รู้จักกับ มาไคมูระ ตำนานเกมหัวร้อนแห่งยุค 80 ที่เหล่าเกมเมอร์พากันขยาด

ก่อนที่เกมเมอร์ยุคนี้จะได้สัมผัสเกมตระกูล Souls, Bloodborne หรือ Sekiro กัน จริงๆ แล้วในวงการเกมเคยมีเกมที่ยากระดับหัวร้อนให้เกมเมอร์หยิบจอยมาปาทิ้งตั้งแต่ยุค 80-90 แล้วครับ และเกมหนึ่งในนั้นก็คือ Ghosts ‘n Goblins หรือที่ชาวไทยรู้จักกันในชื่อ มาไคมูระ นั่นเอง และบทความนี้ทีมงาน Online Station จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเกมซีรีส์นี้กันสักหน่อยว่าทำไมมาไคมูระถึงถูกกล่าวขานมาทุกยุคสมัยเกี่ยวกับความยากของมันกันครับ


การพัฒนาและความเป็นมา

– เกมตระกูลมาไคมูระมีการแบ่งออกเป็น 3 ซีรีส์ย่อย ได้แก่

1. ซีรีส์หลัก โดยตัวเอกเป็นอัศวินอาเธอร์ที่ต้องบุกฝ่าดงปีศาจและอสูรร้ายเพื่อชิงตัวเจ้าหญิงพรินพรินกลับมาสู่อ้อมอก ซึ่งบทความนี้เราจะพูดถึงแต่ซีรีส์หลักเท่านั้น
2. ซีรีส์กากอยล์ เนื้อเรื่องสปินออฟที่เราจะได้เล่นเป็น ไฟร์แบรนด์ อสูรที่เคยโผล่เป็นตัวร้ายในซีรีส์หลัก ซึ่งต้องผจญภัยรบราแตกหักกับเหล่าร้ายด้วยกัน ระบบของเกมจะมีองค์ประกอบของความเป็น RPG ปนอยู่เล็กน้อย เช่น ทำเควสต์ต่างๆ
3. ซีรีส์แม็กซิโม่ ตัวนี้จะเป็นแนว Hack & Slash ลุยแบบ 3D และมีเนื้อเรื่องอยู่ในจักรวาลเดียวกับมาไคมูระ

(ล่าง) กราฟิกของมาไคมูระสมัยเครื่อง Famicom

– ภาคที่ขายดีที่สุดของซีรีส์นี้คือ Ghosts ‘n Goblins ภาคแรกสุด ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง Famicom เมื่อปี 1985 ซึ่งทำยอดขายไปได้ 1.64 ล้านชุดทั่วโลก

– ผู้ให้กำเนิดซีรีส์มาไคมูระคือคุณโทคุโระ ฟุจิวาระ ซึ่งต่อมาเขาก็รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเกมดังๆ ของ Capcom อีกมากมาย อาทิ Breath of Fire, Rockman และ Rockman X

(ล่าง) กราฟิกของเกมมาไคมูระสมัยเครื่อง Super Famicom


เนื้อเรื่อง

สำหรับซีรีส์นี้ ให้จำตัวละครหลักๆ ไว้แค่ 2 ตัวพอครับ คือ อาเธอร์ พระเอกของเกมและเป็นตัวละครที่เราบังคับตั้งแต่ต้นจนจบ และองค์หญิงพรินพริน ที่ชอบโดนปีศาจร้ายลักพักตัวไปอยู่แทบทุกภาค ร้อนถึงอาเธอร์ต้องออกเดินทางเพื่อตามไปช่วยเธอกลับมา พล็อตเรื่องจะมีความคล้ายกับเกม Super Mario Bros. ที่มาริโอต้องวนเวียนไปช่วยเจ้าหญิงพีชจากเงื้อมมือทุกภาคนั่นแหละครับ แต่ธีมของมาริโอ้จะดูเป็นโลกสดใส ในขณะที่มาไคมูระจะมีแต่พวกภูตผีและอสุรกาย จนหลังๆ ชักไม่แน่ใจแล้วว่าเจ้าหญิงพรินพรินกับเจ้าหญิงพีชนี่เข้าข่ายสมยอมรึเปล่า พวกนางไม่คิดจะหาทางแก้ไม่ให้ตัวเองโดนลักพักตัวบ้างเลยเรอะ!

(ล่าง) หน้าตาองค์หญิงพรินพริน ที่เราต้องบากบั่นไปช่วยเธอกลับมา อิงจากภาพบนเวอร์ชั่น Game Boy Advance


เกมเพลย์

ทางด้านเกมเพลย์ ต้องอธิบายก่อนว่าความโหดของซีรีส์มาไคมูระไม่ได้มีเพียงศัตรูตามทางและบอสที่เก่งกาจเท่านั้น หากแต่การเคลื่อนไหวของตัวอาเธอร์เองนี่แหละครับที่เป็นอุปสรรคชั้นยอดของตัวเกมเลย เนื่องจากการกระโดดของพี่แกในแต่ละครั้ง ผู้เล่นจะต้องทำการคำนวณระยะทางที่จะกระโดดไปข้างหน้า พร้อมทั้งจุดที่จะลงให้แม่นยำ มิเช่นนั้นแล้วเราก็มักจะตายเพราะตกเหวมากกว่าจะไปตายเพราะโดนศัตรูอัดนั่นเอง (เกมนี้เวลากระโดดไปทางไหนแล้วจะเปลี่ยนใจกลางอากาศเหมือนพวกเกม Rockman X หรือ Contra ไม่ได้) และจะเรียกว่ามาไคมูระเป็นจุดเริ่มต้นของซีรีส์ปาจอยมาก่อนหน้า Dark Souls ก็คงไม่ผิดนักครับ

(ล่าง) เกมนี้กระโดดแบบไปแล้วไปลับ กดทิศทางกลับหลังระหว่างอยู่กลางอากาศไม่ได้นะเออ

ความยากลำดับต่อมาก็คือ ตัวละครอาเธอร์จะไม่มีเกจพลังชีวิต เมื่อไหร่ก็ตามที่อาเธอร์ไปสัมผัสโดนตัวศัตรู หรือถูกศัตรูโจมตี เกราะที่อาเธอร์สวมอยู่จะแตกออก เหลือแค่กางเกงบ็อกเซอร์สวมกันอุจาดเพียงชิ้นเดียว และถ้าอาเธอร์โดนโจมตีในสถานะนั้นอีกครั้งนึง ก็จะตายทันที (เหลือแต่โครงกระดูก) จำง่ายๆ ก็พอครับว่า มีเกราะ = โดน 2 ทีตาย และ ไม่มีเกราะ = โดนทีเดียวตาย การยืดระยะเวลาตายของเราจึงมีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือไปหาเกราะมาสวมให้ได้ ซึ่งเกราะที่มีให้เก็บในเกมก็จะมีทั้งเกราะธรรมดา เกราะสีเขียวที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปาอาวุธแต่ละชนิด และเกราะทองที่สามารถชาร์จยิงกับอาวุธได้ทุกประเภท เพื่อเกิดประสิทธิภาพของอาวุธนั้นๆ ได้สูงสุด แต่พวกเกราะพิเศษนอกเหนือจากเกราะธรรมดาเพิ่งจะถูกใส่เข้ามาในภาคที่ลงให้กับเครื่อง Mega Drive หรือ Super Famicom เป็นต้นมาครับ ด้วยเหตุนี้ภาคแรกที่เคยลงเครื่อง Famicom จึงถูกขนานนามว่าเป็นภาคที่ยากที่สุดของซีรีส์ไปโดยปริยาย เพราะมีแต่เกราะธรรมดาให้ลุยเพียวๆ

(ล่าง) หน้าตาเกราะเขียวกับเกราะทองของเวอร์ชั่น Super Famicom

หากใครคิดว่าที่กล่าวมาทั้งหมดยังยากไม่พอ ต้องเจอไม้เด็ดของซีรีส์นี้เข้าไป นั่นก็คือการที่ผู้เล่นจะเจอฉากจบที่แท้จริง และช่วยเจ้าหญิงสำเร็จได้นั้น เราจำเป็นที่จะต้องเคลียร์เกมอย่างน้อย 2 รอบ โดยมุกที่ซีรีส์นี้ชอบใช้ในหลายๆ ภาคก็คือ หลังจากเราปราบบอสใหญ่ในการเล่นรอบแรกปุ๊บ ก็จะพบว่าบอสที่เราปราบไปเป็นเพียงภาพลวงตา หากจะปราบบอสให้ตายอย่างถาวร จะต้องไปหาไอเทมที่องค์หญิงซ่อนไว้ภายในปราสาทของบอสใหญ่ให้เจอ ทำให้เราต้องเล่นใหม่อีกรอบเพื่อตามหาไอเทมนั้น และเข้าไปสู้บอสใหญ่อีกที ซึ่งการเล่นรอบที่ 2 ความยากจะเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แล้วสมัยนั้นจอยเกมจะไม่มีแบบไร้สายด้วย ถ้าจะปาจอยก็ต้องถอยสายจอยออกมาก่อนถึงจะเขวี้ยงได้นะ (ฮา) / ทีมงานไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกกรณีจ้า

(ล่าง) บอสใหญ่ของเวอร์ชั่น Super Famicom ที่เราต้องวนมาปราบมัน 2 รอบถึงจะเจอฉากจบที่แท้จริง

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้