8 เหตุผลที่ทำให้ PUBG กลายเป็นเกมกระแสยอดนิยม by OS

นาทีนี้ปฎิเสธไม่ได้อย่างแน่นอนว่า PUBG เป็นอีกหนึ่งเกมที่นิยมทั่วบ้านทั่วเมือง จนกลายเป็นเกมกระแสที่เกมเมอร์หลายๆ คนเริ่มติดหนึบกันอย่างไม่ได้ตั้งตัว จนได้กลายมาเป็นเกมฮิตอันดับ 1 บน Steam ไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ทำไมเกมนี้ถึงแซงหน้าจนได้กลายมาเป็นเกมอันดับ 1 ไปได้ เรามาลองดูเหตุผลกัน

1. ความฟรีสไตล์ในรูปแบบการเล่นของตัวเกม

สำหรับเกมนี้แน่นอนว่าเป้าหมายคือเราต้องเป็นผู้รอดชีวิต คว้าแชมป์ให้ได้ แต่ในระหว่างทางจะไปถึงจุดหมายนั้น เราสามารถจะทำอะไรก็ได้ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ลองอะไรใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเลือกเมืองที่จะลงตอนแรก การเดินทาง การสู้ เราสามารถเลือกเองได้หมดว่าจะทำอะไร ทำให้ในแต่ละเกมมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ตายตัวตลอดเวลา

จากเกมแนวเอาตัวรอดยิงกัน อาจกลายเป็นเกมขับรถได้

2. เนื้อเรื่องของเกมที่เราเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง

ด้วยความฟรีสไตล์ของตัวเกม ทำให้เราจะได้พบเจอเหตุการณ์ประหลาดๆ ตลอดเวลา ทำให้ในการเล่นแต่ละเกมเราจะได้ความทรงจำที่แตกต่างกัน ดังที่เพื่อนๆ หลายคนอาจจะเคยเห็นคลิปคนไทยถูกคนเกาหลีจับเป็นทาส หรือผู้เล่นที่โดนยิงจนล้มแต่คุยถ่วงเวลากับคนที่ยิงทำให้เพื่อนของเขามาช่วยทัน เป็นต้น ทำให้ผู้คนที่ชอบเล่นเกมสไตล์นี้อยู่แล้ว เล่นได้ยาวๆ ไม่มีเบื่อ

ปืนมีเยอะแยะ สุดท้ายวางปืนมาต่อยกันหาแชมป์ เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวฮาๆ ที่เจอได้ใน PUBG

3. ไม่แชมป์ก็ไม่ซีเรียสอะไร

ในการเล่นเกมอื่นๆ ที่กำหนดการสู้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นเกมแนว MOBA หรือ FPS ทั่วๆ ไป หรือเกมแนว Fighting มักจะเป็นการวัดกันแบบสู้กัน 1-1 (1 คน หรือ 1 ทีม) ทำให้การเล่นนั้นเรามักจะจริงจังกับการชนะมากกว่า โดยเฉพาะเกมแนว MOBA ที่มีทั้งทีมมาตัดสินชะตาด้วยกัน แต่สำหรับ PUBG ไม่ว่าจะเป็นโหมดไหน ก็จะมีผู้เล่นหลายทีมทำให้ % การชนะนั้นไม่ใช่ 50-50 เหมือนเกมอื่นๆ เมื่อไม่ได้คาดหวังมาก ความซีเรียสในการเล่นก็ลดลง แต่หากเราได้แชมป์ขึ้นมาก็จะยิ่งดีใจมากกว่าเกมอื่นๆ อีกเช่นกัน

สนุกได้แม้จะไม่แชมป์ (แต่คนโดนกระทะหวดตายอาจไม่ขำเท่าไหร ฮา)

4. เกมเล่นได้ทุกเพศทุกวัย

ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างสบายๆ ด้วยการเล่นแบบฟรีสไตล์อย่างที่ได้กล่าวไว้ และการจะทำอะไรก็ได้ไม่มีตัวกำหนดในเกม ทำให้เกมไม่จำกัดเพศหรือวัยเท่าไหร่นัก อย่างในประเทศไทย คุณแม่ของ หมอ OuixZ ผู้ทำรายการ ถกกระจู๋ ซึ่งมีอายุถึง 60 ปี ก็เป็นแฟนตัวยงของเกม PUBG ด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณแม่นั้นจะเล่นสไตล์ไม่เก็บของ แต่ค่อยๆ หนีเอาตัวรอดไปเรื่อยๆ มากกว่า ถึงแม้จะไม่ได้เล่นสไตล์ยิงๆ แบบคนทั่วไป แต่ด้วยความฟรีสไตล์ของเกมก็ทำให้คนมีอายุสามารถเข้ามาร่วมสนุกในตัวเกมนี้ได้เช่นเดียวกัน รวมไปถึงผู้เล่นที่ไม่ได้ชอบสไตล์ยิงปืนจ๋า ก็ยังสามารถร่วมสนุกได้

คุณแม่วัย 60 ปี ที่ชอบเล่น PUBG สไตล์สันติ

5. ความเร็วของตัวเกมที่ไม่เร็วเกินไป

หากเทียบกับเกมสไตล์ Battle Royale ที่ดังๆ ก่อนจะเป็น PUBG ก็คงไม่พ้น H1Z1 แต่ถ้าใครที่เคยได้สัมผัสมาก็จะรู้ว่า H1Z1 จะเน้นการเล่นที่ค่อนข้างเร็ว การเคลื่อนไหวที่ไว ทำให้คนเล่นสไตล์ Hardcore กระโดดไล่ยิงจะมีประสิทธิภาพมากกว่า แตกต่างจาก PUBG ที่ Movement ของเกมจะไม่เร็วมากนัก ทำให้ถึงคุณจะไม่เป็น Hardcore เกมเมอร์แต่มีแผนการที่ดี ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างสนุกสนาน

เล่นแบบแอบๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องโดดยิงวัดฝีมือกับคนอื่นในบางสถานการณ์

6. เป็นมิตรกับเหล่า Streamer และ Youtuber

จากที่ตัวเกมมีอะไรแปลกใหม่ตลอดเวลา และเราสามารถเป็นคนกำหนด Story ในแต่ละการเล่นได้ ทำให้เกมนี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่า Streamer หรือ Youtuber เป็นอย่างมาก และเมื่อเจอเหตุการณ์ประหลาดๆ ยิ่งทำให้เกิดคลิปรวมช็อตฮาๆ หรือช็อตเทพๆ มาได้อีกเช่นกัน และเหล่านั้นก็ทำให้เกิดกระแสคนดูที่มากขึ้น ส่งผลให้ตัวเกมได้รับความนิยมมากขึ้นไปเรื่อยๆ อีกด้วย

PewDiePie ก็ยัง Live เกม PUBG ลงช่องตัวเองอีกด้วย

7. เล่นกับเพื่อนแล้วเฮฮา

ด้วยความที่ได้แชมป์ก็ดี แต่ไม่ได้แชมป์ก็โอเค ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมที่ต้องเน้นการเอาชนะอื่นๆ ต่างจากเกมแนว MOBA หรือ FPS อื่นๆ ซึ่งหากคุณเล่น Rank หรือโหมดจัดอันดับ แน่นอนว่าคุณต้องหัวร้อนกับการเล่นมากกว่าแน่นอน และเพื่อนที่ฝีมือต่างกันมากๆ ก็จะเล่นกันไม่ได้ แต่แตกต่างกับ PUBG ที่คุณสามารถจับคู่กับใครก็ได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกอะไรมากนัก ถ้าเพื่อนคุณไม่ได้เล่นแย่ขนาดยิงทีมเดียวกันตาย ก็สามารถเฮฮากันไปได้ด้วยกันมากกว่าแน่นอน

8. ราคาเกมที่ย่อมเยา

ด้วยความที่ยังเป็นเกม Early Access ทำให้ตัวเกมมีราคาที่ไม่แพงมากนัก ส่งผลให้มีคนที่ตัดสินใจเล่นเกมนี้มากขึ้น อีกทั้งหากเก็บกล่องในเกมมาขายดีๆ ก็สามารถหาเงินคืนค่าเกมได้ไม่ยาก ทำให้ตัวเกมแทบจะไม่ต่างกับเกมเล่นฟรีเลยทีเดียว