รวม 5 เกมแนว Open-World ที่บอกเลยงานนี้เล่นกันไปยาวๆ ร้อยๆ ชั่วโมง

เกมแนว Open-World ถือเป็นอีกหนึ่งแนวเกมที่ได้รับความนิยม คงเป็นเพราะตัวเกมนั้นมีแผนที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยภารกิจและเปิดกว้างให้ผู้เล่นดำเนินเรื่องราวต่างๆ ตามใจ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้นับเป็นจุดเด่นของเกมในแนวนี้เลยก็ว่าได้ และในวันนี้ทางทีมงาน Online Station จะมาขอนำเสนอ 5 เกมแนว Open-World ที่บอกเลยงานนี้เล่นกันไปยาวๆ ร้อยๆ ชั่วโมง

หนึ่งในเกมสามัญประจำเครื่องที่ต้องมีติดเอาไว้

Grand Theft Auto V
แม้ว่าตัวเกม Grand Theft Auto V จะวางจำหน่ายมาหลายปีแล้ว แต่มันก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยรูปแบบการเล่นที่มีเอกลักษณ์ เนื้อเรื่องยอดเยี่ยมเกมเพลย์สุดมันส์บนโลกอิสระที่สามารถจะเลือกทำอะไรก็ได้ แถมตัวเกมยังมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง แถมรองรับม็อดด้วย แบบนี้เล่นกันไปยาวๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเกมน้ำดีของทาง Rockstar Games เลยก็ว่าได้ครับ


ตัวเกมมความดีงามในหลายๆ ด้าน ทั้งเนื้อเรื่องและเกมเพลย์

Far Cry 5
Far Cry 5 จพนำเสนอเรื่องราวของเมือง Hope County รัฐ Montana ที่ผู้เล่นจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับ Eden’s Gate ลัทธิผู้คลั่งศาสนา จุดเด่นของเกมนี้คงหนีไม่พ้นเกมเพลย์ที่บู๊สนั่นมันส์กระจายเนื้อเรื่องที่ชวนหักมุมจบ ภารกิจที่น่าสนใจ กราฟิคสวยงาม ช่วงนี้ทาง Ubisoft เลื่อนการวางจำหน่าย Far Cry 6 ออกไปอย่างไม่มีกำหนดที่แน่ชัดยังไงลองเล่น Far Cry 5 ไปก่อนก็ได้นะ


เกมดีที่ไม่ต้องมีการบรรยายให้มาก

The Witcher 3: Wild Hunt
The Witcher 3: Wild Hunt ถือว่าเป็นเกมที่เพียบพร้อมสมบรูณ์แบบไปในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ชวนติดตาม เกมเพลย์ที่เล่นได้สนุก ภารกิจและเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่คอยผูกเข้ากับเนื้อเรื่องหลักอันเข้มข้นได้อย่างปราณีตไร้รอยต่อ นี่คือภาคสั่งลาตำนาน The Witcher ที่คุณไม่ควรพลาดครับ


ตัวเกมมีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมบวกกับภารกิจต่างๆ ที่มีรายละเอียดน่าสนใจ

The Elder Scrolls V: Skyrim
ภายในเกมผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักโทษที่กำลังถูกประหาร แต่มังกรร้ายกลับปรากฏตัวขึ้น ทำให้เราหลุดรอดพ้นและฝึกวิชาต่างๆ เพื่อมาปราบเจ้ามังกรนี้ให้ได้ พร้อมปลดปล่อยดินแดนแห่ง Skyrim ตัวเกมมีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมบวกกับภารกิจต่างๆ ที่มีรายละเอียดน่าสนใจ ตัวเกมได้รับการปรับปรุงในเรื่องกราฟิกและส่วนต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งเกมในตำนานจะดูดเวลาไปหลายร้อยชั่วโมงเลยทีเดียว


นำเสนอเรื่องความสมจริงในทุกๆ ด้าน

Red Dead Redemption 2
ตัวเกมนำเสนอรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นด้านเนื้อเรื่องลงลึก ระบบตัวละครภายในเกมที่มีชีวิต ชีวา พวกเขาจะมีกิจกรรมอละเนื้อเรื่องเป็นของตัวเอง ระบบกราฟิกสวยงาม สภาพแวดล้อมหลากหลาย มีภารกิจมากมายให้เลือกทำ ส่วนโหมด Red Dead Online ก็สร้างความสนุกให้กับผู้เล่นได้ไม่น้อย ทั้งนี้ตัวเกมยังได้รับรางวัลต่างๆ มาแล้วอย่างมากมาย ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวการันตีผลงานได้เป็นอย่างดี


Dark Souls III
หมายเหตุ: เกมนี้ไม่ใช่ Open-World แต่ทีมงาน Online Station แถมให้ 55+
เพื่อนๆ หลายคนอาจจะทำหน้างงๆ ว่าอ้าว…Dark Souls III นี่มันใช่เกมแนว Open-World เหรอ ขอบอกตรงนี้ว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่เชิงไปซะทีเดียว นี่เป็นเป็นแอ็คชั่นอาร์พีจีที่มีเกมเพลย์สุดท้าทายผู้เล่น แม้จะยากเข้าขั้น แต่ก็ทำออกมาได้ดี สมเหตุ สมผล ตัวเกมมีอะไรให้ออกตามหาและให้ทำเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูและเหล่าบอสสุดโหด การเก็บไอเทม พวกอาวุธ ชุดเกราะ แหวนและอื่นๆ การปลดล็อกเนื้อเรื่องของเหล่าตัวละครภายในเกม รวมถึงมีคลาสตัวละครก็มีให้เลือกเล่นมากมาย โดยส่วนตัวแล้วผมเล่นจบไปหลายรอบ เปลี่ยนคลาส เปลี่ยนอาวุธ เผลอเป็ปเดียวดูดเวลาไปเกือบ 300 ชั่วโมงละ…

และนี่ก็คือ 5 เกมแนว Open-World ที่บอกเลยงานนี้เล่นกันไปยาวๆ ร้อยๆ ชั่วโมง เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร อย่าลืมโพสต์บอกเล่ากันเข้ามาได้ครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้