่ารักแห่งนี้ไหม? หากยังไม่แน่ใจงั้นผมไปก่อนแล้วกันนะ! 

Love Love Mystery Club  มีกำหนดวางจำหน่ายเร็วๆ นี้ครับ


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:
Dark_Libra
About the Author

Dark_Libra

Everything in this world comes down to the matter of ponytail

เรื่องที่คุณอาจสนใจ