แพลตฟอร์ม: PS4, Xbox One, PC
ผู้พัฒนา: Ubisoft Montreal
ผู้จัดจำหน่าย: Ubisoft
เรต: 17 ปีขึ้นไป
ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงที่มาของชื่อภาคและเนื้อเรื่องคร่าวๆ กันก่อน โดยสาเหตุที่ภาคนี้ที่ได้ชื่อว่า Origins ก็เพราะ ช่วงเวลาในเกมนั้นจะอยู่ในช่วงหลายสิบปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว จึงเป็นภาคที่ถือว่าเป็นยุคเก่าแก่สุดของซีรีส์เกมตำนานนักฆ่านั่นเอง ส่วนสมรภูมิของภาคนี้จะอยู่ที่ประเทศอียิปต์ในยุคของฟาโรห์ปโตเลมีที่ 13 และคลีโอพัตราที่ 7 ซึ่งเป็นช่วงที่อียิปต์ถูกอาณาจักรโรมันยึดครอง และตัวเอกของภาคก็คือ Bayek ที่เป็น ‘ไมไจ’ ซึ่งเป็นตำแหน่งของผู้ปกป้องฟาโรห์และประชาชนชาวอียิปต์ทั้งมวล แต่เนื่องจากแผนการชั่วร้ายของเหล่าผู้ต้องการครองอำนาจในอียิปต์เลยทำให้ลูกชายของเขาต้องรับเคราะห์และเสียชีวิตไป เขาจึงต้องกลายมาเป็นนักฆ่าเพื่อล้างแค้นให้ลูกชาย รวมทั้งกำจัดต้นตอของความชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นในอียิปต์ให้จงได้
ระบบจะเป็นแอ็กชั่นมุมบองแบบบุคคลที่ 3 เหมือนภาคก่อนๆ ซึ่งจะมีการปีนป่ายกำแพงได้อย่างอิสระเช่นเดิม เราแทบจะบังคับตัวละครไปยังตำแหน่งไหนๆ ก็ได้ที่มองเห็นในเกมเลยทีเดียว ซึ่งรวมไปถึงพื้นที่แม่น้ำหรือท้องทะเลที่เราจะดำน้ำสำรวจได้ในขอบเขตกว้างขวางระดับนึงด้วย สำหรับการเดินทางนั้น ด้วยความที่ตัวเกมเป็นระบบโอเพ่นเวิลด์ในภูมิประเทศที่กว้างใหญ่จึงย่อมมีวิธีเดินทางให้หลากหลาย สำหรับบนบกนั้นนอกจากทางด้วยเท้าแล้วยังมีม้าและรถม้าศึกให้ใช้ ส่วนทางน้ำก็มีเรือพายและเรือใบ และการจะกลับไปยังสถานที่สำคัญซึ่งเคยไปมาแล้วก็ยังสามารถเลือก Fast Travel เพื่อความรวดเร็วด้วย นอกจาก Bayek แล้ว ยังมีบางช่วงที่เราจะได้บังคับ Aya ที่เป็นคนรักของเขาแทน โดยเธอจะใช้อาวุธเป็นดาบคู่ แต่ที่สำคัญคือ Aya มักจะมาให้เราได้ใช้กันในฉากเดินเรือ ซึ่งเราจะได้บังคับเรือเพื่อทำสงครามยุทธนาวีย่อมๆ คล้ายกับภาค Black Flag ด้วย
พูดถึงในเรื่องแอ็กชั่นกันบ้าง แน่นอนว่าเมื่อเป็นเกมซีรีส์ Assassin’s Creed ก็ย่อมต้องเน้นในการลอบสังหารเป็นสำคัญ โดยพื้นฐานก็ยังคงเหมือนภาคอื่นๆ คือถ้าเราลอบเข้าไปยังบริเวณด้านหลังของเป้าหมายโดยไม่ถูกสังเกตก็จะสามารถลอบสังหารในพริบตาโดยใช้อาวุธ Hidden Blade ที่เป็นใบมีดลับติดปลอกแขนได้ แต่ทว่าภาคนี้ไม่ใช่ว่าทำการลอบสังหารได้แล้วจะสำเร็จเสมอไปซึ่งจะพูดถึงอีกทีในช่วงอธิบายถึงเรื่องระบบที่เป็น RPG ส่วนการต่อสู้ปกตินั้นพื้นฐานจะเป็นแอ็กชั่นใช้อาวุธฟาดฟันกันแบบภาคอื่นๆ แต่ที่เพิ่มมาคือภาคนี้จะมีอาวุธประจำตัวหลากหลายขึ้น เช่น ดาบวงพระจันทร์ โล่ มีดคู่ หอก ขวาน เป็นต้น ซึ่งท่าโจมตีรวมทั้งท่าไม้ตายของอาวุธแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันด้วย เมื่อปลดล็อคความสามารถแล้ว เรายังสามารถพกอาวุธไว้สลับกันใช้ได้ทีละสองชิ้นเพื่อสลับใช้งานให้เหมาะสมกับการต่อสู้ ทั้งนี้ก็เพราะภาคนี้ค่อนข้างจะเน้นเรื่องของแอ็กชั่นต่อสู้มากกว่าภาคอื่นด้วย สำหรับการโจมตีอื่นๆ ก็ยังมีธนูซึ่งก็จะมีธนูให้เปลี่ยนได้หลายแบบเช่นกัน จะมีธนูที่ยิงเร็ว ยิงแรง และยิงทีละหลายดอก เป็นต้น และสุดท้ายก็คืออาวุธลับที่จะต้องเลือกติดตั้ง ซึ่งมีตั้งแต่ระเบิดไฟ ยาพิษ และยานอนหลับ ตรงนี้แม้ว่าจะพกได้จำนวนจำกัดแต่ถ้าใช้ให้เหมาะสมแล้วจะช่วยให้ผ่านภารกิจได้ง่ายขึ้นมาก และนอกจากสกิลสำรวจสภาพรอบตัวแล้ว เรายังมีเหยี่ยว Senu ไว้สำหรับส่งไปสำรวจพื้นที่จากภาคอากาศด้วย ซึ่ง Senu สามารถมองค้นหาและมาร์คตำแหน่งของศัตรู เป้าหมายที่ต้องช่วย สมบัติต่างๆ ได้อย่างละเอียดและช่วยให้การเล่นง่ายขึ้นมาก
คราวนี้จะพูดถึงจุดเด่นสำคัญของภาคนี้ก็คือความเป็น RPG นั่นเอง โดยระบบเกมจะให้ความสำคัญกับเลเวลตัวละครและอาวุธที่เราอัพเกรดไว้ค่อนข้างมาก ตัวอย่างเช่นถ้าเรามีเลเวลน้อยกว่าเป้าหมายมากเกินไป จะมีไอคอนรูปหัวกระโหลกสีแดงที่เป้าหมายให้เห็น ซึ่งแสดงให้รู้ว่าอบิลิตี้การสังหารทั้งหลายของเราจะใช้ไม่ได้ผลเลย แม้ว่าจะสามารถลอบเข้าประชิดจากด้านหลังได้ก็จะถูกมันปัดออกก่อน ตลอดจนการใช้อาวุธพวกยานอนหลับต่างๆ ก็จะไม่ได้ผลเช่นกัน เท่ากับว่าเราต้องสังหารด้วยการต่อสู้ตรงๆ เท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนว่าด้วยเลเวลที่ต่างกันก็ย่อมจะทำให้เสียเปรียบมาก ถ้าโดนรุมยิ่งแทบจะไม่มีโอกาสชนะเลย ดังนั้นการค่อยๆ เล่นเก็บเลเวลตามเควสต์ย่อยไปเรื่อยๆ เลยเปรียบเสมือนไฟต์กึ่งบังคับสำหรับภาคนี้ นอกจากนี้การฆ่าศัตรูไม่ว่าจะที่ใดก็ตามจะมีโอกาสดรอปไอเทมด้วย ซึ่งถือเป็นภาคแรกของซีรีส์ที่สามารถหาอาวุธที่ดรอปได้จากการฆ่าศัตรู และก็รวมไปถึงวัตถุดิบเช่นกัน บางครั้งเราต้องไปล่าเสือหรือจระเข้เพื่อเอาหนังของมันมาอัพเกรดเครื่องป้องกัน หรือต้องฆ่าทหารส่งของเพื่อชิงชิ้นส่วนโลหะมาอัพเกรด Hidden Blade (ถ้าลอบสังหารไม่สำเร็จเพราะเลเวลน้อยเกินไปเราจะทำดาเมจได้ตามระดับของ Hidden Blade ที่อัพเกรดมา) ส่วนอาวุธประจำตัวพวกดาบหรือหอกนั้นต้องอัพเกรดที่ร้านตีอาวุธโดยใช้เงิน ยิ่งเป็นอาวุธหายากก็ยิ่งใช้เงินมาก แต่การอัพเกรดก็จะได้ค่าพลังสูงกว่าอาวุธระดับปกติครับ
ถ้าจะเปรียบเทียบกับภาคก่อนๆ Origins ค่อนข้างจะเหมือนเป็นเกมระบบใหม่ที่มีความเป็น Action RPG แบบโอเพ่นเวิล์ดมากกว่า โดยสกิลจะมีการอัพเกรดหลายทางเลือกมากขึ้น หลักๆ ก็จะแบ่งเป็น 3 สายคือ Warrior ที่เป็นสกิลสายท่าโจมตีด้วยอาวุธประจำตัวต่างๆ รวมทั้งเพิ่มพลังให้ท่าไม้ตายที่ใช้เกจ, Hunter เป็นสกิลสายธนูและเพิ่มความสามารถให้เหยี่ยว Senu, และ Seer เป็นสกิลสายอาวุธลับต่างๆ ระเบิดควัน กับดัก การค้าขาย รวมถึงการทำให้สัตว์ป่าเชื่องด้วย ซึ่งสกิลทั้ง 3 สายนั้นส่วนมากก็จะเป็นสกิลที่ช่วยในการต่อสู้มากกว่า แต่สำหรับการลอบสังหารและการลอบเร้นที่เป็นเครื่องหมายการค้าประจำซีรีส์นั้นคล้ายกับว่าจะถูกปรับไปเป็นทางเลือกในการเล่นเพื่อลดจำนวนศัตรูที่ต้องสู้ตรงๆ ลงมากกว่า เพราะยังไงเสียก็จะมีฉากบังคับให้ต้องสู้กันซึ่งๆ หน้า อีกทั้งมีบอสหลายตัวที่ต้องสู้กันตรงๆ เช่นกัน และบอสในภาคนี้มีหลายตัวที่มีความพิเศษขึ้น เราจะได้พบกับบอสที่ไม่คิดว่าจะได้พบในเกมซีรีส์นี้ ซึ่งปกติก็จะมีแต่เป้าหมายที่เป็นคนธรรมดาเท่านั้น และยังมีศัตรูที่ยากกว่าบอสตามเนื้อเรื่องด้วย ซึ่งจะเป็นนักรบที่ถูกเรียกว่า Phylakes โดยเมื่อพวกนี้ปรากฏตัวออกมาใกล้เราก็จะมีสัญญาณเตือน พวกมันล้วนมีความแข็งแกร่งสูงมาก แม้จะถูกลอบโจมตีก่อนหรือถูกผลักตกจากที่สูงก็จะได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้เล่นสามารถกำจัดพวกมันได้ถ้ามีอาวุธที่อัพเกรดมาสูงพอ ถือเป็นความท้าทายขั้นสูงสำหรับภาคนี้และยังได้รับรางวัลจากมิชชั่นพิเศษด้วย
จุดเด่น
1. ขนาดของโลกโอเพ่นเวิลด์ ฉากที่กว้างใหญ่ของอียิปต์ ค่อนข้างให้อิสระมากจนแทบจะเดินไปตรงจุดไหนก็ได้ที่เรามองเห็น กอปรกับบรรดามิชชั่นย่อยที่มีให้ทำก็เยอะมากตามขนาดของพื้นที่เช่นกัน กลิ่นอายของตัวเกมมีความเป็น Action-RPG มากกว่าเกมลอบสังหารตามภารกิจแบบเดิม
2. ประเภทของอาวุธที่มีให้เลือกหลากหลายขึ้น และสกิลก็มีให้อัพหลายสาย ทำให้มีวิธีเล่นได้หลายแบบ ต่างจากภาคก่อนๆ ที่ใช้ดาบเป็นหลัก
3. ลูกเล่นจากภาคก่อนๆ ก็ยังคงมีไว้ให้หายคิดถึง เช่น ระบบการหาชุดแต่งตัว การดำน้ำหาสมบัติ และมีบังคับเรือต่อสู้ไว้ให้ แม้จะไม่ใช่ส่วนหลักของเกมก็ตาม
4. บอสที่ต้องสู้ด้วยมีความหลากหลายกว่าภาคก่อนๆ ที่มีแต่คนธรรมดา บางตัวนี่คนเห็นแล้วต้องอึ้งว่าเปิดผิดเกมรึเปล่า ซึ่งก็ช่วยทำให้ไม่ต้องเบื่อจากการเชือดแต่คนธรรมดา
จุดด้อย
1. เฟรมเรตค่อนข้างแย่ในหลายช่วง รวมถึงบั๊กเล็กๆ น้อยๆ แต่ยังพอแก้ไขให้เล่นผ่านไปได้ ตรงนี้คาดหวังว่าถ้ามีแพตช์อัพเดตแล้วจะดีขึ้น
2. เป็นโอเพ่นเวิร์ลที่ใช้เวลาในการเล่นค่อนข้างนาน เนื่องจากภาคนี้จะใช้ระบบจำกัดพื้นที่ซึ่งเราจะสามารถเดินทางหรือทำเควสต์โดยขึ้นกับความแตกต่างของเลเวล
3. เนื่องจากมีภารกิจเยอะมาก หลายๆ อันเลยค่อนข้างซ้ำ เช่น ลอบเข้าป้อมไปช่วยคนแล้วแบกกลับมาขึ้นม้า พาหนีกลับมาส่งบ้านนี่มีเยอะจริงๆ
สรุป
Assassin’s Creed: Origins ถือว่าเป็นเกมใหม่ที่มีวิธีเล่นไม่ซ้ำกับภาคเก่าๆ เลย และยังคงไว้ซึ่งธีมของการลอบสังหารความชั่วร้ายเพื่อคุณธรรม มีเนื้อเรื่องหักมุมชวนให้ติดตาม แม้แต่เควสต์ย่อยต่างๆ ก็มีรายละเอียดที่น่าสนใจ รวมทั้งปมต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับภาคอื่นๆ ที่เป็นเรื่องราวในอนาคตให้แฟนๆ ของซีรีส์นี้ตามหากัน และเนื่องจากเป็นระบบโอเพ่นเวิลด์ที่ผสมผสานกับ Action-RPG จึงมีวิธีการเล่นหลากหลายตามอาวุธที่เลือกหรือตามสกิลที่เรียนด้วย จะเล่นแบบบู๊ประชิดหรือใช้อาวุธลับเป็นหลักก็เลือกได้ตามสะดวก แต่ก็อาจจะต้องแลกมาด้วยเวลาในการเล่นที่ค่อนข้างจะเยอะกว่าภาคอื่นๆ เช่นกัน
สำหรับข้อเสียของภาคนี้ที่ชัดเจนยังคงเป็นเรื่องเฟรมเรตที่ค่อนข้างจะกระตุกมากในหลายช่วง แม้ว่าจะเล่นด้วย PS4 Pro ก็ตาม รวมทั้งบั๊กต่างๆ ที่มีค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นบั๊กที่เห็นคนไปค้างเติ่งอยู่บนฟ้า หรือเป้าหมายยืนรอสู้กับศัตรูที่ตายไปแล้วจนไม่ยอมมาคุยกับเราเป็นต้น แต่จากที่เล่นมาก็ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการ Fast Travel ย้ายตำแหน่งกลับไปมาได้ โดยยังสามารถเล่นจบเกมได้แม้จะเจอปัญหา และในช่วงที่กำลังเขียนรีวิวนี้เกมก็ได้ออกอัพเดตแพตช์เวอร์ชั่นใหม่แล้ว แม้จะยังไม่มีโอกาสลองแต่ก็เชื่อว่าน่าจะช่วยแก้ปัญหาได้ในระดับนึง
ขณะเดียวกัน เวอร์ชั่น PC ของภาค Origins จะมีการ Optimize ที่ดีกว่าทุกภาคที่เคยลงใน PC มาก่อน เล่นลื่นไหลมาก ทว่าก็ยังคงมีบั๊กอยู่บ้าง ใครที่ใช้การ์จอค่ายแดงก็อาจจะเจอปัญหาเกมค้าง ซึ่งคาดว่าคงต้องรอแพตช์แก้ในภายหลัง
คะแนน 8 (PS4)
คะแนน 9 (PC)