รีวิวเกม Horizon Forbidden West: Burning Shore – เนื้อเรื่องเสริมที่รอกันข้ามปี

Horizon Forbidden West: Burning Shore

สิ้นสุดการรอคอยกันเสียทีครับกับ DLC เนื้อเรื่องเสริมของเกม Horizon Forbidden West ที่มีชื่อว่า Burning Shore โดยกว่าที่เกมเมอร์อย่างเรา ๆ จะได้เล่นกันก็ต้องรอเกมหลักวางขายมาแล้วประมาณ 1 ปีเศษเลยทีเดียว แน่นอนครับว่าเว้นช่วงมานานขนาดนี้ ความคาดหวังจากเหล่าเกมเมอร์ก็ย่อมมี แต่เนื้อเรื่องเสริมนี้จะตอบสนองผู้เล่นได้แค่ไหน รีวิวนี้น่าจะช่วยให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

Horizon Forbidden West: Burning Shore

แพลตฟอร์ม: PS5
แนวเกม: แอ๊กชั่น / ผจญภัย
ผู้พัฒนา: Guerrilla Games
วางจำหน่าย: 19 เมษายน 2023
ราคาใน PlayStation Store (ไทย): 738 บาท

ก่อนที่เราจะนำพาไปยังส่วนของรีวิว ต้องขออธิบายให้เพื่อน ๆ รับทราบก่อนครับว่า DLC Burning Shore นี้จะสามารถเล่นได้ก็ต่อเมื่อเรามีเซฟที่เล่นเนื้อเรื่องของตัวเกมหลักจบก่อนแล้วเท่านั้น และเนื้อเรื่องเสริมดังกล่าวจะมีให้เล่นเฉพาะบนเวอร์ชั่น PS5 ด้วย ดังนั้นใครที่มีแต่เครื่อง PS4 และอยากเล่น DLC นี้อาจจะต้องไปหาซื้อเครื่อง PS5 มาก่อน ซึ่งสถานการณ์ในไทย ณ ปัจจุบันสามารถวอล์คอินไปซื้อ PS5 กันได้แล้ว ตรงนี้ก็เหลือแต่ว่างบใครจะอำนวยแล้วละครับ และด้วยความที่เนื้อเรื่องเสริมนี้จำเป็นต้องเล่นเนื้อเรื่องหลักจบมาก่อน เลยขอแนะนำว่าเพื่อป้องกันการสปอยล์ ควรไปเล่นเนื้อเรื่องหลักให้จบมาก่อนนะครับ

รีวิวนี้มีการสปอยล์เนื้อเรื่องของเกม Horizon Forbidden West

.

.

.

.

.

.

.

.

เรื่องย่อ

ทางด้านเนื้อหาของ Burning Shore จะเป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องจากตอนจบของตัวเกมหลักไม่นานนัก เมื่อ เอลอย (Aloy) นางเอกของเกมได้รับการติดต่อจาก ไซเลนส์ (Sylens) ที่แจ้งว่ากลุ่มฟาร์เซนิธหรือก๊วนวายร้ายของเกมที่เดินทางมายังโลกนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 13 คน ทว่าที่เอลอยกำจัดไปในเนื้อเรื่องหลักมีเพียงแค่ 12 คน โดยคนที่ยังเหลือรอดอยู่มีชื่อว่า วอลเตอร์ ลอนดรา ซึ่งกบดานอยู่ในดินแดน Burning Shore หรือถ้าเทียบกับกับโลกยุคก่อนล่มสลายก็คือเมืองลอสแองเจลิสนั่นเอง เอลอยจึงต้องเดินทางไปยังดินแดนแห่งใหม่เพื่อตามล่าและจัดการวอลเตอร์ให้ได้

Horizon Forbidden West: Burning Shore

เมื่อพูดถึงนครลอสแองเจลิสที่ถูกนำมาใช้เป็นโลเคชั่นหลัก เข้าใจว่าทีมผู้พัฒนาน่าจะมีเหตุผลด้านงานภาพเป็นหลัก เนื่องจากมันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอารยธรรมด้านสิ่งบันเทิง พร้อมแลนด์มาร์คหลายจุดที่สะดุดตา แม้แต่ป้ายฮอลลีวู้ดที่อยู่บนภูเขาก็ยังมีปรากฏให้เห็นในเกมด้วย ขณะที่ตัวร้ายอย่างวอลเตอร์ก็มีการปูคาแร็กเตอร์และแบ็คกราวด์ให้มีความคล้ายคลึงกับมหาเศรษฐีอเมริกันบางคน อีกทั้งเคยมีคนใกล้ชิดที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเท่านั้น

Horizon Forbidden West: Burning Shore

ประมาณไม่กี่นาทีแรกหลังเข้ามายังดินแดน Burning Shore เอลอยจะได้รู้จักกับ เซย์กะ (Seyka) นักรบสาวของเผ่าเควนที่จะร่วมหัวจมท้ายกับเอลอยไปในเควสต์หลัก และผู้เล่นจะได้ซึมซับความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ที่ค่อย ๆ พัฒนากันไปตามเหตุการณ์ รวมถึงได้รู้ถึงตัวตนของเอลอยมากขึ้นก็จาก DLC นี้ แต่นั่นก็เป็นข้อดีเพียงไม่กี่จุดของด้านพล็อตเรื่องครับ เพราะเรื่องราวแง่มุมอื่น ๆ อย่างเช่นแรงจูงใจของวอลเตอร์ที่ควรจะน่าสนใจไม่แพ้กันก็ดันดูราบเรียบเกินไป แถมเนื้อหาเกี่ยวกับปูมหลังของวอลเตอร์ก็ดันเน้นเล่าในรูปแบบของไฟล์ที่เราต้องไล่หาเอาตามมีตามเกิดเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะบางไฟล์ก็หาได้จากในเควสต์ย่อย ซึ่งถ้าอยากจะปะติดปะต่อเรื่องราวของวอลเตอร์ให้กระจ่างก็ต้องใช้ความช่างสังเกตและทำเควสต์ให้ครบ ขณะที่พัฒนาการของตัวละครจะเห็นได้ชัดแค่กับเอลอยและเซย์กะเป็นหลัก เรียกว่าน่าเสียดายที่ตัวละครวอลเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาให้เป็นตัวร้ายที่ไม่ค่อยแสดงเหลี่ยมมุมอะไรมากนัก และมีแอร์ไทม์น้อยเกินไป

Horizon Forbidden West: Burning Shore

เกมเพลย์

โครงสร้างของระบบต่าง ๆ ของ Burning Shore จะเป็นการต่อยอดจากเกมหลักมาทั้งสิ้น เริ่มจากเพดานเลเวลตัวละครที่เดิมทีจะอัปได้สูงสุดที่เลเวล 50 ก็จะขยับเพิ่มเป็น 60 ใน DLC ตัวนี้ รวมถึงมีการเพิ่มสกิลใหม่ ๆ ให้อัปเพิ่มเติมในทุกสาย ซึ่งก็จะมีบางสกิลที่เราจำเป็นต้องเรียนเพื่อทำเควสต์เสริม และถ้าต้องการจะเก็บโทรฟี่ของ Burning Shore ให้ครบก็ต้องอัปสกิลที่เพิ่มมาใหม่เหล่านี้ให้ครบเช่นกัน

Horizon Forbidden West: Burning Shore

ขณะเดียวกัน บรรดาจักรกลที่ป้วนเปี้ยนอยู่ในดินแดน Burning Shore ก็จะมีสายพันธุ์ใหม่ ๆ ให้เราได้สแกนและออกล่าเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง บางตัวเป็นสายทำดาเมจที่รุนแรงและมีท่าโจมตีหลากหลาย ส่วนบางตัวก็เป็นสายป่วน เน้นปริมาณเพื่อบุกเข้ามาทำลายจังหวะของเรา แต่มีพลังชีวิตน้อยนิดและกำจัดได้ง่าย ทั้งนี้ทั้งนั้น ความน่าสนใจหลัก ๆ จะอยู่ที่ดีไซน์ของศัตรูที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งออกแบบมาโดยคำนึงถึงปัจจัยเรื่องระบบนิเวศและพฤติกรรมของสัตว์นั้น ๆ ให้ดูสมจริงขึ้น อาทิ กบยักษ์ (Bilegut) ที่มักจะใช้ลิ้นเก็บกินแมลง (Stingspawn) ให้เห็นตามข้างทาง เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้น จักรกลใหม่บางชนิดก็ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการเดินทางให้กับเรา เช่น วอเทอร์วิง (Waterwing) ที่จะเป็นจักรกลรุ่นอัปเกรดจากซันวิงในเนื้อเรื่องหลักไปอีกขั้น โดยนอกจากเราจะขี่มันบินขึ้นฟ้าได้แล้วยังสามารถใช้มันตะลุยใต้น้ำได้อีกทางด้วย

Horizon Forbidden West: Burning Shore

ต้องบอกกันตามตรงเลยว่าใน DLC นี้เราจะไม่เห็นอะไรที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ เลย เพราะทุกอย่างที่เป็นการนำเสนอความคิดสร้างสรรค์นั้นล้วนถูกนำมาปล่อยของไปหมดในเกมหลักแล้ว ทั้งภาพรวมของเกมเพลย์ทั้งการต่อสู้ ลอบเร้น สำรวจ และการพัฒนาความสามารถตัวละคร สิ่งที่ผู้เล่นจะได้รับแบบได้น้ำได้เนื้อใน Burning Shore คงมีเพียงมิติอีกด้านของเอลอยที่ผู้เล่นจะได้ไปพบเจอหลังจากจบเควสต์หลักแล้ว ซึ่งถ้ามุ่งทำแต่เควสต์หลักอย่างเดียวเลยจะกินเวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง หรือถ้าอยากเถลไถลไปทำเควสต์ย่อยและเก็บพวกของสะสมต่าง ๆ ก็จะใช้เวลาราว 13-15 ชั่วโมง

Horizon Forbidden West: Burning Shore

กราฟิกและการแสดงผล

อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่า DLC นี้มีวางจำหน่ายเฉพาะบนเวอร์ชั่น PS5 เท่านั้น โดยทางทีมงานได้ทดลองเล่นในโหมด Performance ที่เน้นเฟรมเรต 60 FPS เป็นหลัก ซึ่งเมื่อเล่นจริงก็พบว่าเฟรมเรตมีดรอปอยู่บ้างเวลาเจอศัตรูหรือเอฟเฟ็กต์ปรากฏอยู่บนหน้าจอเยอะ ๆ แต่ก็แค่ดรอประดับเล็กน้อย ใครที่เป็นสายชอบคลุกวงในที่ชอบบู๊กับศัตรูคราวละเยอะ ๆ ก็อาจจะสังเกตเห็นง่ายหน่อย ส่วนคุณภาพของกราฟิกยังดีเยี่ยมเหมือนตัวเกมหลัก และแสดงรายละเอียดสีหน้าตัวละครได้สมจริงมาก

Horizon Forbidden West: Burning Shore
Horizon Forbidden West: Burning Shore

และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือซับไทยที่ยังคงมีให้ปรับใน Burning Shore ด้วย เนื้องานส่วนใหญ่ยังแปลได้อรรถรสและความหมายไม่ผิดเพี้ยน อาจจะมีตกหล่นหรือรู้สึกเอ๊ะบ้างในประเด็นของการใช้บางสรรพนาม คำหยาบต่าง ๆ ในไฟล์หรือคำพูดตัวละคร ทีมแปลเขาจัดเต็ม จัดหนัก ไม่มีกั๊ก แทบไม่ต้องกลัวเสียอารมณ์ระหว่างเล่นเลย

Horizon Forbidden West: Burning Shore
คำที่ใช้ฮาร์ดคอร์สะใจกันไปเลยยยย!
Horizon Forbidden West: Burning Shore
คุ้น ๆ เหมือนชื่ออาหารอีสานบ้านเราเลยนะเออ

สรุป

Burning Shore ถือเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์วัดใจแฟนซีรีส์ Horizon ที่ถ้าหากคุณเป็นแฟนคลับของสาวเอลอยตัวยง และอยากรู้จักเธอคนนี้มากขึ้น DLC ตัวนี้น่าจะตอบโจทย์คุณได้ และมีโมเมนต์น่ารัก ซึ้ง ๆ ให้ดูชุ่มชื่นหัวใจแน่นอน แต่ถ้าใครคาดหวังว่าอยากเจอเกมเพลย์ที่ฉีกจากเกมหลัก หรือนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ แบบก้าวกระโดด การหยุด Horizon Forbidden West ไว้แค่เกมหลัก แล้วรอมูฟออนไปยังภาคใหม่เลยก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเสียใจภายหลังแต่อย่างใดครับ ราคา 738 บาทอาจจะไม่สูงเกินไปถ้าคุณมีความรักต่อเอลอยเต็มเปี่ยมและอยากเสพกราฟิกงาม ๆ สำหรับ Burning Shore นี้ทางทีมงาน Online Station ขอลงความเห็นไว้ที่…

คะแนน 7 / 10


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้