สัมภาษณ์เบื้องหลังกับทีมพัฒนาเกม Horizon Zero Dawn จากงาน E3 2016
Horizon Zero Dawn อีกหนึ่งผลงานอันภาคภูมิใจที่ทาง Sony นำเสนอ พัฒนาโดย Guerilla Games ที่เคยฝากผลงานระดับสุดยอดกับเกม Killzone มาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทีมงานก็ได้มีโอกาสเข้าไปสัมภาษณ์คุณแจน บาร์ต แวน บีค (Jan-Bart Van Beek) ผู้ทำหน้าที่เป็น Art Director และคุณเดวิด ฟอร์ด (David Ford) ในตำแหน่ง Lead Quest Designer ของเกมนี้ภายในงาน E3 2016 ว่าแล้วก็มาชมบทสัมภาษณ์พร้อมๆ กันเลยดีกว่าครับ
Q: ไม่ทราบว่าตัวเกมของ Horizon Zero Dawn จะมีความยาวประมาณเท่าไหร่ครับ?
คุณฟอร์ด: ณ ตอนนี้เรายังไม่สามารถบอกได้ครับ แต่เราสัญญาว่าจะไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงแน่นอน โดยในเดโมที่มีการเปิดให้สาธารณชนได้ชมกันไปนั้นจะเป็นด่านที่ 12 ซึ่งถือว่าลึกเข้าไปในเกมระดับหนึ่งแล้ว โดยภาพลักษณ์และบรรยากาศในเกมจะเป็นอย่างที่ทุกคนเห็นกัน ส่วนรูปแบบการเล่นนั้นจะไม่เหมือนในเดโมซะทีเดียว เนื่องจากที่เห็นกันในเดโมนั้นเป็นการคัดเลือกช่วงหนึ่งของเกมมาแบบคร่าวๆ ว่าตัวละครทำอะไรได้บ้าง และบอกได้ว่าเกมตัวเต็มจะไม่เป็นอย่างเดโมเป๊ะๆ 100% ครับ
Q: ด้านเนื้อเรื่องละครับ มีมิติอะไรแปลกใหม่ที่ผู้เล่นควรรู้บ้าง?
คุณฟอร์ด: ในตอนแรกมนุษย์กับหุ่นจักรกลจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขครับ แต่แล้วก็เกิดเหตุที่หุ่นยนต์ได้ลงมือสังหารมนุษย์ไปจนเกือบหมด กระทั่งในอีกราวๆ 1,000 ปีต่อมา จำนวนมนุษย์ก็ค่อยๆ เริ่มกลับมา พร้อมกับตั้งกลุ่มสังคมที่เป็นเอกเทศ (คล้ายกับเผ่าอินเดียนแดงกับชาวอเมริกันในยุคสร้างชาติ) ซึ่งมนุษย์บางส่วนจะมองว่าต้องทำอย่างไรจึงจะอยู่ในโลกที่มีจักรกลเป็นประชากรส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ทีมงานก็อยากให้ผู้เล่นได้ลองเล่นดูก่อน แล้วลองค้นหาดูเอาว่าในอดีตนั้นได้เกิดอะไรขึ้นกับโลกจนมีสภาพอย่างที่เห็น ผู้เล่นจะได้ผจญภัยไปพร้อมกับเอลอย (Aloy) สาวที่ไม่ประสีประสาโลกเท่าไหร่นัก เมื่อดำเนินเกมไปเรื่อยๆ สาวเอลอยก็จะพัฒนาขีดความสามารถและความรู้ตามมา ผู้เล่นจะเติบโตและเรียนรู้กันไปพร้อมกับเอลอยได้เลย
Q: บรรดาหุ่นจักรกลในเกมนี้ นอกจากต้องสังหารมันแล้ว เรายังทำอะไรกับสิ่งพวกนี้ได้บ้าง?
คุณแวนบีค: ตัวหุ่นนี้ เราสามารถที่จำทำการแฮคเพื่อให้มันมาเป็นพวกของเราได้ บางตัวสามารถใช้ขี่เป็นยานพาหนะได้ (ถ้าเชื่องแล้ว) หรือบางตัวเราสามารถสั่งให้มันไปโจมตีศัตรูตัวอื่นก็ได้เช่นกัน ในเกมนี้จะมีบทสนทนาให้เลือกตอบอยู่มากมาย แต่โดยรวมแล้วจะไม่มีผลแบบ Butterfly Effect กับเนื้อเรื่องแต่อย่างใด เต็มที่ก็จะส่งผลแค่ทำให้ตัวละครบางตัวมีความรู้สึกกับตัวเราที่เปลี่ยนไป หรือบ้างก็ทำเควสต์กับมันในมิชชั่นหลังๆ ยากขึ้น เป็นต้น