ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าวันนี้ (22 มีนาคม) ของปี 2021 ก็เป็นวาระครบรอบ 25 ปีของเกมตระกูล Resident Evil แล้วนะครับ ซึ่งในรอบ 25 ปีดังกล่าว ซีรีส์นี้ได้ออกเกมภาคหลักมาแล้วถึงหลายภาค และภาคสปินออฟอีกนับไม่ถ้วน สร้างรายได้แก่ Capcom เป็นจำนวนมหาศาล
โดยในโอกาสนี้ทางทีมงานจึงขอนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับเกร็ดน่ารู้ของเกม Resident Evil ภาคแรกที่วางขายเมื่อปี 1996 กันสักหน่อย มาดูกันเลยดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
ส่วนใครที่อยากรู้ความเป็นมาของซีรีส์นี้ ก็สามารถย้อนชมรายการ OS ฟาย Day ด้านล่างได้เลย
- เกมภาคแรก เวอร์ชั่นญี่ปุ่นบนเครื่อง PS1 จะมีสูตรกดเพื่อปรับความยากของเกมได้ โดยสามารถทำได้หลังจากจบเนื้อเรื่องคริส (Hard) ไปแล้วรอบนึง จากนั้นเมื่อกลับมาที่ฉากไตเติ้ลอีกครั้ง ก็ให้กดปุ่ม R1, L2, R2, L1, กากบาท, สามเหลี่ยม, กากบาท หากกดติดจะได้ยินเสียงร้องของซอมบี้ ทีนี้ระหว่างที่เล่นเกมอยู่ก็ให้กดปุ่ม L1, L2, R1 และ R2 พร้อมกันค้างไว้แล้วกด Select ก็จะปรับระดับความยากได้ครับ
- เวอร์ชั่นญี่ปุ่นของเกมนี้มีการใช้เพลงในช่วง End Credit เป็นเพลงญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Yume de Owarasenai (夢で終わらせない) แปลเป็นไทยว่า "ฉันจะไม่ปล่อยให้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน" ขับร้องโดยคุณฟุมิทากะ ฟุจิกามิ ซึ่งในเวอร์ชั่นอังกฤษทาง Capcom ได้ตัดเอาเพลงนี้ออกไป และภาค Director's Cut ก็มีการนำเพลงนี้ออกไปด้วยเช่นกัน
- ตัวเกมภาคแรกเป็นภาคเดียวที่เวอร์ชั่นอังกฤษมีการเซ็นเซอร์เนื้อหาในเกมมากกว่าเวอร์ชั่นญี่ปุ่นครับ กล่าวคือเวอร์ชั่นอังกฤษจะมีการตัดเอาฉากความรุนแรงออกไปค่อนข้างเยอะ หรืออย่างฉากอินโทรที่เป็นคัทซีนเวอร์ชั่นคนจริงแสดง ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นจะเป็นภาพสี ทว่าเวอร์ชั่นอังกฤษจะเป็นขาวดำ เพื่อป้องกันไม่ให้เห็นสีของเลือดนั่นเอง
- เกมภาคแรกเคยได้รับการบันทึกลงใน Guinness World Records เมื่อปี 2008 ในฐานะที่เป็นเกมสยองขวัญที่มีการเขียนบทพูดตัวละครที่แย่ที่สุด หากใครที่เคยสัมผัสเกมเวอร์ชั่นแรกมาก่อนอาจจะพอคุ้นกับประโยคบทพูดของตัวละครที่แสนเชยกันได้บ้างนะครับ เช่น มุกจิลแซนด์วิช หรือ มุก Lockpick เป็นต้น
- เกมซีรีส์นี้เคยมีถูกทำเป็นนวนิยาย ประพันธ์โดย S.D. Perry ตีพิมพ์ในช่วงปี 1998-1999 มีทั้งหมด 7 เล่ม และเคยมีการแปลเป็นภาษาไทยด้วย (สำนักพิมพ์แพรว) เนื้อเรื่องค่อนข้างสนุกใช้ได้เลยครับ
ติดตามข่าวสารอื่น ๆ ในเว็บไซต์ Online Station ได้ที่ https://www.online-station.net/