HBD! Game Developer!! by play
เมื่อพูดถึงซีรีส์ Resident Evil แล้วเพื่อนๆ ชาวเกมเมอร์คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดีนะครับ ในฐานะที่เป็นเกมแนวแอ็กชั่นชู้ตติ้งที่มีธีมของเกมเป็นการต่อสู้กับบรรดาอาวุธชีวภาพทั้งหลาย ซึ่งในวันนี้ (11 สิงหาคม) ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดของคุณชินจิ มิคามิ นักพัฒนาเกมชื่อดังชาวญี่ปุ่นที่ในวงการเกมต่างรู้จักเขาในบทบาทของผู้ให้กำเนิดเกม Resident Evil ขึ้นมา และยังเป็นไดเร็กเตอร์ให้กับ Resident Evil ภาคแรกและภาค 4 เองกับมือ โดยเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของคุณมิคามิที่เวียนมาบรรจบในวันนี้พอดี ทางทีมงาน play ก็ขอนำเสนอบทความชีวประวัติของ 1 ในนักพัฒนาระดับตำนานคนนี้ให้ชมกันครับ
คุณชินจิ มิคามิ (三上 真司) เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2508 ซึ่งในปีนี้เขาก็มีอายุครบ 51 ปีพอดี โดยคุณมิคามิสำเร็จการศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโดชิฉะ (Doshisha University) และได้เข้าทำงานที่บริษัท Capcom ในปี 2533 ต่อมาก็ได้มีโอกาสร่วมพัฒนาเกมแรกคือ Capcom Quiz: Hatena no Daibōken ที่เป็นเกมแนวตอบคำถามบนเครื่อง Game Boy แต่ผลงานเกมที่เริ่มสร้างชื่อให้กับคุณมิคามิจริงๆ ก็คือเกม Aladdin ที่วางจำหน่ายในปี 2536 บนเครื่อง Super Famicom ในฐานะผู้ออกแบบเกมดังกล่าว ซึ่งเกม Aladdin นี้สามารถทำยอดขายทั่วโลกได้สูงถึง 1.75 ล้านชุดเลยทีเดียว
(ล่าง) เกม Capcom Quiz: Hatena no Daibōken วางจำหน่ายบนเครื่อง Game Boy เมื่อปี 2533 โดยเป็นเกมแรกที่คุณมิคามิร่วมพัฒนาในฐานะพนักงานของ Capcom
(ล่าง) เกม Aladdin วางจำหน่ายบนเครื่อง Super Famicom เมื่อปี 2536 และชื่อเสียงของคุณมิคามิก็เริ่มเป็นที่รู้จักในแวดวงพัฒนาเกมที่ญี่ปุ่นก็จากเกมนี้นั่นเอง
และแล้วในอีก 3 ปีต่อมา คุณมิคามิก็ได้เป็นหัวแรงหลักในการสร้างและกำกับเกมแนวแอ็กชั่นกึ่งสยองขวัญที่มีชื่อว่า Resident Evil ขึ้นมา โดยได้แรงบันดาลใจมาจากเกม Sweet Home ที่เป็นเกมแนว RPG กึ่งสยองขวัญที่ทาง Capcom พัฒนาลงบนเครื่อง Famicom ตั้งแต่ปี 2532 กับบรรดาภาพยนตร์ของจอร์จ โรเมโร่ เจ้าพ่อหนังสยองขวัญยุค 60-70 ซึ่งหลังจากที่เกม Resident Evil วางจำหน่าย ซีรีส์นี้ก็ได้รับความนิยมจนมีแฟนคลับเกิดขึ้นมานับล้านคน อีกทั้งยังประสบความสำเร็จด้านยอดขายอย่างถล่มทลาย จากความสำเร็จของ Resident Evil นี่เอง ก็ทำให้คุณมิคามิได้รับการเลื่อนตำแหน่งมาเป็นระดับโปรดิวเซอร์ พอได้มาอยู่ในตำแหน่งนี้ เขาก็เริ่มเดินหน้าอำนวยการสร้าง Resident Evil 2 และ Resident Evil 3 ต่อทันที ตามมาด้วยเกม Dino Crisis ภาคแรกที่เขารับหน้าที่เป็นไดเร็กเตอร์ควบกับโปรดิวเซอร์ด้วย เรียกว่าระหว่างปี 2539-2542 นี้เป็นช่วงบุกเบิกและขาขึ้นของคุณมิคามิอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ
(ล่าง) 2 นักพัฒนาเกมระดับตำนาน ชินจิ มิคามิ กับ ฮิเดโอะ โคจิม่า
ไม่นานนักหลังจากที่ Resident Evil 3 วางจำหน่าย ทาง Capcom ก็ได้ก่อตั้งสตูดิโอใหม่ที่มีชื่อว่า Capcom Production Studio 4 ขึ้นในปี 2542 โดยบุคลากรส่วนใหญ่ของสตูดิโอนี้ก็ประกอบไปด้วยนักพัฒนาเกมระดับหัวกะทิของ Capcom พร้อมกันนี้ตัวคุณมิคามิเองก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของสตูดิโอนี้เช่นกัน และเขายังรับหน้าที่อำนวยการสร้างให้กับอีกหลายเกมที่พัฒนาโดย Studio 4 (ในจำนวนนี้ก็รวมถึงเกม Devil May Cry ภาคแรกด้วย)
(ล่าง) คุณชิเงรุ มิยาโมโตะ (ซ้าย) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Nintendo กับคุณชินจิ มิคามิ (ขวา) ในงานประกาศลงเกม Resident Evil ภาคหลักให้กับเครื่อง GameCube แบบ Exclusive // ภาพจากเว็บไซต์ Capcom
แต่แล้วในปี 2544 คุณมิคามิก็ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญที่ค่อนข้างจะขัดกับแผนธุรกิจของบริษัท Capcom อย่างแรง นั่นก็คือการประกาศทำเกม Resident Evil ภาคต่อที่เป็นภาคหลักลงให้เฉพาะเครื่อง GameCube ของ Nintendo เท่านั้น พร้อมกับประกาศกร้าวว่าถ้าใครเห็น Resident Evil ไปลงให้กับเครื่องอื่นก็ให้มาตัดศีรษะเขาไปได้เลย ซึ่งโปรเจ็กต์ที่ว่านี้ก็ได้แก่ Resident Evil ภาครีเมค, Resident Evil 0 และ Resident Evil 4 นั่นเอง ทั้งนี้ สาเหตุที่คุณมิคามิได้ตัดสินใจทำเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็มาจากความเป็นแฟน Nintendo ตัวยงของคุณมิคามิเองด้วยครับ ทว่าสิ่งที่คุณมิคามิอาจจะมองข้ามไปหรืออาจไม่ได้ใส่ใจแต่แรกก็คือ ฐานผู้เล่นบนเครื่อง GameCube นั้นมีน้อยกว่า PlayStation 2 อยู่หลายเท่า ทำให้ยอดขายของภาครีเมคจึงออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมากๆ คือขายได้เพียง 1.25 ล้านชุดภายในปีแรกของการวางจำหน่าย ในขณะที่ Resident Evil 0 เองก็ทำยอดขายได้ต่ำกว่าภาครีเมคเสียอีก เลยเป็นเหตุให้บรรดาผู้บริหารและกลุ่มผู้ถือหุ้นของ Capcom เกิดความวิตกอย่างหนัก และพวกเขาหวั่นเป็นอย่างยิ่งว่ายอดขาย Resident Evil 4 คงไปได้ไม่สวยแน่หากวางจำหน่ายแค่บนเครื่อง GameCube เพียงเครื่องเดียว
(ล่าง) เกม Resident Evil 4 ผลงานระดับมาสเตอร์พีซของคุณชินจิ มิคามิ ที่ทั้งสร้างชื่อและน่าจะทำให้เจ้าตัวศีรษะหลุดจากบ่าไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
แม้ว่ายอดขาย Resident Evil 0 จะอยู่ในขั้นวิกฤต แต่คุณมิคามิก็ยังแสดงความมั่นใจและสนับสนุน Nintendo ต่อไป พร้อมกับประกาศรายชื่อเกม Exclusive ให้กับเครื่อง GameCube ที่เตรียมจะวางจำหน่ายอีก 5 เกม ได้แก่ Resident Evil 4, P.N.03, Viewtiful Joe, Killer 7 และ Dead Phoenix โดย 5 เกมที่ว่านี้เป็นที่รู้จักในหมู่เกมเมอร์และสื่อมวลชนขณะนั้นว่า "Capcom Five" ในที่สุด ลางร้ายของคุณมิคามิก็เริ่มมาเยือน เมื่อเกม P.N.03 ที่เขาลงมือกำกับด้วยตนเองประสบความล้มเหลวด้านคำวิจารณ์และยอดขายอย่างหนัก กระทั่งคุณมิคามิต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการลงจากตำแหน่งผู้จัดการของ Studio 4 แต่ยังคงรับหน้าที่โปรดิวเซอร์หลักให้กับโปรเจ็กต์เกมอื่นๆ ในสตูดิโออยู่ และหลังจากนั้นคุณมิคามิก็ได้ตัดสินใจพุ่งเป้ามาโฟกัสที่เกม Resident Evil 4 ด้วยการรับหน้าที่เป็นผู้กำกับด้วยตนเอง ผลที่ได้ก็คือ Resident Evil 4 กลายเป็น 1 ในเกมที่ขายดีที่สุดของเครื่อง GameCube ทันที พร้อมทั้งได้รับคำชมจากผู้เล่นและนักวิจารณ์อย่างถล่มทลาย แถมยังชนะรางวัลเกมยอดเยี่ยมแห่งปี 2005 (พ.ศ. 2548) จากหลายสำนักด้วย
(ล่าง) (จากซ้ายไปขวา) คุณฮิเดกิ คามิยะ ผู้ให้กำเนิดเกม Devil May Cry, คุณฮิเดโอะ โคจิม่า ผู้สร้างเกม Metal Gear, คุณเท็ตสึยะ มินามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ PlatinumGames และคุณชินจิ มิคามิ
ภายหลังจากประสบความสำเร็จกับ Resident Evil 4 คุณมิคามิก็ได้ออกไปตั้งสตูดิโอใหม่ที่ชื่อว่า Clover Studio โดยมี Capcom เป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินและทุนสร้างเกม ซึ่งก็มีเกมที่ถูกพัฒนาในเกมของ Clover Studio ที่เด่นๆ ได้แก่ God Hand กับ Okami แต่แล้วสตูดิโอแห่งนี้ก็มีอันต้องปิดตัวไปในปี 2550 คราวนี้คุณมิคามิก็เลยย้ายไปอยู่กับบริษัท PlatinumGames พร้อมกับรับหน้าที่เป็นไดเร็กเตอร์ให้กับเกม Vanquish ที่เป็นแนวแอ็กชั่นชู้ตติ้ง วางจำหน่ายในปี 2553 ก่อนที่จะโยกไปตั้งสตูดิโอแห่งใหม่ในนาม Tango Gameworks ในปีเดียวกัน และทำเกม The Evil Within ออกมา พร้อมกับประกาศว่าเกมดังกล่าวจะเป็นเกมสุดท้ายที่เขาจะรับหน้าที่เป็นไดเร็กเตอร์ ซึ่งประเด็นที่ว่านี้คุณมิคามิเองไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ เกี่ยวกับการวางมือ นอกจากนี้เจ้าตัวก็ได้โฆษณาว่า The Evil Within จะเป็นเกมที่โชว์ความเป็น Survival Horror อย่างแท้จริง และจะทำให้ผู้เล่นเกิดความหลอนสุดขั้ว แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็สวนทางกับความมั่นใจที่คุณมิคามิมีอย่างสิ้นเชิง เมื่อยอดขายของเกมออกมาดูไม่จืดเลย แถมยังเจอนักวิจารณ์หลายสำนักรุมสวดว่าเกมมีกราฟิกที่ตกยุคเกินไป และการเคลื่อนไหวที่ดูด้อยกว่าเกมแอ็กชั่นเกมอื่นๆ มาก กลายเป็นการปิดฉากฐานะไดเร็กเตอร์ของเขาที่ไม่สวยหรูอย่างที่หวังไว้ แต่ถึงแม้จุดหมายของเส้นทางของคุณมิคามิจะออกมาในรูปนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเราชาวเกมเมอร์ก็ยังคงระลึกเสมอว่าคุณมิคามิก็เคยสร้างความสุขแก่ชาวเกมเมอร์มานักต่อนัก ด้วยเกม Resident Evil ที่ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นซีรีส์หากินของค่าย Capcom เคียงคู่กับ Street Fighter และ Monster Hunter ครับ