ไมโครซอฟท์เผยรหัส'วินโดว์ส ซีอี'

แชร์เรื่องนี้:
ไมโครซอฟท์เผยรหัส'วินโดว์ส ซีอี'
ยักษ์ใหญ่วงการซอฟต์แวร์โลก เปิดทางผู้ผลิต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ได้โดยอิสระ ออกประกาศ ยอมให้พันธมิตรปรับแต่งรหัส (โค้ด) ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ซีอี เวอร์ชั่นล่าสุด ได้เป็นครั้งแรก โดยไม่ต้องแบ่งปันข้อมูล กับทางบริษัท สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ป. ประกาศให้ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดัดแปลงโค้ดของระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ซีอี 5.0 เวอร์ชั่นล่าสุด และวางจำหน่ายสินค้าที่ใช้โปรแกรมเวอร์ชั่นดัดแปลงนี้ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากทางบริษัทนายหยา-ชิน จาง รองประธานแผนกอุปกรณ์เคลื่อนที่และฝังตัวของไมโครซอฟท์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเปิดเผยซอร์สโค้ดของระบบปฏิบัติการใหม่ตัวนี้ ให้กับพันธมิตรและผู้ได้รับใบอนุญาตทั้งหมดได้ราว 60-70% 'นับเป็นครั้งแรกที่ทางเราเปิดซอร์สโค้ดให้ทุกคนดู' นายจาง กล่าวนักวิเคราะห์ ตั้งข้อสังเกตว่า ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ ต้องการสร้างความพอใจให้กับลูกค้าที่ใช้ซอฟต์แวร์วินโดว์ส ซีอี ในการผลิตเครื่องเบิกถอนเงินอัตโนมัติไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ และมีขึ้นในช่วงที่ระบบปฏิบัติการลินิกซ์กำลังได้รับการตอบรับจากผู้ใช้ทั่วโลก โดยลินิกซ์นั้น สามารถแบ่งปัน ทำซ้ำ และดัดแปลงได้โดยอิสระ ทั้งยังสามารถรันบนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้เกือบทุกชนิดขณะที่ ไมโครซอฟท์ในปัจจุบัน ยอมให้พันธมิตรพิเศษ รัฐบาล และสถาบันการศึกษาเท่านั้น สามารถดูซอร์สโค้ดที่ได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาได้ แต่พิมพ์เขียวของระบบปฏิบัติการวินโดว์ส ซีอี 5.0 ซึ่งจะเปิดตัวในวันที่ 9 ก.ค. นี้นั้น จะเปิดให้ทุกคนเข้าไปดูซอร์สโค้ดได้เป็นครั้งแรกตัวแทนไมโครซอฟท์ อธิบายเพิ่มเติมว่า นักพัฒนาต้องจ่ายค่าไลเซ่น 3 ดอลลาร์สำหรับ 1ก๊อบปี้ของวินโดว์ส ซีอี จึงจะเริ่มเปลี่ยนแปลงโค้ดที่ว่านี้ได้ ส่วนผู้ผลิต จะจ่ายค่าธรรมเนียมก็ต่อเมื่อวางจำหน่ายสินค้าในตลาดแล้ว เทียบกับระบบปฏิบัติการลินิกซ์ ซึ่งไม่ต้องจ่ายค่าไลเซ่น แต่การปรับปรุงดัดแปลงโค้ด ต้องเปิดเผยให้ชุมชนนักพัฒนาได้ดูและแก้ไขได้ในวันเดียวกันนี้ นายบิล เกตส์ ประธานบริษัทไมโครซอฟท์ ได้ประกาศว่า ทางบริษัทจะใช้เงินราว 28 ล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ใหม่ 23 แห่ง เพื่อให้ความรู้ชาวออสเตรเลียเกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอัลลิมิเต็ด โพเทนเชียล ซึ่งจะใช้เงินราว 1,000 ล้านดอลลาร์ทั่วโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อลดช่องว่างระหว่างผู้ที่มีและไม่มีความรู้เรื่องคอมพิวเตอร์
แชร์เรื่องนี้:

เรื่องที่คุณอาจสนใจ