10 เกม Open World น่าเล่น บน PC ปี 2023 เล่นสนุกจนดูดวิญญาณ

แนวเกมที่ได้รับความนิยามมากที่สุดแนวหนึ่งในปัจจุบันคงหนีไม่พ้นเกมโลกเปิดหรือก็คือเกม Open World นั่นเอง เกมแนวนี้จะเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ผจญภัยและสำรวจพื้นที่อันกว้างใหญ่ได้อย่างอิสระตามใจผู้เล่น และด้วยความใหญ่ของเกมแนวนี้ ไม่แปลกใจเลยถ้าตัวเกมจะมีหลายอย่างให้ผู้เล่นได้ทำเยอะมาก จนใครหลายๆ คนต่างตั้งฉายาให้เกมแนวนี้ว่าเป็น “เกมดูดวิญญาณ” กดเข้าไปเล่นทีนึงก็ไหลยาวกันได้หลายชั่วโมง วันนี้เราจึงขอแนะนำ 10 เกม Open World บน PC / PS4 / PS5 / Xbox และ Console ต่าง ๆ คุณภาพเยี่ยมที่เล่นสนุกจนลืมเวลา จะมีเกมอะไรบ้าง ติดตามอ่านกันได้เลย

1. Red Dead Redemption 2 (2018)

แนว: แอคชั่น / ผจญภัย / ดราม่า
แพลทฟอร์ม: PC / Playstation 4 / Xbox One / Stadia

เมื่อพูดถึงเกม Open World คุณภาพเยี่ยม เป็นไปไม่ได้เลยที่จะขาดชื่อของ Red Dead Redemption 2 ไป เกมนี้มีฉากหลังอยู่ในปี 1899 ยุคสมัยที่อเมริกาเริ่มจะกลายเป็นแดนกฏหมายโดยสมบูรณ์ ทำให้แก๊งคนนอกกฏหมาย (outlaw) ถูกทางการตามล่าและกำจัดทิ้งจนเหลืออยู่เพียงไม่กี่แก๊งเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือแก๊ง Van der Linde ซึ่งตอนนี้กำลังหนีหัวซุกซนจากการตามล่าและเอาชีวิตรอดไปวันๆ เราจะได้สวมบทบาทเป็น “อาเทอร์ มอรฺแกน” (Arthur Morgan) หนึ่งในสมาชิกคนสำคัญของแก๊ง

ต้องบอกเลยว่านี่คือเกม Open World ที่สร้างออกมาได้สมบูรณ์แบบที่สุดเกมนึงเลยก็ว่าได้ นอกจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้น ครบรสชาติ และตราตรึงจนน่าจดจำแล้ว โลกของเกมยังเอ่อล้นไปด้วยความมีชีวิตชีวาและรายละเอียดต่างๆ ที่สมจริงจนอยากคารวะความสามารถของผู้พัฒนา อีกทั้งตัวเกมมีอะไรหลายอย่างนับไม่ถ้วนให้ผู้เล่นได้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินสำรวจแมพอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปสิ่งต่างๆ รอให้ผู้เล่นไปค้นหา การทำภารกิจรองที่มีให้เล่นเกือบ 100 เควส การล่าสัตว์ การปล้น หรือแม้แต่การขี่ม้าชมวิวบนท้องทุ่งอันสวยงาม ถ้าคุณกำลังหาเกมที่ยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบและเล่นได้สนุกจนลืมเวลา คุณห้ามข้ามเกมนี้โดยเด็ดขาด

2. Far Cry 5 (2018)

แนว: แอคชั่น / ผจญภัย
แพลทฟอร์ม: PC / Playstation 4 / Xbox One

แฟรนไชส์เกมชูตติ้ง Open World ชื่อดังที่อยู่คู่กับเกมเมอร์มานานเกือบ 20 ปี มาในภาคนี้ตัวเกมมีฉากหลังอยู่ในเมืองชนบทแถบมอนทาน่าชื่อว่า Hope County ซึ่งกำลังถูกระรานจาก “Eden’s Gate” ลัทธิคลั่งศาสนาหัวรุนแรง โดยเราจะได้รับบทเป็นผู้ช่วยนายอำเภอหน้าใหม่ที่ได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจจับกุมตัว “โจเซฟ ซี้ด” (Joseph Seed) หัวหน้าลัทธิ Eden’s Gate

Far Cry เป็นแฟรนไชส์ที่ขึ้นชื่อเรื่องดูดเวลาอยู่แล้ว เอาแค่ทำภารกิจไปยึดป้อมศัตรูตามแมพก็หมดเวลาไปได้หลายชั่วโมง มาในภาคนี้ตัวเกมก็ทำเกมเพลย์ออกมาได้สนุกมากๆ ระบบการยิงที่เร้าใจ อาวุธที่มีให้เลือกมากมาย ศัตรูที่ท้าทาย และภารกิจที่หลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจ ใครที่อยากเล่นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่ง Open World ที่เล่นได้เพลิน เนื้อเรื่องน่าติดตาม แถมยังภาพสวย เราขอแนะนำเกมนี้เลย

3. Cyberpunk 2077 (2020)

แนว: ดิสโทเปีย / แอคชั่น / ผจญภัย
แพลทฟอร์ม: PC / PlayStation 4 / PlayStation 5 / Xbox One / Xbox Series XlS / Stadia

Cyberpunk 2077 เป็นเกมสวมบทบาทแนวแอคชั่นผจญภัยแบบโลกเปิดดำเนินเรื่องในมหานครไนท์ซิตี้ (Night City) เมืองที่ขับเคลื่อนไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยแต่กลับเต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำ อาชญากรรม และความรุนแรงระหว่างแก๊ง คุณจะได้รับบทเป็น “วี” (V) ทหารรับจ้างที่เจอเหตุการณ์บางอย่างจนทำให้เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะมีชีวิตรอดในมหานครนี้

ถึงแม้เกมนี้จะเปิดตัวแบบล้มไม่เป็นท่าไปเมื่อตอนปี 2020 แต่ ณ ตอนนี้หลังจากผ่านไปเกือบ 3 ปี ถึงตัวเกมจะยังมีบั๊กอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ภาพรวมทั้งหมดของเกมก็ได้รับการขัดเกลาและปรังปรุงจนอยู่ในจุดที่สามารถมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับผู้เล่นตามที่สมควรแล้ว เกมเพลย์ทำออกมาได้สนุกและหลากหลาย มีอาวุธและสายการเล่นต่างๆ ที่ผู้เล่นสามารถเลือกพลิกแพลงใช้ได้ตามสถานการณ์ การทำเควสเก็บเวลก็เพลินดูดเวลาใช้ได้ ในส่วนของเนื้อเรื่อง ช่วงแรกจะใช้เวลาในการปูเรื่องราวจักรวาล Cyberpunk เสียส่วนใหญ่ แต่หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่แล้ว เนื้อเรื่องก็จะเริ่มเข้มข้นและน่าติดตามจนหยุดเล่นไม่ได้เลย

4. Death Stranding (2019)

แนว: ดิสโทเปีย / แอคชั่น / ดราม่า
แพลทฟอร์ม: PC / PlayStation 4 / PlayStation 5 / Xbox One / Xbox Series XlS / Stadia

โลกที่ล่มสลายหลังจากเกิดภัยพิบัติที่เรียกว่า “Death Stranding” ทำให้โลกของคนตายถูกหลอมรวมเข้ากับโลกคนเป็น โดยคนตายได้กลับมาในรูปแบบของวิญญาณสสารที่เรียกว่า “BT” หรือ “Beach Things” และเมื่อ BT สัมผัสกับมนุษย์ที่มีชีวิต การระเบิดครั้งใหญ่หรือที่เรียกกันว่า “Voidout” จะเกิดขึ้น ผลกระทบจากภัยพิบัตินี้ทำให้โลกถูกระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะไม่เหลือสภาพเดิม มนุษย์อยู่ในจุดที่ใกล้จะศูนย์พันธุ์และใช้ชีวิตอาศัยอยู่ใต้ดิน เกมจะให้เรารับบทเป็น “แซม” (Sam) นักส่งพัสดุที่ได้รับการขนานนามว่ามีฝีมือมากที่สุดคนหนึ่ง โดยเราได้รับภารกิจจากแม่บุญธรรม ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของอเมเริกา ให้ไปตามหาพี่สาวบุญธรรมและช่วยเธอในการเชื่อมต่อผู้คนจากที่ต่างๆ เพื่อสร้างอเมริกาขึ้นมาอีกครั้ง

แทบจะ 80% ของเกมนี้เราจะได้วนเวียนอยู่กับการส่งของ แต่การส่งของนั้นก็ไม่ใช่การเดินส่งของธรรมดาๆ แต่ผู้เล่นจะได้ใช้ความคิดในการวางแผนการเดินทางเพราะว่าแมพในเกม จะมีทั้งพื้นที่ลาดชัน ภูเขาสูง แหล่งรวมตัวของ BT และโจรที่ตั้งแคมป์อยู่ตามบริเวณต่างๆ ทั้งหมดที่ว่ามานี้ล้วนเป็นอุปสรรคที่ท้าทายเราอยู่เสมอตลอดการเล่น และมันเพลินมากๆ เพลินแบบบอกไม่ถูก ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำว่า “จะล้ำไปไหน” ใครที่อยากลองเล่นเกม Open World ที่เสนอเกมการเล่นแบบใหม่และมีเนื้อเรื่องคุณภาพระดับเทพ เราแนะนำเกมนี้เลย

5. Marvel’s Spider-Man Remastered (2022)

แนว: ซูเปอร์ฮีโร่ / แอคชั่น
แพลทฟอร์ม: PC / PS4 / PS5

ในเกมนี้คุณจะได้สวมบทบาทเป็น “สไปเดอร์แมน” หรือก็คือ “ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์” นั่นเอง โดยปีเตอร์ในเกมนี้มีประสบการณ์กับการต่อกรกับเหล่าร้ายมาเป็นเวลากว่า 8 ปีแล้ว และเขาในตอนนี้กำลังทำงานอยู่ในแล็บกับ “ดอกเตอร์ ออตโต ออกเทเวียส”

เกมนี้จะเปิดโอกาสให้คุณได้โลดโผนโจนทะยานในมหานครนิวยอร์ก ต่อสู้กับอาชญากรและปกป้องผู้คนจากภัยอันตรายต่างๆ ตัวเกมมีหลายสิ่งหลายอย่างให้เราทำเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเควสรองที่มีเรื่องราวที่น่าสนใจของมันเอง การไล่เปิดเสาส่งสัญญาณให้ครบทั้งหมด การไปกำจัดรังโจรตามเขตต่างๆ หรือการเก็บของสะสมของปีเตอร์ตามแมพ สิ่งที่น่าชื่นชมคือ กิจกรรมทั้งหลายในเกมมันไม่ได้มีดีแค่ปริมาณ แต่มันยังมีคุณภาพด้วย ทำให้ผู้เล่นอย่างเราสนุกกับมันแบบไม่เบื่อตั้งแต่ต้นจนจบเกม ในส่วนของเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้ดีมาก สาธยายให้เราได้เห็นชีวิตของหนุ่มจบใหม่คนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตทั้งในฐานะคนทำงานและฮีโร่ มันเป็นเกมที่เล่าเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างเรียบง่ายแต่ก็ทรงพลัง พาให้เราได้สนุก อมยิ้ม หัวเราะ ซึ้ง และร้องไห้กับมันได้

6. State of Decay 2 (2018)

แนว: ซอมบี้ / เอาตัวรอด / แอคชั่น / ผจญภัย
แพลทฟอร์ม: PC / Xbox One / Xbox Series XlS

เนื้อเรื่องเกมนี้ก็ไม่มีอะไรมาก คุณจะได้รับบทเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตที่ต้องหาเอาตัวรอดท่ามกลางโลกที่เต็มไปด้วยฝูงผีดิบ สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในเกมนี้ก็คือเกมเพลย์ ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศการเอาชีวิตรอดแบบในซีรี่ส์ The Walking Dead คุณจะอินกับเกมการเล่นของ State of Decay 2 มากๆ เพราะคุณจะได้ทำแบบนั้นเหมือนในซีรี่ส์เลย ไล่ไปตั้งแต่การหาเสบียง การวิ่งหนีฝูงผีดิบ การย่องเบาเข้าเมืองแบบเงียบๆ การเผชิญหน้ากับผู้รอดชีวิต และการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ในชุมชนของตัวเอง คุณจะได้ทำทุกอย่างที่ว่ามานี้ทั้งหมด และมันเป็นประสบการณ์ที่สนุกเอาเรื่องเลย ศัตรูในเกมก็จะมีหลายประเภท แต่ละตัวก็จะมีความโหดแตกต่างกัน ทำให้เราต้องรู้จักจำจุดอ่อนและวิธีการรับมือกับศัตรูแต่ละประเภท บอกเลยว่าใครที่อินกับหนังหรือซีรี่ส์ซอมบี้ไม่ควรพลาดเกมนี้เลย

7. Elder Scrolls 5: Skyrim (2011)

แนว: แอคชั่น / แฟนตาซี
แพลทฟอร์ม: PC / PlayStation 3 / PlayStation 4 / PlayStation 5 / Xbox 360 / Xbox One / Xbox Series XlS / Nintendo Switch

ว่าด้วยเรื่องราวของ “Dragonborn” หรือในภาษามังกรคือ “Dovahkiin” ผู้ที่ต้องออกผจญภัยเพื่อตามปลิดชีพ “Alduin the World-Eater” มังกรที่ถูกทำนายว่าจะทำลายล้างโลก ถึงแม้เกมนี้จะมีอายุปาไปกว่า 12 ปีแล้ว แต่ Elder Scrolls 5: Skyrim ก็ยังเป็นเกมอมตะนิรันดร์กาลที่หยิบมาเล่นตอนนี้ก็ยังสนุกไม่ต่างจากเมื่อสิบปีก่อน เกมนี้จะทำให้คุณได้ “ผจญภัย” จริงๆ ในระหว่างการเดินทางทำภารกิจหรือสำรวจโลกอันกว้างใหญ่ ตัวเกมจะทำการเซอร์ไพรส์ผู้เล่นด้วยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เราไม่คาดคิด ซึ่งหลายเหตุการณ์ที่เจอก็อาจจะนำเราไปสู่การทำภารกิจที่ใหญ่ยิ่งได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ระบบ RPG ของตัวเกมก็ยังช่วยสร้างความติดพันให้เรามากยิ่งขึ้นอีก ใครที่หลงรักการผจญภัยในโลกแฟนตาซีไม่ควรพลาดเกมนี้เลย

8. The Witcher 3: Wild Hunt (2015)

แนว: แอคชั่น / แฟนตาซี
แพลทฟอร์ม: PC / PlayStation 4 / PlayStation 5 / Xbox One / Xbox Series XlS / Nintendo Switch

ตัวเกมบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของ “เกรัลต์แห่งริเวีย” (Geralt of Rivia) ที่ต้องออกตามหาลูกสาวบุญธรรมของตนซึ่งถูกภูติพรายไวลด์ฮันต์ (Wild Hunt) จับตัวไป ก่อกำเนิดเป็นการมหากาพย์ผจญภัยที่มีชีวิตของลูกสาวเป็นเดิมพัน

The Witcher 3: Wild Hunt เป็นหนึ่งในเกม Action-RPG ที่ดีที่สุดตลอดกาล รังสรรค์เรื่องราวที่มีครบทุกรสชาติ น่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง เกมเพลย์ก็ทำออกมาได้สนุกเร้าใจและท้าทายตั้งแต่ต้นต้นจนจบ และด้วยความที่ตัวเกมมันเต็มไปเควสคุณภาพเยี่ยมต่างๆ นาๆ ให้เราทำแบบนับไม่ถ้วน การออกเดินทางแต่ละครั้งมักไม่จบด้วยการทำเควสเดียว บางทีเราแค่กะจะไปทำอะไรซักอย่างในพื้นที่นึง แต่พอเราทำเควสตรงนั้นเสร็จแล้วมันดันมีเควสอื่นมาล่อตาล่อใจอยู่ในบริเวณใกล้ๆ นั้นด้วย ทำให้เกมนี้เป็นเกมที่ดูดวิญญาณมาก กดเข้าเกมแต่ละทีคือเสียเวลาได้หลายชั่วโมง

9. Ghost of Tsushima (2020)

แนว: แอคชั่น / ผจญภัย
แพลทฟอร์ม: PlayStation 4 / PlayStation 5

เรื่องราวของ “จิน” ชายหนุ่มผู้ได้รับการฝึกฝนตามวิถีทางแห่งซามูไรตั้งแต่เด็ก ทว่าเมื่อกองทัพซามูไรพ่ายแพ้ต่อทัพมองโกลอย่างราบคาบ เขาต้องเผชิญกับทางเลือกที่ตัดสินใจยากที่สุดในชีวิต นั่นคือการรักษาไว้ซึ่งขนบธรรมเนียมแห่งซามูไรที่เขาเติบโตขึ้นเพื่อต่อสู้ในสงครามที่ไม่มีวันชนะ หรือการละทิ้งวิถีซามูไรเพื่อปกป้องเกาะและผู้คนโดยใช้ทุกวิธีการที่จำเป็น ในภารกิจกอบกู้สึชิมะ จินต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสหายเก่าและพันธมิตรใหม่ที่ไม่คาดคิดว่าจะร่วมมือกันได้ เขาต้องฉีกทุกวัฒนธรรมความเชื่อเก่าๆ เพื่อเป็นนักรบแบบที่ไม่มีใครเคยเห็น และปกป้องสิ่งที่เหลืออยู่ของบ้านเกิดเมืองนอนไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม

Ghost of Tsushima เป็นเกม Open World ที่จะให้คุณได้เดินทางผ่านชนบทและภูมิประเทศอันกว้างใหญ่ไพศาลที่เต็มไปด้วยหลายสิ่งหลายอย่างรอให้คุณได้พบหรือสำรวจ ระบบการต่อสู้ในเกมก็ทำออกมาได้สนุกเร้าใจมากๆ เสียงคมดาบเวลาฟาดฟันกันมาทำออกมาได้ฟินหูจนอยากคารวะ ตัวละครแทบจะทุกตัวในเรื่องก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่าสนใจ ส่วนเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้ไร้ที่ดิจริงๆ โดยเฉพาะในช่วงท้ายที่อะไรหลายๆ อย่างมันมาระเบิดพร้อมกันจนเราวางจอยไม่ลงเลยจริงๆ อยากจะติดตามให้รู้แล้วรู้รอดว่าสุดท้าย “จิน” และแผ่นดินที่เขารักจะมีบทสรุปลงเอยยังไง

10. Elden Ring (2022)

แนว: แอคชั่น / แฟนตาซี
แพลทฟอร์ม: PC / PlayStation 4 / PlayStation 5 / Xbox One / Xbox Series XlS

Elden Ring มีฉากหลังอยู่ในพิภพหนึ่งที่มีชื่อว่า “The Land Between” หรือในชื่อไทยคือ “ดินแดนมัชฌิมา” ซึ่งมีราชินีผู้เป็นอมตะนามว่า “มาริกา” (Marika) คอยปกครอง แต่นอกจากองค์ราชินีจะต้องคอยดูแลดินแดนนี้แล้ว นางยังต้องพิทักษ์ “เอลเดนริง” (Elden Ring) ซึ่งเป็นแหล่งพลังอำนาจอันยิ่ง มีพลังในการประทานพรให้กับสรรพสิ่งทั้งปวงมานับชั่วโคตร แต่และแล้วทุกอย่างก็เกิดเป็นความโกลาหลเมื่อวงแหวนเอลเอนริงเกิดแตกเป็นเสี่ยงๆ และราชินีมาริกาเกิดหายตัวไป เหล่าลูกๆ ของราชินีต่างก็ต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงเศษเสี้ยวของเอลเดนริงมาไว้ในครอบครอง แต่ซากที่เหลือของวงแหวนนั้นได้สาปพวกเขาและพื้นแผ่นดิน จนทำให้ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นดินแดนต้องสาป ท้ายที่สุด เราในฐานะ “ผู้มัวหมวง” ฮีโร่ผู้ครั้งหนึ่งถูกขับไล่ออกจากดินแดน แต่คราวนี้เขาจะได้รับหน้าที่ในการกลับมาเพื่อตามหาวงแหวนเอลเดนริงและกอบกู้ดินแดนมัชฌิมากลับคืนมา

Elden Ring เป็นเกมจากค่าย FromSoftware ที่พัฒนาระบบและเกมการเล่นให้ดีขึ้นจากเกมก่อนๆ เป็นอย่างมาก เป็นระบบที่ทำให้เล่นได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังดำรงไว้ซึ่งความท้ามายซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกมตระกูล Souls หัวใจหลักของเกมยังคงอยู่ และผู้เล่นจะยังได้รับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างเต็มเปี่ยม ถ้าคุณมองหาเกมที่ท้าทาย เกมที่อาจจะทำให้คุณท้อกับการตายซ้ำตายซากเพื่อหาวิถีทางที่ดีที่สุดที่จะฆ่ามัน หรือเกมที่มอบความรู้สึกของความสำเร็จจากการฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้ คุณจะไม่ผิดหวังกับเกมนี้อย่างแน่นอน เพราะมันถือเป็นหนึ่งในเกมที่สุดของซีรีส์ Souls ณ เวลานี้เลยก็ว่าได้

ทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็คือ เกม Open World น่าเล่น ที่เล่นสนุกจนเหมือนโดนดูดวิญญาณ ใครที่ตอนนี้มีเวลาว่างเยอะและอยากหาอะไรมาฆ่าเวลา เกมเหล่านี้จะตอบโจทย์พวกคุณอย่างแน่นอน


ผู้เขียน: kiwi (กวีกร กังกเวคิน)

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้