มันถึงเวลา! THQ ตัดเค้กแบ่งขายกิจการเรียบร้อย

หลังจากยืดเยื้อมานานในที่สุดอดีตบริษัทเกมยักษ์ใหญ่ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักมากมายอย่าง THQ ก็ถึงคราวต้องปิดตัวลงจริงๆ ตามที่หลายๆ คนคาดการณ์ ขณะที่แฟรนไชส์เกมต่างๆ รวมถึงทีมพัฒนาในสังกัดของ THQ นั้น ก็ได้ผู้มีอุปการะคุณรายใหม่จ่ายเงินซื้อไปสานต่อและร่วมงานเสียส่วนมาก

 

โดยบริษัทที่เข้าร่วมการแบ่งเค้กกันในครึ้งนี้ก็ได้แก่ SEGA, Koch Media, Take-Two, Ubisoft และ Crytek ครับ ส่วนเจ้าไหนซื้ออะไรไปบ้าง ก็ไปดูกันเลย

 

 

SEGA จ่ายเงินเป็นจำนวนกว่า 26.6 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อดึงตัวทีมพัฒนามือดีที่สุดของ THQ อย่าง Relic Entertainment พร้อมพ่วงสิทธิ์ของแฟรนไชส์ในการดูแลอย่าง Company od Heroes, Warhammer 40,000 เข้ามาอยู่ใต้สังกัด โดยพวกเขาเฉือนชนะทาง ZeniMax Media บริษัทแม่ของ Bethesda Softwork (The Elder Scrolls Series) ซึ่งยื่นราคามาเป็นอันดับ 2 ที่ 26.3 ล้านเหรียญไปอย่างหวุดหวุด โดยดีลนี้ถือว่าสำคัญสำหรับ SEGA มาก เพราะจะทำให้พวกเขาถือสิทธิ์ทำเกมจากจักรวาลของ Warhammer ได้โดยสมบูรณ์ ทั้ง Warhammer Fantasy และ Warhammer 40,000 เลยทีเดียว แล้วยังเท่ากับว่า ณ เวลานี้ SEGA มีสุดยอดทีมพัฒนาเกมวางแผนแห่งยุคอยู่ในสังกัดถึง 2 ทีมด้วยกัน (อีกหนึ่งคือ Creative Assembly เจ้าของแฟรนไชส์ Total War) แนวทางของพวกเขาในอนาคตจึงน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

Koch Media หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่หากบอกว่าบริษัทนี้คือบริษัทแม่ของ Deep Silver ผู้พัฒนาเกมซอมบี้ติดเกาะอย่าง Dead Island ก็จะถึงบางอ้อกันทันที พวกเขาเองก็ลงทุนครั้งใหญ่เช่นกัน แต่ก็น่าจะคุ้มทุนพอดูด้วยการจ่ายเงิน 22.3 ล้านเหรียญซื้อทีมพัฒนา Volition ผู้พัฒนาเกมโอเพ่นเวิร์ลสุดวายป่วงอย่าง Saints Row: The Third และเจียดเงินอีก 5.8 ล้านเหรียญกว้านเอาแฟรนไชส์ของ Metro ที่กำลังจะออกภาคใหม่

Metro Last Light ในอีก 2 เดือนข้างหน้ามาไว้ในอ้อมใจ นอกจากนี้ Koch Media และ Deep Silver ยังดูจะคึกคักกับการซื้อขายครั้งนี้เอามากๆ เพราะพวกเขากำลังจะเปิดเผยแผนพัฒนาแฟรนไชส์ใหม่เอี่ยมทั้ง 2 ในเดือนที่จะถึงนี้อีกด้วย

 

Crytek เองก็มีเอี่ยวด้วยเช่นกันแม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม ด้วยการจ่ายเงิน 500,000 เหรียญซื้อสิทธิ์เกม Homefront 2 ที่ในตอนแรกพวกเขาก็พัฒนาให้อยู่แล้วมาเป็นเจ้าของเองโดยสมบูรณ์ซะเลย

 

Take-Two บริษัทเครือญาติของ 2K และ Rockstar ก็ลงทุนกับความเสี่ยงครั้งใหญ่ในการซื้อโปรเจคเกมที่มีโค็ดเนมว่า "Evolve" ของ Turtle Rock Studio ซึ่งยังพัฒนาไม่เสร็จมาสานงานต่อด้วยราคาที่สูงถึง 11 ล้านเหรียญ ในขณะเดียวกันก็มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า Take-Two จะซื้อทีม Vigil Games ผู้พัฒนาซีรี่ส์ Darksiders ด้วย แต่แล้วข่าวนี้ก็ตกไปเนื่องจากไร้มูลความจริง

 

สุดท้ายกับอีกหนึ่งยักษ์ในวงการอย่าง Ubisoft ที่ตอนแรกก็ยื่นซื้อทีม Volition ไป 6 ล้านเหรียญแต่ดันโดน Koch Media เกทับด้วยราคาที่สูงกว่าเกือบ 4 เท่าก็เลยเงิบไป กระนั้นพวกเขาก็ยังมีเป้าหมายอื่นแล้วก็ทำได้สำเร็จด้วยการซื้อสิทธิ์เกม South Park: The Stick of Truth ในราคา 3.2 ล้านเหรียญ รวมถึงกวาดทีม THQ Montreal ซึ่งมีอดีตผู้ให้กำเนิดซีรี่ส์ Assassin's Creed อย่างนาย Patrice Desilets มาพร้อมกันอีก 2.5 ล้านเหรียญ

 

อย่างไรก็ตามเรื่องน่าเซอร์ไพรซ์ในเวลานี้ก็คือทีมพัฒนานํ้าดีอย่าง Vigil กับผลงานชั้นเยี่ยมของพวกเขาอย่าง Darksiders นั้นยังคงไม่มีรายงานการซื้อขายซึ่งนั่นก็รวมถึงอีกหนึ่งแฟรนไชส์เกมมวยปลํ้าชื่อดังอย่าง WWE อีกด้วย โดยในรายของ Darksiders นั้นมีรายงานเพิ่มเติมว่าทางค่ายแดนปลาดิบอย่าง Platinum Games (Metal Gear: Rising, Bayonetta) ก็สนใจจะซื้อสิทธิ์เช่นกัน แต่ต้องเป็นในราคาที่ "ถูก" กระนั้นก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าข่าวนี้มันจริงหรือมั่วชัวร์หรือไม่ประการใดพวกเราคงต้องติดตามต่อไป

 

 

และแม้ท้ายที่สุด THQ จะสามารถขายสินทรัพย์ทั้งหมดได้เป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญ แต่มันก็ไม่อาจจะชดเชยหนี้ทั้งหมดอยู่ดี นอกจากนี้พนักงานทั้งหมดของบริษัทที่ไม่ถูกซื้อไปก็จะต้องตกงานกันถ้วนหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

"ในขณะที่เราหวังว่าการปรับโครงสร้างจะทำให้บริษัทสามารถอยู่รอดต่อไปได้ ผมกลับใจชื้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับรู้ว่าทีมพัฒนาและแฟรนไชส์เกมหลักๆ ของพวกเราจะยังคงเดินหน้าต่อไปภายใต้การนำของผู้อุปถัมป์รายใหม่ๆ มันถือเป็นเกียรติของผมที่ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับกลุ่มคนที่สุดยอดเหล่านี้ และภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ว่าพวกเราร่วมกันสร้างชิ้นงานที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะจินตนาการมากมาย แม้ว่าสุดท้ายพวกเราจะไม่มีโอกาสได้ผนึกกำลังกันฝ่าฟันงานอันโหดหินอีกแล้ว แต่ผมก็เชื่ออย่างสุดใจว่าความสามารถที่พวกเราเคยสั่งสมมาร่วมกันจะสร้างความประทับใจให้กับแวดวงอุตสาหกรรมเกมได้อย่างแน่นอน ส่วนผู้ที่ตำแหน่งงานไม่อาจหาทางไปต่อได้ ผมก็ต้องขอแสดงความผิดหวังและเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ผลลัพท์ท้ายที่สุดมันออกมาเป็นแบบนี้ พวกผมจะเรียกพวกคุณเข้ามาพบในไม่กี่วันหลังจากนี้และหารือกันถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น" นาย Brian Farrell ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ THQ กล่าว

 

"ผมมาที่นี่เมื่อ 8 เดือนที่แล้ว เพื่อช่วยพยุงเรือลำนี้ให้สามารถอยู่รอด และขณะที่เรารู้สึกผิดหวังว่าไม่อาจดำเนินกิจการต่อไปได้ ผมก็รู้สึกดีใจที่ผู้ซื้อรายใหม่ทั้งหลายได้นำงานและตำแหน่งมาให้กับพนักงานผู้เปี่ยมความสามารถของพวกเรา ช่วยไม่ให้พวกเขาต้องไร้หนทางไป เมื่อพวกเราเริ่มประกาศขายกิจการ ผมบอกเลยว่าผมจะแฮปปี้มากๆ ถ้าทีมพัฒนาและคนของเราจะมีอนาคตที่สดใสกว่าที่เป็นอยู่ ถึงแม้มันจะหมายความว่าผมต้องกลายเป็นคนที่ต้องตกงานเองก็ตาม และถึงตอนนี้ผมก็รู้สึกอย่างนั้นไม่เสื่อมคลาย" ประธาน THQ นาย Jason Rubin ทิ้งท้ายเพิ่มเติม

 

 

สุดท้ายผมในฐานะคนแปลข่าวและเกมเมอร์ที่ตามเรื่องนี้มาได้สักพัก แม้จะไม่ได้แปลกใจกับผลลัพท์สุดท้ายเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็อดใจหายไม่ได้อยู่ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น และคงจะพรํ่าบอกได้เพียงว่า...