[รีวิวเกม] Starfield ล่องนาวาทะยานกาลอวกาศสู่อีกหนึ่ง RPG แห่งปี

หากจะถามว่าในปีนี้ทาง Microsoft คาดหวังกับเกมใดของตนมากที่สุด คิดว่าราวๆ 9 ใน 10 ของผู้ตอบน่าจะปิดตาแล้วชี้ไปที่ผลงานล่าสุดของ Bethesda Game Studios อย่าง Starfield กันพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมายแน่ๆ ครับ เพราะมันไม่ใช่แค่เป็นเกมฟอร์มใหญ่ แต่นี่คือผลงาน IP ใหม่ในรอบหลายปีของพวกเขาอีกต่างหาก ทั้งยังพัฒนานมนานและโปรโมตหนักจนโดนผู้เล่นบางส่วนค่อนขอดแกมตั้งคำถามว่าพวกเขาอาจจะทำไม่ได้อย่างที่โม้ไว้ในเกมตัวเต็ม

ในฐานะคนที่เล่นมาแล้วผมก็บอกเลยว่ายังไม่รู้เหมือนกันว่า Bethesda Game Studios ทำได้หรือไม่ คำถามข้างต้นมันเหมือนคำถามที่ถูกถามออกไปในอวกาศที่ทั้งกว้างใหญ่และเร้นลับ ผมไม่อาจทราบได้ว่าความคาดหวังของแต่ละคนที่มีต่อเกมนี้นั้นอยู่ในระดับไหน แต่การที่เล่นมาร่วมๆ 50 ชั่วโมง แล้วยังรู้สึกว่าอวกาศในเกมยังคงกว้างใหญ่และมีอะไรให้ไปค้นพบอีกมากมาย ผมก็ถือว่าเกมนี้สอบผ่านความคาดหวังส่วนตัวของผมแล้ว แม้ยังไม่แน่ใจว่ามันจะถึงขนาดได้รางวัลอะไรปลายปีหรือไม่ แต่ในเรื่องที่สามารถรับรู้ได้เพียงน้อยนิด ผมสามารถบอกได้ว่า Starfield คืออีกหนึ่งเกมที่ยอดเยี่ยมและควรค่าต่อการเล่นในปีนี้และอีกหลายๆ ปีอย่างไม่ต้องสงสัย

Starfield

เนื้อเรื่อง

แม้อวกาศจะกว้างใหญ่ให้สำรวจ แต่หากทะเลดารานั้นขาดไร้ซึ่งเรื่องราวที่น่าจดจำมันก็คงไม่มีใครพยายามจะออกไปสำรวจความเร้นลับขนาดนั้น สำหรับผมสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับ Starfield และเป็นสิ่งที่ Bethesda Game Studios ทำได้ดีเสมอมาก็คือเรื่องราวครับ ไม่ว่าจะน้อยใหญ่ทางค่ายก็สามารถถักทอให้เป็นผืนเดียวกัน และมีผลของการเลือกกระทำสิ่งนั้นๆ ตามมาอย่างชัดเจน

ความใหญ่โตที่เกมพยายามพูดถึงหรือเชิดชูนั้นมักจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆ ที่หลายๆ คนอาจมองข้าม เควสต์ไลน์ที่ลงเอยด้วยการมอบค่าตอบแทนและผลกระทบต่อเรื่องราวอย่างมหาศาลอาจมาจากการที่คุณแค่เดินผ่านสถานที่หนึ่งหรือแค่กำลังวิ่งไปซื้อกาแฟให้ใครสักคนก็เป็นได้ แต่ละเควสต์ไลน์มักมีการไล่ระดับสเกลความใหญ่ยักษ์และการขยายเนื้อเรื่องอย่างมีชั้นเชิงและน่าติดตามในแบบของมันเอง

เช่นเดียวกับเนื้อเรื่องหลักที่ปูมาหลวมๆ ว่าผู้เล่นเคยเป็นแค่คนงานเหมืองที่เผลอไปสัมผัสอาร์ติแฟ็กจนต้องเข้าทีมนักสำรวจ Constellations ในการออกตามหาความลับจักรวาล ที่แม้จะมีเรื่องราวใหญ่โตรออยู่เบื้องหน้า แต่ระหว่างทางคุณจะไปสร้างเรื่องราวในอีกด้านหรือไปเป็นอะไรก็ได้ไม่ว่ากัน ไม่ว่าจะสลัดอวกาศ หน่วยป้องกันเมือง จารชนของบริษัท Tech ยักษ์ใหญ่ในสงครามการค้า สายลับ ฯลฯ สารพัดสารพันเรื่องราวให้คุณได้สรรค์สร้าง และมันยังถูกบอกเล่าได้ดีเอามากๆ ในแทบทุกกระบวนความทั้งการเดินเควสต์หรือบทสนทนาที่ขึ้นกับสถานการณ์และ Perk ประจำตัวตามแนวถนัดของทาง Bethesda เอง

เรียกว่านิยามของคำว่า “นักสำรวจ” ไม่ว่าจะสำรวจอวกาศหรือสำรวจตัวเอง ในจักรวาลของ Starfiled คุณสามารถสร้างเรื่องราวในแบบฉบับเฉพาะตัวคุณเองได้เลยครับ

เสียง

Starfield อาจเป็นเกมที่ค่อนข้างมีโจทย์ท้าทายในเรื่องของเสียง ด้วยความที่การออกแบบดาวแต่ละดวงจะไม่เหมือนกัน พวก Ambient จึงต้องหลากหลายอย่างมาก รวมไปถึงเสียงเครื่องยนต์ของยานอวกาศ และเสียงของอาวุธต่างๆ ที่ทำออกมาได้อย่างยาดเยี่ยมและหลากหลายมากพอ บางเควสต์ที่ธีมไม่เหมือนกันก็จะใช้ซาวด์และเพลงประกอบที่ต่างกันอย่างชัดเจน บางเควสต์ที่ทีมพัฒนาต้องการให้หลอนก็มีการสร้างบรรยากาศที่เอาเรื่องเลย พวกการขยับเล็กๆ น้อยๆ หรือแค่ตัวละครเตะกระป๋องก็เก็บหมด เรียกว่าเนียนกริ๊บและเบาใจกันได้

Starfield

กราฟิก

แม้อาจไม่ถึงกับเป็นที่สุดแต่ก็อยู่ในระดับแถวหน้าแน่นอนครับสำหรับ Starfield งานภาพมีความโอ่อ่าหรูหรา แต่เท็กเจอร์ก็เก็บรายละเอียดได้เนียนทีเดียว อาจมีพวกเรื่องของต้นไม้หรือพืชพรรณที่แค่รู้สึกว่าขาดไร้ชีวิตไปสักนิด แต่โมเดลตัวละครหลัก ยานอวกาศ หรือยุทโธปกรณ์ต่างๆ ต้องบอกว่าละเอียดจัดๆ คือกดเข้าโฟโต้โหมดแล้วซูมปืนไปอ่านคำเตือนตัวเล็กๆ ก็ยังเห็นได้ชัดๆ แบบไม่ต้องเพ่งอะไร

เรื่องเอฟเฟกต์ไฟหรือการระเบิดก็หายห่วงสามารถทำได้ตามมาตรฐานเกมยุคสมัยนี้ โดยเฉพาะการรบในอวกาศที่เกมสามารถให้ภาพที่งดงามและตูมตามได้ในเวลาเดียวกัน มันมีความวิจิตรในแบบของมัน ยิ่งเห็นยานที่เรามีส่วนร่วมในการบิลด์มันขึ้นมาเข้าโรมรันกับศัตรูท่ามกลางหมู่ดาวและซากขยะอวกาศมันก็ฟินเอามากๆ เลยครับ

แต่ขึ้นชื่อว่า Bethesda จะไม่มีบั๊คในส่วนของกราฟิกก็คงไม่ใช่ แม้อาจไม่ได้ถึงขนาดเกมพังอะไร แต่ก็ชวนให้หงุดหงิดอยู่บ้าง เช่นการยืนขวางประตูของตัวละคร NPC ระบบค้นหาเส้นทางของ NPC ที่มีปัญหาอยู่บ้าง หรือการที่ NPC เดินไปเรื่อยๆ จนแทบลับตาทั้งๆ ที่เรากดคุยกับมันอยู่ นับรวมไปถึงฟิสิกส์ที่แปลกๆ ในบางจุด การไม่ยอมโหลดเท็กซ์เจอร์ในบางครั้งจนต้องออกเกมเข้าใหม่ รวมไปถึง NPC ตัวประกอบหน้าซ้ำๆ และมีรายละเอียดการแสดงผลที่ด้อยกว่าตัวละครหลักๆ ชัดเจน

และเพราะเกมเน้นความกว้างทำให้ช่วงหลังๆ ก็จะเจอการออกแบบสถานที่ยิบย่อยรายทางแบบซ้ำๆ เหมือนมาแพทเทิร์นเดียวกัน เปลี่ยนแค่สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ เล่นเอาความอินหายไปพอสมควรเหมือนกันครับ (ขอบคุณเนื้อเรื่องสุดตึงที่ยังดึงเราไว้ได้) ขณะที่พวกสถานที่หลักๆ หรือเมืองใหญ่ๆ ก็ไม่ต้องห่วงมากนักเพราะได้รับความใส่ใจแบบคนละโยชน์กันเลยทีเดียว

อ้อ! บั๊กที่แรงที่สุดที่เจอคือได้ยานมาใหม่แล้วมันมีส่วนที่สามารถเอาอาวุธมาแขวนบน Rack เพื่อเก็บและโชว์ได้ (คนละส่วนกับ Storage) เลยเอาพวกอาวุธสวยๆ แต่ยังไม่ใช้มาแขวนไว้ ทีนี้พอเล่นๆ ไปถึงช่วงที่ตามเนื้อเรื่องแล้วจะได้ยานมาใหม่ลำหนึ่ง ปรากฎว่าพอกลับไปดูยานลำเก่าของที่แขวนไว้คือหายหมดเลย (แต่ของใน Storage จะโอนตามยานมา) จุดนี้สายตกแต่งยานคงมีร้องกันบ้างถ้าของมันจะหายง่ายขนาดนี้ ได้แต่หวังว่าตัวเกมขายจริงจะมี Day 1 Patch เพื่อแก้ในส่วนนี้นะครับ

Starfield

เกมเพลย์

หัวข้อที่ต้องพูดกันยาวหน่อยเพราะแม้ Starfield อาจไม่ใช่เกมที่เข้าถึงได้ยากขนาดนั้นแต่มันก็อาจไม่ใช่เกมของทุกคนอยู่ดี และส่วนตัวแล้วรู้สึกว่ามันเป็นขั้นกว่าของซีรีส์ The Elder Scrolls ด้วยซ้ำไป

เริ่มจากการที่มันเป็นเกมที่ชัดเจนว่าไม่เร่งร้อนใดๆ และสโลว์เบิร์นเอามากๆ ไม่ใช่เกมที่พร้อมจะเหยียบคันเริ่งและเข้าเรื่อง ผู้เล่นจะได้รับการอบรมแค่ขั้นพื้นฐานก่อนถูกโยนลงไปในจักรวาลกว้างใหญ่ “ที่ผู้เล่นต้องไปสำรวจและค้นหาเนื้อเรื่องในแบบของตัวเอง” ประสบการณ์ของแต่ละคนจะขึ้นอยู่กับว่าได้พาตัวละครไปเจออะไรมาบ้าง อัปสกิลอะไร มี Perk แบบไหน หรือเลือกกระทำการแบบใด และอย่างที่อธิบายไปว่าในการจะเริ่มเควสต์ไลน์อันใดอันหนึ่งก็มักจะเริ่มจากเล็กๆ ค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่จับคุณโยนไปใจกลางปัญหาแล้วค่อยมาบอกว่า “แก้มันให้ทีดี๊” ดังนั้นแล้วถ้าการเล่นเกมของคุณมันค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆ ซึมซับไปจะเป็นการดีกว่า

นอกจากนี้ Starfield ยังเป็นเกมที่มีเกมเพลย์แบบ “เอาเยอะ” แทบจะครอบจักรวาล และในภาพรวมตัวเกมสามารถทำออกมาได้น่าพอใจในแทบทุกด้าน คือมันก็ดีไม่เท่ากันหรอกแต่ผมก็ถือว่าสอบผ่าน ระดับความดีงามก็คละกันไป อาจจะยกตัวอย่างมาสัก 2 ด้านที่ค่อนข้างชัดหน่อยคือช่วง Gunplay และความเป็น Spacesim

ในส่วนของ Gunplay นั้นจะมากจะน้อยก็ขึ้นกับวิธีเล่น แต่ก็น่าจะได้เจอมันบ่อยๆ ในส่วนนี้ผมรู้สึกว่าในแง่ของความเป็นเรีบลไทม์แอคชั่นก็ทำได้ดี ยิงสนุกเลย ปืนก็หลากหลาย ผมพกทีละ 8-10 กระบอกเพราะใช้กระสุนกันคนละแบบแถมปืนยังมีทั้งแบบธรรมดาและติด Mod เฉาะทางสำหรับกำจัดกับศัตรูหลากหลายรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ถึงอย่างนั้นก็มีสิ่งที่ลดทอนความสนุกอยู่ก็คือการเคลื่อนไหวของ AI ศัตรูที่บางครั้งก็เพี้ยนจนกู่ไม่กลับหรือติดบั๊คยืนเฉยๆ ให้ยิงอยู่บ่อยๆ เข้าใจว่าพยายามออกแบบให้มันเคลื่อนที่เยอะๆ เพื่อตีโอบผู้เล่น แต่หลายครั้งก็วิ่งมั่วไปหน่อยเลยรู้สึกว่ายังสะใจไม่สุดแปลกๆ

ขณะที่ในด้านของ Spacesim หรือการเดินทางในอวกาศนั้น แม้ในส่วนของการสร้างและขับขี่หรือสู้รบของยานจะทำออกมาได้เยี่ยมกู๊ด แต่การเดินทางอาจเป็นที่ถกเถียงกันไม่น้อยเพราะต้องยอมรับว่าความเป็นเกมใหญ่ของ Starfield นั้นทำให้ถูกเปรียบเทียบเยอะว่าจะให้ประสบการณ์ที่ดีกว่าเกมที่เล็กกว่าแต่คล้ายๆ กันได้ขนาดไหน

บอกก่อนว่าผมเองไม่ติดในสิ่งที่เกมเลือกและเป็นเพราะมันค่อนข้างเข้ามือพอสมควร แต่ผมเข้าใจว่าหลายๆ คนอาจจะคาดหวังประสบการณ์อวกาศไร้รอยต่อ ต้องการความ Seamless จากเกมทุนสร้างขนาดนี้ในยุคนี้ อยากเห็นยานที่เทคออฟจากผืนดินทะยานผ่านชั้นบรรยากาศและออกอวกาศก่อนเปิดเร่งเครื่องเพื่อไปยังดาวที่อยู่ถัดไป

ซึ่งถ้าคุณต้องการแบบนี้ก็อาจเป็น 1 ในข้อผิดหวังใหญ่ๆ ของคุณก็ได้ครับ เพราะ Starfield ไม่ใช่เกมที่ไร้รอยต่อขนาดนั้น มีการเข้าหน้าจอโหลดฉากอยู่บ่อยๆ เช่นการเทคออฟเครื่องก็จะโหลดฉาก แลนดิ้งก็จะโหลดฉาก ดอคกิ้งกับสถานีอวกาศก็โหลดเหมือนกัน ดังนั้นแล้วในแง่นี้มันอาจจะยังไม่สามารถตอบรับความคาดหวังของหลายๆ คนได้

Starfield

สรุป

แม้จะเขียนมาอย่างยืดยาวแต่มีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึง และคงไม่อาจสาธยายได้หมดเพราะเกมมันใหญ่มากๆ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไรนักครับ ขนาดผู้พัฒนายังออกมาบอกเองว่าถึงจะเล่นเนื้อเรื่องหลักจนจบแล้วผู้เล่นอาจจะยังรู้สึกว่าการผจญภัยที่แท้จริงมันเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น เพราะในการเดินทางไปพื้นที่ใหม่ๆ ของ Starfield คุณอาจจะได้พบเจอกับเรื่องราวที่คาดไม่ถึง ศัตรูที่ไม่คาดคิดและมวลมิตรที่ไม่คาดฝัน ซึ่งรอคุณอยู่

อีกทั้งอย่าลืมว่านี่คือเกมของ Bethesda ที่หมายความว่ามันอาจจะมี DLC หรือ Mod ที่จะช่วยเสริมเรื่องราวของจักรวาลอันกว้างใหญ่ถูกเติมเข้ามาอีกมายในอนาคตให้ผู้เล่นได้พบเจอกับการผจญภัยในแบบของตัวเองที่ยูนีคและไม่คาดฝันขึ้นไปอีกระดับ และมันอาจเป็นการเดินทางที่ยาวนานจนไม่รู้จบ

ถ้าหากคุณพร้อมจะให้เวลาและสามารถออกสำรวจเพื่อค้นหาซึมซับกับเรื่องราวเหล่านั้นได้อย่างไม่เร่งร้อน ดื่มด่ำกับทุกห้วงปีแสงที่ผ่านเข้ามาและลาจากไป

จักรวาลของ Starfield ก็พร้อมและใหญ่โตพอให้นักสำรวจทุกคนเดินทางไปรู้จักกับมันอย่างติดพันไปอีกหลายสิบหลายร้อยชั่วโมงแล้วครับ

VERDICT

9/10

Starfield มีกำหนดวางจำหน่ายบน Xbox Series และ PC วันที่ 6 กันยายนนี้ครับ


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้