สวัสดีพี่น้องผองเพื่อนสิงห์สนาม FIFA Online 2 วันนี้ผมพาเพื่อนๆ ออกนอกลู่ นอกเกม กันสักหน่อยนะครับ แหมก็มหกรรมกีฬาที่ผมเชื่อว่าเป็นรายการที่มวลมนุษย์ชาติรอคอยมากที่สุดเลยก็ว่าได้นะ ( สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าฟุตบอลโลกนั้นเป็นรายการใหญ่กว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิคอีกด้วยนะ ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า 55+ เพื่อนๆ หล่ะมีความเห็นว่าไงก็มาเมนท์บอกกันด้วยนะจ้ะ ) ก็ถือใกล้กระชั้นชิดเข้ามากๆ แล้วหล่ะครับ ผมเลยอยากแนะนำประวัติความเป็นมาของมหกรรมกีฬาฟุตบอลโลก เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยก่อนงานนี้จะเปิดตัวในวันที่ 11 มิ.ย.53 นี้กันหน่อยครับว่าประวัติความเป็นมานั้น รวมถึงเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างๆ ในฟุตบอลโลกที่ผ่านมานั้นมีอะไรบ้าง เราไปย้อนรำลึกถึงอดีตกาลของความมันส์จากเกมลูกหนังกันเลยดีกว่าครับ
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 1 ( ฟุตบอลโลก 1930 ที่ประเทศอุรุกวัย) )
ทีมจอมโหดอุรุกวัยเปิดบ้านถล่มอาร์เจนติน่าไป 4-2 คว่าแชมป์ฟุตบอลโลกปีแรกไปครอง
ฟุตบอลโลกเริ่มต้นครั้งแรกที่อรุกวัย เมื่อปี ค.ศ. 1930 และก็เป็นเจ้าภาพอุรุกวัยที่ได้แชมป์ในครั้งแรก โดยเอาชนะ อาร์เจนติน่าไป 4-2
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ( ฟุตบอลโลก 1934 ที่ประเทศอิตาลี )
ครั้งที่สองก็เป็นทางด้านทวีปยุโรปที่เข้ามาเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ในปีนี้ก็เป็นเจ้าภาพที่เอาชนะเช็คโกสโลวเกียไป 4-2 ในรอบชิงชนะเลิศ ได้เป็นแชมป์ต่อจากอุรุกวัย
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 ( ฟุตบอลโลก1938 ที่ประเทศฝรั่งเศส )
ครั้งที่ 3 กับเจ้าภาพฝรั่งเศสก็เป็นอิตาลีที่ป้องกันแชมป์ได้ เป็นที่มแรกที่ได้แชมป์ติดต่อกัน โดยเอาชนะ ฮังการี 4 - 2 ในนัดชิงชนะเลิศ
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 4 ( ฟุตบอลโลก 1950 ที่ประเทศบราซิล )
ผลพวงจากสงครามโลกทำให้กีฬาต้องเจอโรคเลื่อนไปเกือบ 16 ปี และก็เป็นบราซิลที่เสนอตัวจัดในครั้งนี้ โดยมีทีมร่วมแข่งขันถึง 22 นัด เพิ่มจากครั้งที่ 1 - 2 ที่มีเพียง 18 และ 17 นัด ตามลำดับ และทีมที่ได้แชมป์คือ อุรุกวัยที่เอาชนะเจ้าภาพ ไป 2 - 1 ได้แชมป์ 2 สมัยเท่ากับอิตาลี
ครั้งที่ 5 (1954 , สวิตเซอร์แลนด์)
ในปีนี้อินทรีเหล็กเยอรมันตะวันตก (สมัยนั้นยังแบ่งเป็น เยอรมันตะวันตก กับ เยอรมันตะวันออกอยู่) ก็สามารถเอาชนะ ฮังการีไป 3-2 ได้แชมป์ไปนอนกอดอีกชาติ โดยดับฝันของ ซานเดอร์ คอคซิส ศูนย์หน้าชาวฮังการีที่ได้เป็นดาวซัลโว 11 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 6 ( ฟุตบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน )
และแล้วควมฝันของบราซิลก็เป็นผลสำเร็จในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก โดยเอาชนะเจ้าภาพ สวีเดนไป 5 - 2 โดยไข่มุกดำเปเล่ ได้เป็นผู้เล่นที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงในนัดชิงชนะเลิศ และยังยิงได้ถึง 2 ประตู เป็นการเปิดตำนานแข้งแซมบ้าบราซิลผู้นี้ และเป็นการคว้าแชมป์นอกทวีปได้เป็นทีมแรก
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 7 ( ฟุตบอลโลก 1962 ที่ประเทศชิลี )
ที่ชิลีนั้นก็ยังเป็นบราซิล อีกครั้งที่ได้แชมป์ติดต่อกัน เอาชนะเช็คโกสโลวเกีย ไป 3 - 1 โดยในครังนี้มีข้อสังเกตคือดาวซัลโวยิงประตูได้เพียงแค่ 4 ประตูเท่านั้น
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 ( ฟุตบอลโลก 1966 ที่ประเทศอังกฤษ )
ก็ย้ายกลับมาจัดที่ยุโรปอีกครั้ง และก็เป็นเจ้าภาพอังกฤษที่เอาชนะ เยอรมันตะวันตก ในนัดชิงชนะเลิศ โดยเสมอกันในเวลา 2 - 2 และก็เป็น เจฟ เฮิร์ซ ที่ยิงสองลูกให้อังกฤษชนะไป 4 - 2 และหนึ่งในสองลูกนั่นยังเป็นข้อกังขาว่ามันเข้าหรือไม่เข้า (ผมก็ไม่รู้อ่ะนะมองไม่ออกจริงๆ)
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 9 ( ฟุตบอลโลก 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก )
ถึงคราวทวีปอเมริกาเหนือ อย่างเม็กซิโกบ้างที่เป็นเจ้าภาพ และก็เป็นบราซิลอีกครั้งที่ประกาศศักดา เป็นแชมป์ 3 สมัย สูงสุดเลย โดยเปเล่วาดลวดลายช่วยทีมจนประสบผลสำเร็จ โดยเอาชนะอิตาลีไป 4 - 1 โดยในครั้งนี้ได้กำเนิดกองหน้าตีนระเบิด แกร์ด มุลเลอร์ ของเยอรมันฯ เป็นดาวซัลโว 10 ประตู
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 10 ( ฟุตบอลโลก 1974 ที่ประเทศเยอรมัน )
ก็เป็นอีกปีที่เจ้าภาพเยอรมีนตะวันตกที่เป็นแชมป์ สมัยที่ 2 อีกทีม ที่เอาชนะฮอลแลนด์ไป 2 - 1 ในนัดชิงชนะเลิศ และก็เป็น แกร์ด มุลเลอร์ ที่ยิงประตูชัยให้เยอรมันชนะ
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 11 ( ฟุตบอลโลก 1978 ที่ประเทศอาร์เจนตินา )
ฮอลแลนด์ ต้องอกหักเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน หลังจากแพ้ให้เจ้าภาพ อาร์เจนตินาในนัดชิง ไป 3 - 1 ในช่วงต่อเวลา หลังเสมอกันใน 90 นาที ไป 1-1 และ มาริโอ แคมเปส เป็นดาวซัลโว
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 12 ( ฟุตบอลโลก 1982 ที่ประเทศสเปน )
ข้ามมาที่แดนกระทิงดุเสปน และก็เป็น เปาโล รอซซี่ ที่พาทีมอิตาลี คว้าแชมป์ สมัยที่ 3 ต่อจากบราซิล ได้สำเร็จ โดยเอาชนะ เยอรมันตะวันตกไป 3 - 1ในนัดชิงชนะเลิศ และในปีนี้เสือเตี้ย ดีเอโก้ มาราโดนา ก็ได้สัมผัสเกมฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 13 ( ฟุตบอลโลก 1986 ที่ประเทศเม็กซิโก )
2 ประตูในตำนานของมาราโดน่า
อีกครั้งที่เม็กซิโก ที่มาราโดนา แจ้งเกิดตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยพาทีมชาติของเขาคว้าแชมป์ เป็นสมัย ที่สองได้สำเร็จ โดยในรอบสองนั้นเขายิงลูกที่กล่าวมาเป็นตำนานมาถึงปัจจุบัน Hand Of God เอาชนะอังกฤษไป 2 - 1 ซึ่งนัดนี้ก็เกิดประตูที่สวยที่สุดในรอบ 100 ปี ซึ่งก็เป็นประตูที่สอง ในเกมนี้กลับดังยิ่งกว่า ประตูนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดในรอบ 100 ปี มาราโดน่าได้บอลในวงกลมกลางสนาม และเลี้ยงหลบผู้เล่นอัง 5 คน และเลี้ยงหลบนายทวาร เข้าไปยิ่งประตู ทามกลางความตื่นตะลึงของผู้เล่นอังกฤษ และ คนดูที่ได้ชมโทรทัศน์ทั่วโลกกว่าพันล้านคน และผู้เล่นอังกฤษล้วนเป็นนักเตะที่ไม่ธรรมดาไล่ตั้งแต่ เกร็น ฮอดเดิ้ล, ปีเตอร์ รีด, เคนนี แซนซัม, และในนัดชิงชนะเลิศ มาราโดนา ก็พาทีมดับฝันของเยอรมันตะวันตกไป 3 – 2
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 14 ( ฟุตบอลโลก 1990 ที่ประเทศอิตาลี )
แดนมะกะโรนี อิตาลีได้เป็นเจ้าภาพอีกครั้งแต่เป็นเยอรมันตะวันตกที่แก้แค้นอาร์เจนตินา ในนัดชิงชนะเลิศ ไป 1 - 0 เป็นแชมป์ สมัยที่ 3 ได้สำเร็จ ( บอลโลกปี้นั้นสนุก ลุ้นได้ทุกคู่ครับ มันส์มากๆ ) ก่อนจะเป็น อาร์เจนตินา ที่พลาดท่า เสียลูกจุดโทษในนาที่ 85 และ อันเดรียส์ เบรห์เม่ ยอดแบ๊กซ้ายในยุคนั้น รับหน้าที่สังหารผ่านมือ กอยโคเชีย เข้าไปอย่างยอดเยี่ยม พาทีม "อินทรีเหล็ก" คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ท่ามกลางน้ำตาของผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ดีเอโก้ มาราโดน่า แต่เป็นความสำเร็จของ "ไกเซอร์ลูกหนัง" เบ๊คเค่นเบาเออร์ เมื่อเขากลายเป็นคนที่ 2 ที่สามารถซิวแชมป์โลกมาครองได้ทั้งสมัยเป็นผู้เล่นและโค้ช
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 15 ( ฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา )
เปียทองคำถึงกับทรุดเมื่อยิงจุดโทษออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
ต้องถือว่าเป็นประวัตฺศาสตร์ลูกหนังโลกทีเดียว เมื่อมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และก็มีผู้ชมการแข่งขันมากที่สุด 3 ล้านกว่าคน ในปีนี้เป็นการห้ำนกันระหว่าง อิตาลี และบราซิล โดยท้ายที่สุด โรมาริโอ ก็แซง โรแบร์โต้ บักโจ้ ที่พลาดจุดโทษในนัดชิงชนะเลิศ ไป 3 - 2 โดยเสมอกันในเวลา 0-0
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 16 ( ฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส )
พี่เบคร้องซี้ดเมื่อเจอใบแดงจากกรรมการ
แม้จะเล่นได้อย่างโดดเด่นแต่โล้นทองคำก็ไม่สามารถพาบราซิลถึงฝั่งฝันได้
ครั้งนี้ตัวเต็งหลายทีมต่างห้ำหั่นกันอย่างสุดมัน และก็เป็นข่าวฉ่าวโฉ่ของสุดหลอ เบคแฮม ที่โดนใบแดงทำให้ทีมตกรอบ 16 ทีม สุดท้าย และก็เป็นฝรั่งเศส ที่พลิกล็อค เอาชนะแซมบ้าไปอย่างไม่น่าเชื่อ ถึง 3 - 0 โดยโรนัลโด้บอกว่าเป็นฝันร้ายของเขา และปีนี้ก็ได้ก่อกำเนิดสุดยอดดาวยิงเท้าซ้ายจาก โครเอเชีย ที่มี ดาวอร์ ซูเคอร์เป็นดาวซัลโวปีนั้นอีกด้วย
ฟุตบอลโลกครั้งที่ 17 ( ฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ )
และแล้วก็เป็นครั้งแรกที่มีการจัดฟุตบอลโลกในทวีปเอเชีย โดยเจ้าภาพร่วม เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นนั้นต่างก็พากันฟอร์มดี โดยเฉพาะ เกาหลีใต้ ที่ สร้างเซอร์ไพรส์ เข้าชิงอันดับที่ 3 แต่ก็แพ้ตุรกี ไป 3 - 2 และในนัดชิงชนะเลิศ เป็นการกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ของ อิทรีเหล็กเยอรมัน กับ แซมบ้าบราซิล ผลสุดท้ายบราซิลก็เอาชนะไป 2 - 0 จาก โรนัลโด้ ทั้งสองประตู
ตาลายกันรึเปล่า ? สาวกคอลูกหนังทั้งหลาย และนี่ประวัติศาสตร์แบบย่อๆ ของตำนานฟุตบอลโลกที่มีมาตั้งแต่ปี 1934 จนถึงปัจจุบัน สำหรับบอลโลกผมบอกตามความจริงเลยครับว่าหลังๆ นี่ดูบอลโลกทีไรเซ็งทุกทีเลย เฮ้อ ~ สาเหตุนั้นมันก็มาจากเยอรมันตะวันตกของผมนั้นรู้สึก กินแห้วบ่อยซะจริงๆ แต่อย่างว่าอะเนอะรักอะไรแล้วก็รอ หึหึ และนี่คือสุดยอดตำนานที่ชื่อว่า FIFA World Cup
หมายเหตุ ขอบคุณข้อมูลและรูปสวยๆ ของ http://2010.7m.cn/yu/th ไว้ ณ.ที่นี้ด้วยครับ