Kingdom Under Fire II ระเบิดสงครามกลางสมภูมิแดนเถื่อนสุดมัน

        หลังจากที่เปิดช่วงทดสอบกันไปแล้วสำหรับ mmorpg สุดมันต้นปีอย่าง Kingdom Under Fire II เซิร์ฟเวอร์ SEA ที่เรียกว่ามีผู้เล่นทะลักเข้าไปเล่นกันอย่างท่วมท้น ไหนจะเดี๋ยวมีการเปิดเซิร์ฟเวอร์ไทยให้เกมเมอร์ชาวเราได้มันกันอีกขั้น วันนี้ผมก็เลยจะมารีวิวเบื้องต้นของเกม Kingdom Under Fire II ที่ได้สัมผัสกันในช่วงแรกซักหน่อยครับ

*บทความนี้เป็นรีวิวของทีมงานที่เล่นไปได้ประมาณเลเวล 18 นะครับ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

        Kingdom Under Fire II ก็เป็น mmorpg แบบ hybrid จริงๆ ที่จะมีการผสมผสานความเป็น Action และ RTS เข้าด้วยกัน โดย Kingdom Under Fire II ได้โผล่สู่สายตาประชาชนเกมเมอร์ตั้งแต่สมัยปี 2008 นู่นเลย โดยเป็นผลงานของค่าย BlueSide กับ Phantagram ซึ่งเป็นค่ายเดียวกับที่เคยทำลง Console หลายๆ ภาคที่ผ่านมานั่นแหละครับ

        เมื่อเริ่มเข้าเกม Kingdom Under Fire II สิ่งแรกที่ต้องทำก็คือ การสร้างตัวละครของเรานั่นเอง โดย Kingdom Under Fire II จะมีอาชีพให้เราเลือกเพียง 3 อาชีพเท่านั้น คือ Berserker นักรบผู้เหี้ยมหาญ บู๊แหลกแหกค่าย โดยมีอาวุธเป็นดาบใหญ่และถุงมือเหล็ก Gunslinger หนุ่มหล่อผู้มีความแคล่วคล่องว่องไว ใช้อาวุธประเภทดาบยาวและปืน Spellsword นักรบสาวเพียงคนเดียวในเกม ผู้มีพลังมนตรา ใช้อาวุธประเภทดาบแทงและคทา ส่วนของการสร้างตัวละครนั้น ก็มีให้ปรับแบบละเอียดอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ที่สำคัญเลยก็คือ อาชีพล็อคเพศครับ เพราะงั้นถ้าใครอยากเล่นตัวผู้หญิงก็จะเล่นได้อาชีพเดียวก็คือ Spelsword นั่นเอง

        สำหรับสิ่งที่น่าสนใจที่ทุกคนรอ Kingdom Under Fire II ก็คงจะเป็นเรื่องของระบบการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะถล่มเป็นกองทัพ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องจริงครับ เพราะว่าเริ่มต้้นเกมมา หลังจากที่สร้างตัวละครกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็จะอยู่กลางสมรภูมิที่กำลังรบกับพวก Orc กันอยู่นับร้อยนับพัน ทางตัวเกมฝั่ง Action ก็จะเป็นแบบ Non Targeting ครับ ใครอยู่ตรงหน้าฟันเบี้ยวเลี้ยวกลับหมด (สามารถปรับในออพชั่นได้ว่าจะให้หันหน้าไปทางศัตรูอัตโนมัติรึเปล่าด้วย) เกมเพลย์การต่อสู้ก็ไม่ได้ช้าซักเท่าไหร่นัก มี Skill ให้เราใช้กันทั้งแบบ Active และ Passive ที่จะต้องกด Chain จากสกิล Active ต่อ ก็สามารถทำให้เราสนุกกับการต่อคอมโบกับกองทัพศัตรูนับพันด้วย (แต่ดันไม่มีเลขคอมโบให้ดู) มีระบบการใช้ Finisher เพื่อโจมตีศัตรูที่ติดสตั้นหรือล้มลง ระบบค่า SP ใช้สกิลที่สามารถฟื้นฟูได้ด้วยการโจมตีศัตรูตามปกติธรรมดา ทำให้สามารถใช้สกิลได้อย่างต่อเนื่อง โดยรวมของระบบการต่อสูฝั่ง Action ก็อลังการงานสร้างดีครับ

        ในส่วนของการต่อสู้ฝั่งที่เป็น RTS จะเริ่มได้ใช้ก็ต่อเมื่อเราผ่านเนื้อเรื่องไปซักพัก จะมีการให้ควบคุมยูนิทที่เป็นทหารลูกน้องเพิ่มขึ้น สำหรับโหมดการเล่นแบบ RTS นั้น จะช่วยในเรื่องของการเข้าโจมตีศัตรูแบบหลายๆ กองทัพ ซึ่งบางด่านศัตรูจะยกมาพร้อมๆ กันหลายทัพ ก็ให้เราใช้โหมด RTS ในการสั่งการลูกน้องให้แยกกันไปตีอีกกองทัพนึง แล้วเราก็ไปตีอีกกองทัพนึง เพื่อที่จะแยกกองทัพศัตรูออกจากกันและจัดการได้อย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่แล้วจากที่เล่นมาได้ซักระยะหนึ่ง ระบบ RTS ยังไม่ค่อยมีผลอะไรในช่วงแรกเท่าไหร่นัก เพราะเคยลองในด่านเดียวกัน เล่นทั้งแบบ Action ฟันดะ อย่างเดียว กดคำสั่งให้ลูกน้องตามต้อยๆ กับ เล่นผสมระหว่าง Action และ RTS คอยสั่งให้ลูกน้องไปโจมตีกองทัพ Orc และเอาตัวฮีโร่เข้าไปแยกโจมตีบอส ผลก็คือผ่านด่านได้ง่ายทั้งคู่เช่นกัน

       อีกระบบที่ทำให้เกมดูมีอะไรมากขึ้นในการต่อสู้นั่นก็คือระบบ Troops หรือจะเรียกว่าลูกน้อง ทหาร บลาๆๆ ก็แล้วแต่จะเรียกกัน ซึ่งทหารพวกนี้ก็จะได้มาคุมกันเป็นทัพย่อยๆ ก็คือไม่ได้มาเพิ่มแค่คนสองคน แต่มาหลักสิบถึงหลักร้อย ทหารแต่ละหน่วยก็จะมีอาชีพที่แตกต่างกันแล้วแต่ว่าเราได้จ้างอาชีพอะไรมา โดยทหารนั้นก็ยังสามารถพัฒนาเปลี่ยนอาชีพให้เก่งขึ้นได้ด้วยการเก็บเลเวลไปถึงจุดที่กำหนด และนำวัตถุดิบที่หล่นจากการต่อสู้มาให้กับ NPC ก็จะสามารถพัฒนาอาชีพและเปลี่ยนอาชีพได้ด้วย นอกจากนี้ทหารแต่ละหน่วยก็ยังมีสกิลที่แตกต่างกันออกไป เพื่อช่วยสนับสนุนในการต่อสู้ให้ดียิ่งขึ้น อ้อ ถึงทหารจะตายหมดในการต่อสู้ 1 ครั้ง แต่เมื่อจบด่าน ทหารก็จะฟื้นตัวขึ้นมาเหลือ HP 1 ให้นะครับ

        Kingdom Under Fire II ไม่ใช่เกมที่ลงดันเจี้ยนล้วนๆ ยังมีในส่วนของแผนที่ย่อยหรือที่เรียกว่า Field ซึ่งในแผนที่เหล่านี้ก็จะมีเควสต์ให้ผู้เล่นได้ทำทั่วๆ ไปเหมือน mmorpg ปกติ ง่ายๆ ก็คือ Kingdom Under Fire II จะแบ่งแผนที่ออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

– Battlefield ที่เป็นเหมือนดันเจี้ยน รบกับกองกำลังศัตรูนับร้อยนับพัน สามารถเรียกใช้ทหารหน่วยย่อยของเราได้
– Field เป็นพื้นที่ทั่วไปปกติ มีมอนสเตอร์อาศัยอยู่บ้าง มี NPC ให้รับเควสต์ ทำเควต์ เหมือน mmorpg ปกติ
– Town เมืองหลัก ที่จะมีแต่ NPC ไม่มีมอนสเตอร์ และก็เป็นศูนย์กลางการพบกันของเหล่าผู้เล่น

        นั่นทำให้การเดินเรื่องของ Kingdom Under Fire II จะมีสลับกันไปมาระหว่างการต่อสู้แบบสนามรบ และการออกมาชิลทำเควสต์นอกสนามรบนั่นเองครับ และในส่วนของระบบอื่นๆ ตอนนี้ก็ยังมีแค่การสร้างกิลด์ , การตีบวกเพิ่มความแข็งแกร่งของอาวุธเท่านั้นเอง

        โดยรวมแล้ว Kingdom Under Fire II ก็น่าจะเป็นเกมที่ถูกใจเหล่าคอเกมที่ชอบฟันศัตรูเป็นผักปลาคล้ายกับเกมพวกแนว Musou (Dynasty Warrior อะไรพวกนั้น) แอคชั่นมัน เอฟเฟคต์สกิลอลังการงานสร้างดี มีการต่อสู้ทั้งแบบ Action ผสม RTS พื้นฐานที่ผู้เล่นสามารถเข้าใจได้ง่าย มีคัทซีนให้ดูเป็นระยะๆ ที่สำคัญที่เป็นจุดที่ผมชื่นชมเลยก็คือ ภายในจอการเล่นจอนึงแม้ว่าจะมีศัตรูมากมายแค่ไหน ตัวเกมกลับ optimize ออกมาได้กินสเปคเครื่องน้อยมากครับ ทำให้การเล่นไม่มีอารมณ์กระตุกติดขัดเหมือนหลายๆ เกมกันเลยทีเดียว แต่ตัวเกมก็ยังมีข้อจำกัดในหลายๆ อย่างครับ อย่างพวกกระโดดข้ามก้อนหิน ข้ามเนินเตี้ยๆ ไม่ได้ เพราะไม่มีกระโดด (จริงๆ แค่เดินข้ามแบบก้าวเท้าข้ามเอ็งก็พ้นแล้วนะ) การเคลื่อนไหวของตัวละครและการออกท่าทางที่ดูแข็งๆ อยู่บ้าง แต่พอหักลบกับความมันในการต่อสู้แล้วก็ไม่มีปัญหาครับ เป็นอีกเกมที่เหล่าเกมเมอร์ควรสัมผัสกันเลยหล่ะ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้