ช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง Sony ได้วางจำหน่ายเกม Days Gone Remastered ที่เรียกว่าน่าจะเป็นเวอร์ชั่นสมบูรณ์ที่สุดของเกมลงให้กับ PS5 ครับ โดยเวอร์ชั่นนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์ต่าง ๆ เข้ามาไม่น้อยเพื่อสอดรับกับศักยภาพของเครื่อง PS5 และ PS5 Pro ที่แสดงผลให้เกมนี้ออกมาดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเจนปัจจุบัน แม้ว่าจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเกมนี้จะไม่มีภาคต่อ สืบเนื่องจากยอดขายที่ไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ แต่การทิ้งทวนความทรงจำดี ๆ กับเกมนี้ด้วยเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ก็น่าจะเป็นการจากลาที่ดีที่สุดแล้ว เรามาชมรีวิวผ่านบทความนี้กันเลยดีกว่าครับ
**ทีมงานรีวิวจากการเล่นบนเครื่อง PS5 Pro**
แพลตฟอร์ม: PS5
ผู้พัฒนา: Bend Studio / Climax Studios (ช่วยทำในเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์)
แนวเกม: แอ็กชั่น / ผจญภัย (โอเพ่นเวิลด์)
วางจำหน่าย: 25 เมษายน 2025
ก่อนอื่นเลยต้องขออธิบายก่อนว่าในบทความรีวิวนี้จะพูดถึงเฉพาะสิ่งที่เปลี่ยนไปหรือเพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์เท่านั้นนะครับ โดยเพื่อน ๆ สามารถอ่านรีวิวเกมเวอร์ชั่นออริจินัลบน PS4 ได้ที่ https://www.online-station.net/pc-console-game/244814/
การแสดงผล
ใน Days Gone Remastered นี้ กรณีที่เล่นบน PS5 รุ่นธรรมดาจะมีโหมดการแสดงผลให้เลือกปรับหลัก ๆ คือ Quality Mode ที่จะเน้นภาพระดับ 4K พร้อมเฟรมเรตคงที่ 30 FPS ส่วนโหมด Performance Mode จะได้สเกลของภาพที่ลดลงมาเหลือ 1440p แต่เฟรมเรตจะแตะที่ 60 FPS แบบนิ่ง ๆ เลย
ขณะเดียวกัน หากนำมาเล่นบน PS5 Pro ก็จะมีอีกโหมดแสดงผลเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือ Enhanced Mode ที่อัปสเกลได้ถึง 4K แถมยังได้เฟรมเรต 60 FPS ด้วย อย่างไรก็ดี จากที่มีการลองรันเทียบกันระหว่าง PS5 ธรรมดากับ PS5 Pro ด้วย Quality Mode และ Performance Mode พบว่ารายละเอียดของภาพและเฟรมเรตบน PS5 Pro ก็ยังดูดีกว่าอยู่ประมาณหนึ่ง โดยเฉพาะเฟรมเรตที่ตกยากกว่ามาก หรือแทบไม่ตกเลยแม้จะเจอฝูงฟรีคเกอร์แห่กันมานับร้อยนับพันตัวก็ตาม
อนึ่ง ถ้าใครเคยเล่นเกมเวอร์ชั่นออริจินัลบน PS4 เมื่อ 6 ปีที่แล้ว แล้ววาร์ปมาเล่นเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์นี้จะรู้สึกถึงความแตกต่างของรายละเอียดภาพและเฟรมเรตอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะปลื้มกับสิ่งที่เพิ่มเข้ามานัก ดังนั้นคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อน แล้วมาเริ่มเล่นที่เวอร์ชั่นรีมาสเตอร์เลย โอกาสผิดหวังจะมีน้อยกว่า เพราะยังมีเนื้อเรื่องให้ติดตามและบรรดาเควสต์ต่าง ๆ ที่มีก็เล่นได้นานพอสมควร
อีกประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องของเวลาโหลดครับ โดยถ้าให้เทียบกันระหว่างการนำเกมเวอร์ชั่นออริจินัลบน PS4 มารันบน PS5 Pro กับการเล่นเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์บน PS5 Pro พบว่าเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ใช้เวลาในการโหลดเข้าเกม โหลดขณะทำเควสต์ หรือโหลดตัดเข้าฉากต่าง ๆ เร็วกว่าเวอร์ชั่นออริจินัลที่อาศัย SSD ของ PS5 Pro เพียว ๆ ถึงประมาณ 8-15 กว่าวินาทีต่อการโหลดแต่ละครั้งเลยทีเดียว
โหมดและฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
ทางด้านฟีเจอร์ที่ใช้ร่วมกับจอย DualSense จะมีการใช้ระบบ Haptic Feedback และ Adaptive Triggers เต็มรูปแบบ โดยในส่วนของ Haptic Feedback จะตอบสนองการสั่นสะเทือนกับเสียงทุกมิติที่เกิดขึ้นในเกม สมมติเวลาเราไปเจอฝูงฟรีคเกอร์ที่มีจำนวนหลายร้อยตัว จอยจะสั่นหนักราวกับมีอะไรกำลังเคลื่อนพลหรือกระทืบเท้าเข้ามาหาเรา และถ้าลองหันมุมกล้องให้ฟรีคเกอร์อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของเรา จอยก็จะสั่นที่ข้างนั้นตามจริงด้วย รวมถึงระบบ Adaptive Triggers ที่จะสั่นสู้นิ้วเรามากเวลายิงปืนกลหนัก ซึ่งส่วนนี้เราสามารถไปเลือกปรับระดับความรุนแรงของการสั่นได้ในเกมอีกทีหากใครรู้สึกว่านิ้วจะเป็นตะคริวเอา
ถัดมาคือโหมดชาเลนจ์ที่มีชื่อว่า Horde Assault สำหรับโหมดนี้จะเป็นการทดสอบทักษะการเอาตัวรอดของผู้เล่นที่มีต่อฝูงฟรีคเกอร์ที่จะกรูเข้ามาเราด้วยจำนวนมหาศาล และมาต่อเนื่องแบบไม่ให้หายใจหายคอ เป้าหมายมีแค่อยู่รอดให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยศัตรูจะมีปะปนกันทั้งฟรีคเกอร์และมนุษย์ที่ใช้อาวุธเป็น เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ เราจะสามารถปลดล็อคทักษะความสามารถใหม่ ๆ เพื่อให้เราใช้ในการเอาตัวรอดได้ดีขึ้น
โหมดนี้จะมีการคำนวณเวลาและจำนวนศัตรูที่เราปราบได้มาเป็นแรงค์ และใช้อวดสถิติการเล่นของเราบน Leaderboards ได้ ซึ่งเหมาะมากถ้าเราจะเล่นหลังจบเกมไปแล้วรอบหนึ่ง เพราะในโหมดเนื้อเรื่องจะมีฝูงฟรีคเกอร์หลักพันตัวต่อรอบให้สู้ไม่บ่อย และจากที่กล่าวไปก่อนหน้าว่าเฟรมเรตของเวอร์ชั่นรีมาสเตอร์นั้นนิ่งมาก ใครที่เคยเจอปัญหาเฟรมเรตร่วงตอนเวอร์ชั่นออริจินัลก็ไม่ต้องกังวลแล้วครับ เพราะในเวอร์ชั่นนี้ต่อให้เจอฟรีคเกอร์หลักพันตัวเฟรมเรตก็ยังลื่น ที่เหลือก็มีแต่ฝีมือของเรานี่แหละที่จะรับมือพวกมันไหวหรือเปล่า
นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นโหมด Permadeath กับ Speedrun ที่รองรับผู้เล่นที่อยากได้ความท้าทายในรูปแบบอื่น โดย Permadeath จะเป็นฟีเจอร์ที่เมื่อผู้เล่นตายแล้วจะต้องเริ่มเกมใหม่สถานเดียว (ตายถาวร) ไม่สามารถโหลดเซฟมาเล่นได้อีก ดังนั้นการจะทำอะไรเสี่ยง ๆ ต่อการเกมโอเวอร์นั้นต้องคิดให้รอบคอบก่อน ขณะที่โหมด Speedrun จะเอาใจสายลุ้นระทึก อยากให้มีเวลามาบีบหรือกดดันเพิ่ม ฝึกการเล่นและท่องจำว่าเราควรทำอะไรก่อน-หลัง เพื่อบริหารเวลาให้จบเกมได้ไวที่สุด
ยิ่งไปกว่านั้น เกมยังมีเสริมฟีเจอร์สำหรับผู้เล่นที่มีความบกพร่องทางร่างกายในส่วนต่าง ๆ สามารถเพลิดเพลินกับเกมนี้ได้อย่างไม่มีอุปสรรค ซึ่งมีทั้งโหมดที่ปรับภาพให้เหมาะกับผู้ที่มีภาวะตาบอดสี หรือฟีเจอร์การแสดงผลสำหรับผู้ที่ปัญหาด้านการได้ยิน หรือฟีเจอร์การอ่านเมนูต่าง ๆ แบบออกเสียงสำหรับผู้ที่พิการทางสายตา เป็นต้น
สรุป
ว่ากันตามตรง Days Gone Remastered จะให้ความคุ้มค่ากับผู้เล่นสูงสุดถ้าคุณแตะเวอร์ชั่นนี้เป็นเวอร์ชั่นแรกครับ คือโดดเข้ามาเล่นปุ๊บ นอกเหนือจากโหมดเนื้อเรื่องแล้ว ใครที่อยากได้ความท้าทายก็มีโหมด Horde Assault หรือโหมดชาเลนจ์อื่นยิบย่อยให้เพิ่มความระทึกส่วนตัว และถ้าใครมี PS5 Pro อยู่แล้วก็ยิ่งคุ้มไปอีก เพราะมีโหมดการแสดงผลที่เราจะได้ภาพ 4K (อัปสเกล) และเฟรมเรต 60 FPS แบบไม่ต้องพะวงว่าจะร่วงให้เห็นไปตลอดทั้งเกม แต่ถ้าใครเคยเล่นตัวออริจินัลมาก่อนแล้ว ก็พิจารณาเฉพาะโหมดพิเศษกับโหมดการแสดงผลแล้วชั่งใจครับว่าการเพิ่มเงินประมาณ 400 บาทกับสิ่งเหล่านี้จะตอบโจทย์คุณหรือไม่
คะแนน 8/10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station