ในระยะหลังมานี้ มีหลายๆ เกมที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยงบประมาณที่สูง การเตรียมงานที่ใช้เวลานาน เพื่อหวังให้มันกลายเป็นเกมเชิดชูสตูดิโอให้ก้าวไกล ซึ่งบางเกมที่ประสบความสำเร็จก็สามารถทำให้สตูดิโอบางแห่งที่ไร้ชื่อเกิดปังกลายเป็นยักษ์ใหญ่ของวงการได้ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเกมนั้นดันแป้กขึ้นมา...บางค่ายที่มีทุนสำรองหนาหน่อยก็คงพยุงตัวต่อไปได้ ในขณะที่บางสตูดิโออาจขาดทุนยับจนต้องปิดตัวไปเลยก็มี และรอบนี้ทางทีมงาน OS ก็ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับ 5 เกมที่เจ๊งจนถึงขั้นที่พาสตูดิโอลงเหวไปพร้อมกันครับ
-----------------------------------------------------
1. Murdered Soul Suspect (พัฒนาโดย Airtight Games)
เกมแนวสืบสวนที่พระเอกคือคนที่ตายไปแล้ว และต้องออกตามหาว่าใครคือฆาตกร โดยตัวเกมจะให้ผู้เล่นใช้ความสามารถของการเป็นผีคอยสืบสวนสิ่งที่เกิดขึ้น แต่น่าเสียดายที่เกมไม่ได้รับการตอบรับจากนักวิจารณ์และคนเล่นเกม ทำให้ยอดขายต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แถมคะแนนก็สุดแสนจะธรรมดา แม้ว่าเกมจะถูกจัดจำหน่ายโดย Square Enix ก็ตาม ส่วนทางสตูดิโอ Airtight Games ซึ่งเคยมีผลงานที่ดังที่สุดคือเกม Dark Void ก็เกิดประสบปัญหาอย่างหนักหลังจากเกมนี้ขายไม่ออก เลยปิดสตูดิโอไปเงียบๆ แบบไม่มีใครรู้ จนกระทั่งมีนักข่าวจะเข้าไปทำข่าวในสตูดิโอถึงรู้ว่า เขาเก็บของย้ายหนีไปนานแล้ว...
-----------------------------------------------------
2. Silent Hill Downpour (พัฒนาโดย Vatra Games)
ภาคหลักภาคที่ 8 ของเกมแนว Survival Horror ชื่อดังจากค่าย Konami ที่เป็นเรื่องราวของนักโทษที่กำลังนั่งรถไปคุกและเกิดอุบัติเหตุตกลงมาในเมืองหมอกแห่งนี้ โดยภาค Downpour ได้ชูความเป็นเกมโอเพ่นเวิลด์ครั้งแรกของซีรีส์ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด แม้จะมีเสียงชื่นชมบางส่วนจากแฟนเกมในเรื่องของเนื้อเรื่องที่ลุ่มลึก แต่ตัวเกมเพลย์ที่พิกลพิการแบบแปลกๆ เลยทำให้ยอดขายของมันไปไม่รอด ด้วยเหตุนี้สตูดิโอเล็กๆ อย่าง Vatra Games จากสาธารณรัฐเช็กซึ่งรับหน้าที่พัฒนาเกมนี้เป็นเกมที่ 2 ของสตูดิโอก็เลยต้องล้มหายตายจากไปอย่างน่าเสียดาย
-----------------------------------------------------
3. X-Men Destiny (พัฒนาโดย Silicon Knights)
หากใครมีเครื่อง Gamecube น่าจะได้ยินชื่อสตูดิโอ Silicon Knights กันมาบ้าง เพราะเป็นค่ายที่พัฒนาเกมสยองขวัญระดับตำนานอย่าง Eternal Darkness: Sanity's Requiem และยังร่วมพัฒนา Metal Gear Solid: The Twin Snakes อีกด้วย แต่หลังจากที่บริษัทได้ปล่อยเกมที่ดองเค็มตั้งแต่ยุค PS1 อย่าง Too Human บน Xbox 360 ดูเหมือนว่าสตูดิโอจะเข้าสู่ขาลงนับแต่นั้น และเริ่มมาเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นใน X-Men Destiny ที่แม้คอนเซ็ปต์เกมจะดูดี เปิดโอกาสให้เราเป็นผู้มีพลังพิเศษและเลือกฝ่ายได้ แต่คุณภาพตัวเกมจริงๆ กลับเทียบเท่าเกมแอ็กชั่นดาดๆ ทั่วไป สุดท้ายก็เจ๊งเละเทะ ทำให้ค่าย Silicon Knights มีอันต้องปิดฉากลง (จริงๆ ก่อนหน้านั้นมีเจอฟ้องร้องคดีเกม Too Human ที่ดันไปฟ้อง Microsoft ว่าทำให้เกมขายไม่ออก สุดท้ายก็แพ้หมดรูป ทำให้ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายจนบริษัทหมดตัว)
-----------------------------------------------------
4. L.A. Noire (พัฒนาโดย Team Bondi)
อันนี้จะต่างจากเกมอื่นที่กล่าวมาข้างต้นครับ นั่นก็เพราะว่า L.A.Noire ถือเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมทั้งในแง่ตัวเกมและเทคโนโลยีที่มอบให้วงการเกมกับเทคนิค Motion Capture ระดับเทพ แต่ว่าสตูดิโอนี้ต้องใช้เวลาในการพัฒนาเทคนิคดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2004 ทำให้ต้องหมดเงินไปอย่างมหาศาล แม้ว่าเกมจะขายดีก็จริง แต่ก็มีข่าวลือว่าผู้จัดจำหน่ายเกมอย่าง Rockstar กลับมอบส่วนแบ่งทางการเงินไม่ยุติธรรมเท่าไรนัก ส่งผลให้ Team Bondi มิอาจจะอยู่ต่อไปได้ จึงจำต้องปิดสตูดิโอด้วยผลงานการพัฒนาเกมเพียงแค่เกมเดียว นับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมาก
-----------------------------------------------------
5. E.T. (พัฒนาโดย Atari)
เกมระดับตำนานที่สร้างความเสียหายต่อวงการเกมมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในยุคแรกของวงการเกมนั้น Atari ถือเป็นค่ายที่อยู่ในระดับจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ทั้งเครื่องเกมและเกมที่พัฒนาออกมาล้วนได้รับความนิยม แต่เพราะความโลภเพียงครั้งเดียวที่คิดผลิตเกม E.T. ซึ่งสร้างจากภาพยนตร์ดังของ Steven Spielberg เพื่อหวังโหนกระแสของหนังในการดันยอดขาย แต่ว่าดันพัฒนาออกมาลวกๆ และใช้เวลาน้อยเกินไป ทำให้คุณภาพเกมออกมาห่วยเกินจะรับไหว อีกทั้งยังผลิตเกมออกมามากกว่าจำนวนเครื่องที่ขายได้ ทำให้ Atari เจ๊งจากการขายเกมนี้ และส่งผลกระทบต่อวงการเกมจนเกิดเหตุการณ์วิกฤติวิดีโอเกมปี 1983 แม้ว่า Atari จะผ่านพ้นมาได้ แต่ว่าผลกระทบจาก E.T. ก็ไม่เคยทำให้ Atari กลับมายืนจุดสูงสุดได้อีกเลย มีแต่สาละวันเตี้ยลงจนสุดท้ายต้องยุติการผลิตเครื่องเกมไปในที่สุด