อย่างที่ทราบกันดีว่ากว่าเกม Bayonetta 3 จะออกวางจำหน่ายให้ซื้อมาเล่นกันจริง ๆ จัง ๆ อย่างในวันนี้นั้น ตัวเกมก็กินเวลาในขั้นตอนการพัฒนาไปพอสมควร แต่ล่าสุดนี้ ก็มีนักข่าวสายเกมคนหนึ่งออกมาเปิดเผยให้แฟน ๆ ได้ทราบกันว่าที่ตัวเกมออกวางจำหน่ายช้าขนาดนี้ เป็นเพราะเดิมที ตัวเกมถูกวางแผนมาให้เป็นเกมกึ่งโอเพ่นเวิลด์ซึ่งแตกต่างออกไปจากภาคก่อน ๆ เป็นอย่างมากค่ะ
เกือบได้เป็นเกมโลกเปิดแล้ว
สำหรับเกม Bayonetta 3 นั้นได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกไปในงาน The Game Awards ปี 2017 ซึ่งกว่าจะถึงวันวางจำหน่ายเกมก็กินเวลาไปเกือบ ๆ 5 ปีเต็ม แถมในระหว่างนั้น เรายังไม่ค่อยได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเกมเกมนี้นอกเหนือไปจากปัญหาดราม่านักพากย์ด้วย ทว่าล่าสุด คุณ Imran Khan นักข่าวสายเกมรายหนึ่งก็ได้ออกมาเผยข้อมูลผ่านทาง Patreon ของเจ้าตัวว่าหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตัวเกมพัฒนาได้ช้า ก็เพราะในตอนแรก ตัวเกม Bayonetta 3 ถูกวางแผนให้เป็นเกมกึ่งโอเพ่นเวิลด์คล้าย ๆ กับเกม Astral Chain นั่นเอง
โดยคุณ Khan ได้กล่าวเสริมเอาไว้ว่าไอเดียเริ่มแรกของเกมนี้ก็คือการสร้างจุดศูนย์กลางขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้เจ๊บาโย (หรือคนอื่น ๆ) สามารถใช้เดินทางไปยังโลกต่าง ๆ ที่มีสภาพแวดล้อมค่อนข้างเปิดกว้างได้ และทาง PlatinumGames ก็ได้ลองนำไอเดียนี้มาทดสอบสร้างไปบางส่วนแล้ว แต่ด้วยปัญหาด้านความล่าช้า ทำให้ในท้ายที่สุด ทาง Nintendo ก็ได้ร้องขอให้ทีมพัฒนาลดสเกลของเกมนี้ลง ไม่เพียงเท่านั้น ตัวคุณ Khan ยังได้ยินมาอีกว่าด้วยเกมกึ่งโลกเปิดแบบที่ว่าอาจจะรันบนฮาร์ดแวร์ปัจจุบันของเครื่อง Nintendo Switch ได้ไม่ดีนักค่ะ
ดูเหมือนว่านอกจากปัญหาด้านการพัฒนาเกมแล้ว ตัวเกม Bayonetta 3 ยังต้องประสบกับปัญหาด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ตัวอย่างเช่นปัญหาวิกฤติการระบาดของไวรัสโควิด19 และการที่ตัวผู้กำกับเกมดันลาออกไปกลางคัน แต่ในที่สุด ตัวเกมก็ถูกคลอดออกมาให้แฟน ๆ ได้เล่นกันในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมาค่ะ
ที่มา: VG247
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net
