พรีวิวเกม Shinobi: Art of Vengeance แบบ Hands-on ลองแล้วมาเล่าสู่กันฟัง

แชร์เรื่องนี้:
พรีวิวเกม Shinobi: Art of Vengeance แบบ Hands-on ลองแล้วมาเล่าสู่กันฟัง

ชิโนบิ (Shinobi) นั้นเป็นหนึ่งในซีรีส์เกมเก่าแก่ของทาง Sega ที่มีอายุอานามปาเข้าไปเกือบ 4 ทศวรรษแล้วครับ และโจ มุซาชิ (Joe Musashi) ตัวเอกประจำซีรีส์นี้ก็เคยมีบทบาทเป็นหนึ่งในมาสคอตที่ Sega นำมาโปรโมตในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ตอนที่นินจากำลังเป็นที่นิยมตามสื่อกระแสหลัก ซึ่งเกมเมอร์ที่เกิดทันและเคยได้เล่นเกมตระกูลชิโนบิจะคุ้นเคยกันดีกับภาพลักษณ์โดดเด่นในฐานะซีรีส์ที่มักนำเสนอกราฟิกคุณภาพสูงของยุคนั้น รวมถึงดนตรีประกอบและเกมเพลย์อันเร้าใจ ตลอดจนความยากที่เรียกได้ว่าตึงมือผู้เล่นมานักต่อนัก

กระทั่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ซีรีส์นี้ก็ได้ประกาศคัมแบ็คด้วยการออกภาคใหม่อีกครั้งโดยใช้ชื่อเกมเต็ม ๆ ว่า Shinobi: Art of Vengeance พร้อมกับดึงเอาโจ มุซาชิกลับมาเป็นตัวเอกในรอบกว่า 30 ปี และทีมงาน Online Station เองก็เพิ่งได้ไปลองเกมนี้มาหมาด ๆ ถึงประเทศญี่ปุ่นด้วย ความรู้สึกหลังได้เล่นเป็นอย่างไร เรามาชมพรีวิวเวอร์ชั่น Hands-on กันเลยดีกว่า

Shinobi

พล็อตเรื่องของภาคนี้จะกล่าวถึง ENE Corporation องค์กรระดับกองทัพซึ่งนำโดยวายร้ายนามว่า Lord Ruse (อ่านว่า ลอร์ด รูส) ที่นำกองกำลังบุกรุกรานเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ทั้งยังขโมยวัตถุโบราณที่มีพลังอำนาจอันลึกลับทำให้ลอร์ดรูสเป็นอมตะเมื่อได้ครอบครองมัน และเพื่อไม่ให้ใครหน้าไหนโผล่มาเป็นเสี้ยนหนามในแผนการยึดครองโลก ลอร์ดรูสจึงส่งกองกำลังมาบุกสำนักนินจาโอโบโระของโจ มุซาชิ จนเหล่าศิษย์ของโจต้องล้มตาย บ้างก็กลายสภาพเป็นหินไปจนเกือบหมด ซึ่งโจในฐานะผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมนี้ต้องออกไปล้างแค้นแก่ทุกคนและโค่นลอร์ดรูสลงให้ได้

ทางด้านเกมเพลย์ของเกมนี้จะขอเล่าแบ่งเป็นส่วนของการผจญภัยและการต่อสู้นะครับ โดยฝั่งของการผจญภัยจะยังคงเป็นสไตล์แพลตฟอร์เมอร์มุมมองด้านข้างแบบ 2D เหมือนภาคที่ใครหลายคนอาจเคยเล่นบนเครื่อง Mega Drive มาก่อน ทว่าโจในภาค Art of Vengeance ได้ถูกปรับปรุงให้มีการเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่ที่หลากหลายและพลิ้วขึ้นมาก โดยนอกเหนือจากการกระโดดสองชั้นหรือปีนป่ายเพื่อขึ้นไปยังจุดที่อยู่สูง ๆ แล้ว โจยังมีพวกท่าแดชที่ช่วยให้พุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หรือการอาศัยลูกเล่นของฉากในการข้ามฟากไปอีกจุดของฉากได้ ซึ่งคนที่เคยเล่นเกมในภาคเมื่อ 30 กว่าปีก่อนอาจจะเคยรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยกับความยากของเกมที่ดันมีสาเหตุมาจากการเคลื่อนไหวของโจที่ทำอะไรได้จำกัดจำเขี่ยด้วยส่วนหนึ่ง แต่พอมาเป็นเกมภาคล่าสุดนี้ โจได้กลายมาเป็นตัวเอกที่ผ่านการแก้ไขตามเทคโนโลยียุคปัจจุบันให้ทำอะไรได้ทันใจ และให้ผู้เล่นไปพะวงกับความยากที่มาจากการต่อสู้เป็นหลักแทน

อนึ่ง ภายในแต่ละฉากจะมีการแบ่งเป็นโซนคล้ายกับเกมแนว Metroidvania โดยสังเกตได้จากฉากหลัง บรรยากาศรอบตัว และชนิดศัตรูที่เปลี่ยนไป ซึ่งเกมเลือกนำเสนอในส่วนนี้แบบเนียน ๆ และไม่ได้กั้นเป็นห้องชัดเจนแบบเกมแนวดังกล่าว ระหว่างที่ลุยผู้เล่นจะรู้สึกเองเลยว่าเรามายังพื้นที่ใหม่แล้ว อีกทั้งดนตรีประกอบที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมญี่ปุ่นและธีมนินจาทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศตื่นเต้นและท้าทายกำลังรอเราอยู่เบื้องหน้าเป็นระยะด้วย

แน่นอนครับว่าการที่เกมมีโครงสร้างของฉากเป็นแนวแพลตฟอร์เมอร์ ย่อมต้องมีไอเทมลับซ่อนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ให้เราได้ค้นหากันทุกซอกทุกมุมเลย โดยบางจุดต้องใช้ทักษะการปีนป่ายเข้าไป ขณะที่บางจุดต้องใช้สกิลนินจาผ่านเข้าไปเก็บ และก็มีบางจุดที่ตอนแรกเราจะเข้าไปเอาไอเทมไม่ได้ ต้องเล่นตามเนื้อเรื่องไปถึงจุดหนึ่งก่อน แล้วค่อยย้อนกลับมาเก็บ ยิ่งไปกว่านั้น ภาคนี้จะมีระบบร้านค้าให้ผู้เล่นได้นำเงินที่ดรอปจากการสังหารศัตรูมาซื้อสกิลหรือรูปแบบการโจมตีใหม่ ๆ มาติดตั้งให้กับโจ มิหนำซ้ำถ้าผู้เล่นสามารถตามเก็บเครื่องรางได้ครบ (ซึ่งแต่ละด่านจะมีให้เก็บด่านละ 5 ชิ้น) ก็จะสามารถอัปเกรดร้านค้าของด่านนั้น ๆ ให้มีของขายมากขึ้นได้ ดังนั้นการจะปลดล็อคสกิลของโจให้ครบจึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องเป็นเกมเมอร์สายสำรวจนั่นเอง

ส่วนของระบบการต่อสู้เองก็มีการพัฒนาและยกระดับอยู่ไม่น้อย เริ่มจากการที่ตัวโจสามารถโจมตีระยะประชิดเป็นคอมโบได้ มีแยกการโจมตีหนัก-เบาเหมือนเกมแนว Hack and Slash ทั่วไป รวมทั้งอาวุธขว้างที่ใช้โจมตีระยะไกลก็ยังมีให้ใช้เช่นเคย แต่ที่ทีมงานเล่นแล้วชอบมากคือระบบ Shinobi Execution หรือสังหารในพริบตาครับ โดยศัตรูในภาคนี้จะมีเกจพลังชีวิตสีแดงและเกจ Execution สีขาวควบคู่กัน เมื่อเราโจมตีศัตรูจนพลังชีวิตลดลง เกจ Execution ของมันจะเพิ่มขึ้นสวนทาง และถ้าเราอัดจนเกจ Execution พุ่งจนเต็ม ก็จะสามารถกดใช้ท่าปลิดชีพมันได้ทันที แถมศัตรูที่ตายจากการใช้ Shinobi Execution ก็จะดรอปเงินและโบนัสมากกว่าปกติ ถ้าผู้เล่นฝึกจนชำนาญแล้วจะสามารถปั่นเกจ Execution ศัตรูได้ทีละหลายตัวแล้วใช้ท่าสังหารพวกมันพร้อมกันในคราวเดียวก็ย่อมได้

ต่อมาเป็นระบบการติดตั้งสกิลนินจาในเกม สำหรับภาคนี้ท่าต่าง ๆ จะมีทั้งแบบทักษะทั่วไปที่ติดตัวเรา โดยกดใช้งานได้ตลอดเวลา และแบบวิชานินจาขั้นสูงที่ต้องนำมาติดตั้งบนแผง Shortcut แล้วกดใช้ตามที่เราเซ็ตไว้ ซึ่งพวกวิชานินจาขั้นสูงเราสามารถดูในเมนูได้ว่าแต่ละท่ามีพลังโจมตีสูงแค่ไหน และมีคุณสมบัติพิเศษอย่างไร เนื่องจากบางท่าจะมีประโยชน์มากในการใช้เจาะเกราะศัตรูบางประเภท หรือบางท่าก็จะโจมตีเป็นธาตุที่ศัตรูแพ้ทาง เป็นต้น

บรรดาศัตรูและบอสที่ทีมงานได้ลองประมือไปในระดับ Normal ต้องบอกว่าไม่ได้หมูขนาดที่เราเข้าไปสแปมปุ่มโจมตีแล้วชนะกันได้ง่าย ๆ ครับ ตรงนี้ผู้เล่นต้องหมั่นสังเกตพฤติกรรมของพวกมันอยู่ตลอดเวลาและเข้าไปโจมตีให้ถูกจังหวะ ลำพังแค่พวกลูกกระจ๊อกช่วงกลางด่านก็ทำให้เราพบกับความยากลำบากได้หากบุกเข้าไปแบบส่งเดช โดยเกมมีการออกแบบและจัดวางตำแหน่งของศัตรูได้ดี เล่นแล้วรู้สึกว่ามีความท้าทายไม่ชวนง่วง และก็ไม่ยากจนต้องหาน้ำแข็งมาประคบศีรษะทั้งวัน

ยอมรับว่ากราฟิกของเกมเป็นอีกจุดที่เตะตาและน่าดึงดูดมาตั้งแต่ตอนปล่อยคลิปเปิดตัวในงาน The Game Awards 2024 แล้วครับ โดยเป็นงานอาร์ตสไตล์ภาพวาดที่ไม่ว่าเวลาโจจะออกท่วงท่าโจมตี เคลื่อนไหว หรือเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ที่มาจากตัวเรา ศัตรู หรือฉากหลัง ล้วนให้อารมณ์เหมือนดูอนิเมะดี ๆ เรื่องหนึ่งเลย ซึ่งจากที่กล่าวมาทั้งหมด แม้ว่า Art of Vengeance จะห่างหายจากภาคล่าสุดมานานกว่า 10 ปี และตัวโจจะคัมแบ็คในรอบกว่า 30 ปีก็ตาม แต่การกลับมาครั้งนี้ทางผู้พัฒนาเองก็ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งเดิม ๆ และเลือกที่จะให้ซีรีส์นี้ปรับตัวตามสมัยนิยม เพื่อเปิดรับผู้เล่นหน้าใหม่ และหวนกลับไปหาแฟนเกมรุ่นเดอะไปพร้อม ๆ กัน ฟอร์มของเกมอาจจะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็ยังควรค่ากับการเข้ามาสัมผัสและดื่มด่ำกับประสบการณ์ที่เกมนินจารุ่นเก๋าอย่างซีรีส์ Shinobi จะมอบให้อยู่เสมอมา

รอเล่นกันได้ในวันที่ 29 สิงหาคมนี้ครับ!

ผู้พัฒนา: Lizardcube
ผู้จัดจำหน่าย: Sega
แนวเกม: Action / Platformer
วางจำหน่าย: 29 สิงหาคม 2025
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S, Switch, PC


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่นๆ ได้ที่ Online Station

แชร์เรื่องนี้:
Vesper
About the Author

Vesper

อยากเป็นคนที่ถูกหวย จะได้รวยกว่าถูกรัก

เรื่องที่คุณอาจสนใจ