รวม 7 เกมที่ใช้เงินในการพัฒนามากที่สุดในโลก

“เงิน” ย่อมเป็นปัจจัยหลักในการทำธุรกิจ แน่นอนว่าในวงการอุตสาหกรรมเกม การสร้างเกมขึ้นมาสักเกมหนึ่งก็จำเป็นต้องใช้เงินทุนหรืองบประมาณในการพัฒนาเกม ซึ่งกว่าจะเสร็จออกมาสักเกมหนึ่งต้องใชหลายๆ ปัจจัยเป็นองค์ประกอบ ยิ่งเกมในระดับ AAA ด้วยแล้ว งบในการพัฒนาเกมนี่แตะหลักพันล้านบาทเลยทีเดียว และในวันนี้ทางทีมงาน Online Station จะขอแนะนำ 7 เกมที่ใช้เงินในการพัฒนามากที่สุดในโลก จะมีเกมอะไรบ้างนั้นไปดูรายละเอียดพร้อมกันครับ

อันดับที่ 7 Dead Space 2 (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 3,726 ล้านบาท)

ถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จในด้านยอดขายเท่าไหร่นัก แต่กระนั้น Dead Space 2 ก็จัดเป็นเกมที่ใช้เงินในการพัฒนาสูงถึง 3,726 ล้านบาท ตัวเกมพัฒนาโดยทีม Visceral Games ตัวเกมวางจำหน่ายในปี 2554 จากรายงานของทางเว็บไซต์ Gamesport ได้กล่าวว่าตัวเกมใช้งบประมาณ 1,800 กว่าล้านบาทในการโปรโมทโฆษณาเกม Dead Space 2 อีกด้วย

อันดับ 6 Shadow Of The Tomb Raider (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 4,191 ล้านบาท)

Shadow Of The Tomb Raider พัฒนาโดยทีม Eidos-Montreal ตัวเกมใช้งบประมาณในการสร้างกว่า 4,191 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวในการพัฒนาภาคก่อนหน้า ตัวเกมวางจำหน่ายเมื่อปี 2561 ทั้งนี้คุณ David Anfossi หัวหน้าทีม Eidos-Montreal ได้ออกมากล่าวกับทางเว็บไซต์ GamesIndustry.biz ว่าตัวเกมใช้เงินในการพัฒนาประมาณ 3,105 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1,000 กว่าล้านใช้เป็นส่วนในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเกม

อันดับ 5 Destiny (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 4,348 ล้านบาท)

Destiny เป็นเกมแนวเดินยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งที่ถูกว่าจำหน่ายไปเมื่อปี 2557 ที่ขอบอกเลยว่าสนุกๆ มาก ถ้าได้ร่วมเล่นเป็นแกงค์ร่วมกับเพื่อนๆ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะใช้ทุนในการพัฒนาสูงถึง 4,348 ล้านบาท แต่กระนั้นเมื่อ Destiny วางจำหน่ายไปแล้ว 5 วัน ตัวเกมก็สามารถทำรายได้ไปกว่า 10,000 ล้านบาทเลยทีเดียว ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ใช้งบประมาณสูงเหมือนกันครับ

อันดับ 4 Final Fantasy VII Remake (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 4,505 ล้านบาท)

Final Fantasy VII Remake พัฒนาโดยทีมงาน Square Enix เป็นเกมแนว RPG โดยเนื้อเรื่องภายในเกมจะกล่าวถึงทหารรับจ้างนาม Cloud Strife เขาได้รับงานจากกลุ่ม AVALANCHE ในการเข้าต่อสู้กับบริษัท Shin-Ra Company ที่คิดจะครองโลกด้วยการสร้างมนุษย์ที่มีความสามารถพิเศษ ถือเป็นภาคที่ได้รับความนิยมอย่างมากและครองใจแฟนๆ ซีรีส์ Final Fantasy เลยทีเดียว ทางเว็บไซต์ Polygon ประมาณการใช้ทุนพัฒนาอยู่ที่ 4,505 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นทุนในการพัฒนาอยู่ที่ 1,396 ล้านบาทนอกนั้นใช้ในส่วนของงบการตลาด

อันดับ 3 Star Wars: The Old Republic (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 6,218 ล้านบาท)

Star Wars: The Old Republic เป็นเกมแนว MMORPG ที่พัฒนาโดยทีมงาน BioWare Austin และ BioWare Edmonton เปิดให้บริการแพลตฟอร์ม PC ในเดือนธันวาคม ปี 2554 ดำเนินเรื่องตามในจักรวาลชุด Star Wars ช่วงหลังการทำสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างจักรวรรดิซิธและสาธารณรัฐกาแลกติก แม้ว่าไม่มีการเปิดเผยเรื่องเงินในการพัฒนาเกม แต่จากรายงานกล่าวว่าเกมนี้ใช้งบถึง 6,218 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เงินถูกใช้ไปในในเรื่องงบการตลาด และเงินเดือนของพนักงานกว่า 800 คนที่ทำเกมนี้เป็นเวลา 6 ปี นี่ยังไม่รวมถึงนักแสดงกว่า 1,000 คนที่ใช้แสดงเป็นตัวละครภายในเกมที่มีมากกว่า 4,000 ตัวละครเลยทีเดียว

อันดับ 2 Call Of Duty: Modern Warfare 2 (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 7,772 ล้านบาท)

Call Of Duty: Modern Warfare 2 พัฒนาโดยทีม Infinity Ward ตัวเกมวางจำหน่ายเมื่อปี 2552 มีรายงานว่าตัวเกมใช้ทุนในการพัฒนาทั้งหมดอยู่ที่ 7,772 ล้านบาท โดยทางเว็บไซต์ The Escapist ได้ระบุว่าทางทีมงานได้ใช้งบพัฒนาเกมอยู่ที่ 1,243-1,553 ล้านบาท ในขณะที่เงินกว่า 6200 ล้านบาท ในเรื่องของงบการตลาด ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของเกมในซีรีส์ CoD เพราะหลังจากที่ตัวเกมวางขายไปได้เพียง 1 วันก็สามารถทำยอดขายได้ถึง 4 ล้านชุดเลย

อันดับ 1 Grand Theft Auto V (ใช้ทุนในการพัฒนาประมาณ 8,237 ล้านบาท)

Grand Theft Auto V เกมแนวแอ็คชั่นผจญภัยบนโลกเปิดที่กว้างใหญ่ เต็มไปด้วยภารกิจที่หลากหลาย พัฒนาโดยทีมงาน Rockstar North แม้ว่าตัวเกมจะออกมานานแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายคงเป็นเพราะตัวเกมรองรับ Mod และมีโหมดผู้เล่นหลายคนที่ทางทีมงานผู้พัฒนามีการอัปเดตเนื้อหาอยู่เรื่อยๆ นั่นเอง โดยทางเว็บไซต์ The Scotsman ได้ประมาณการงบประมาณในการพัฒนาเกมนี้อยู่ที่ ประมาณ 8,237 ล้านบาท

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม Grand Theft Auto V ยังเงินจำนวนมหาศาลในการพัฒนา แต่กระนั้นทาง Rockstar North ก็ยังได้กำไรเพราะตัว Grand Theft Auto V นั้นยังจำหน่ายและสร้างรายได้อยู่เรื่อยๆ จากข้อมูลเมื่อปีที่แล้วทาง Rockstar ได้ออกมาให้ข้อมูลว่าตัวเกมสามารถทำยอดขายไปกว่า 115 ล้านชุดทั่วโลก