ประเภท: RTS
ผู้พัฒนา: EA LA
ผู้ผลิต: Electronic Arts
ผู้จัดจำหน่าย: Saluzi
เว็บไซต์: www.commandandconquer.com
กำหนดวางตลาด: ปี 2553
Electronic Arts ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่าพวกเขากำลังสร้าง Command & Conquer ภาค 4โดยมีกำหนดการเสร็จสิ้นภายในปี 2010 ซึ่งภาคนี้ยังเป็นภาคสุดท้ายของมหากาพย์ไทบีเรียมและเป็นบทสรุปของสงครามไทบีเรียมอันยาวนานหลายสิบปี (สำหรับเกมเมอร์แล้ว ถ้านับจากภาคแรกจนถึงภาค 4นี้ก็จะสิริรวมเวลาได้ 15 ปีพอดี) ในภาคนี้ทาง EA ได้ยืนยันว่าจะมีการเพิ่มเติมลูกเล่นใหม่ๆ เข้าไปในเกมชนิดมากมายแบบที่ไม่เคยมีมาในภาคก่อนๆ เพื่อช่วยให้การปิดฉากมหากาพย์ซีรีส์ Command & Conquer ครั้งนี้เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่โดนใจแฟนๆ ที่รอเวลาจบมาเนิ่นนาน
เนื้อเรื่องของภาค 4 มีอยู่ว่า สงครามไทบีเรียมยังคงดำเนินมาถึงปี ค.ศ. 2062 (15 ปีหลังจากภาค 3) เมื่อแร่ไทบีเรียมแพร่กระจายอย่างรุนแรงถึงขีดสุด ส่งผลให้โลกแทบจะไม่สามารถเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ได้อีกต่อไป และต้นเหตุแห่งความหายนะก็คือมนุษย์ต่างดาวที่เรียกตัวเองว่า Scrin ซึ่งมันกำลังยกทัพมาเพื่อเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์ไทบีเรียมที่พวกมันได้หว่านเอาไว้ พร้อมกับภารกิจกวาดล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งหมดอีกด้วย วิกฤติการณ์นี้ทำให้ศัตรูคู่ฟ้าอย่าง GDI และ NOD ต้องหันมาร่วมมือกันเพื่อรับมือกับศัตรูหน้าใหม่ของมนุษยชาติ แต่ท้ายที่สุดแล้วสภาวะพันธมิตรอันเปราะบางนี้จะยืนยาวไปได้นานแค่ไหนก็ไม่มีใครทราบได้
ในที่สุดสงครามไทบีเรียมอันยาวนานก็ถึงกาลสิ้นสุด
แม้ตัวเกมจะยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา แต่จากบทสัมภาษณ์จากเว็บไซต์ Gamespot ที่พวกเขาได้ไปพูดคุยกับนาย Samuel Bass (SB) ผู้รับผิดชอบการออกแบบ C&C4 ทำให้เราได้รับรู้ข้อมูลที่น่าสนใจมาเป็นจำนวนมาก SB ได้กล่าวว่า C&C4 จะมีความแตกต่างจากภาคก่อนหน้าอยู่พอสมควร แม้ว่าเกมจะยังคงแก่นแท้ของความเป็น RTS ไว้เช่นเคย แต่องค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพาะเสน่ห์และเอกลักษณ์ของ C&C จะถูกเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ทั้งเนื้อเรื่องที่สานต่อจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ภาคแรกซึ่งจะกลายมาเป็นบทสรุปในภาคนี้ รวมทั้งการเฉลยปมปริศนาความลึกลับของ Kane ทั้งเรื่องตัวตน แผนการ และเจตนารมณ์ที่แท้จริงของเขาทั้งหมด นอกเหนือจากเนื้อเรื่องที่เข้มข้นแล้ว ยังมีการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆ เข้าไปในระบบการเล่นอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งระบบ Class ส่วนผสมของแนว RPG และระบบ Multiplayer แบบใหม่ที่รองรับผู้เล่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมไปถึงระบบ Co-Op ด้วย
คนที่เล่น C&C ภาคนี้คงรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพราะมันมีทั้งทะเลทรายทั้งหิมะเลยน่ะสิ
สำหรับระบบ Class ที่ว่านั้นหมายถึงการแบ่งรูปแบบการอัพเกรดของแต่ละฝ่ายออกเป็นสามสายหลักๆ ซึ่งแต่ละสายจะมียูนิตและสิ่งก่อสร้างพื้นฐานอยู่จำนวนหนึ่ง แต่เมื่อเลือกสายการผลิตแล้วยูนิตของแต่ละสายจะแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งรูปแบบยูนิต สิ่งก่อสร้าง และเทคโนโลยีที่สามารถอัพเกรดได้ โดยจุดแข็งของแต่ละสายนั้นจะเป็นไปตามชื่อของมัน “สายโจมตี” ก็จะมีกองทัพยานเกราะที่แข็งแกร่งไว้สำหรับบุกทะลวงในสนามรบ “สายป้องกัน” ก็จะเน้นหนักไปทางสิ่งก่อสร้างเชิงรับ ประเภทป้อมปืนและบังเกอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถตรึงพื้นที่ได้อย่างเหนียวแน่น ส่วนสายสุดท้ายคือ “สายสนับสนุน” ซึ่งยูนิตต่างๆ ของสายนี้จะสามารถพลิกแพลงการใช้งานได้หลากหลาย มีความสามารถในการสนับสนุนยูนิตในแนวรบทั้งกับตัวมันเองและเพื่อนร่วมทีม ทั้งด้านอำนาจยิงและการซ่อมแซมยูนิตอื่นๆ
SB ยืนยันว่าถึงแม้แต่ละสายจะมีการเน้นจุดเด่นไปคนละอย่าง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเมื่อเลือกสายใดสายหนึ่งแล้วผู้เล่นจะต้องเล่นตามรูปแบบของสายนั้นเท่านั้น ทุกสายสามารถที่จะปรับรูปแบบการเล่นได้ตามแต่ผู้ใช้จะต้องการ ทุกอย่างจะแล้วแต่แผนการที่ผู้เล่นเลือกใช้ แม้คุณจะเลือกสายป้องกัน แต่คุณก็สามารถเล่นแบบเน้นเกมรุกเข้าโจมตีอย่างหนักหน่วงได้เช่นกัน ทุกๆ สายสามารถแพ้หรือชนะกันได้ด้วยแผนการเล่น และสามารถเลือกรูปแบบการเล่นย่อยๆ ได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องยึดติดกับจุดเด่นของสายนั้นเลยก็ได้
นี่คือโฉมหน้าของ Crawler ในยามเคลื่อนตัว (และใกล้ตาย)
สำหรับส่วนผสมความเป็น RPG ในภาคนี้จะแตกต่างกับภาคก่อนๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะผู้เล่นจะได้รับ EXP จากการเล่นทั้งในโหมด Single Player และ Multiplayer ไปสะสมใน Profile ของตัวเอง ซึ่งสามารถนำ EXP ที่สะสมไว้นี้ไปใช้ในการเพิ่มเลเวลของ Class ที่ต้องการได้ ซึ่งการเพิ่มเลเวลจะส่งผลถึงการปลดล็อกยูนิต, สิ่งก่อสร้าง, การอัพเกรด และอาวุธพิเศษต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการเล่นได้ และการปลดล็อกสิ่งของจากการเพิ่มเลเวล Class นั้นก็จะมีผลกับทุกๆ โหมดการเล่นในเกมด้วยเช่นกัน (ทั้งแบบผู้เล่นเดี่ยวและผู้เล่นหลายคน)
สำหรับเหตุผลในการออกแบบการปลดล็อกยูนิตให้เป็นลักษณะนี้ SB ให้เหตุผลว่า ผู้เล่นหน้าใหม่มักจะประสบปัญหาเมื่อเริ่มเกมแล้วพบกับยูนิตและสิ่งก่อสร้างจำนวนมาก จนจับต้นชนปลายไม่ถูก การให้ผู้เล่นเริ่มต้นด้วยเทคโนโลยีที่จำกัด แล้วค่อยๆ ปลดล็อกการใช้งานยูนิตในสายที่เขาต้องการจะช่วยให้ผู้เล่นได้เรียนรู้ทั้งระบบการเล่นและการใช้งานยูนิตต่างๆ ไปทีละขั้นทีละตอน ก่อนจะเข้าถึงความซับซ้อนของการเล่นระดับสูงในช่วงท้าย นอกจากนี้การค่อยๆ เรียนรู้วิธีใช้งานยูนิตใหม่ไปทีละอย่าง จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถพัฒนาแทคติกและรูปแบบการเล่นในเชิงลึกได้ดียิ่งขึ้น เพื่อฝึกให้พวกเขาเลือกใช้ยูนิตต่างๆ ตามสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมในการเล่นระดับสูงได้
“แน่นอนว่าเรายังไม่ลืมว่าเหล่าเกมเมอร์ระดับฮาร์ดคอร์ที่เชี่ยวชาญในการเล่นอยู่แล้ว ซึ่งเราได้ทำการออกแบบโดยรองรับจุดนี้ด้วย เพราะยิ่งคุณชำนาญในการเล่นมากเท่าไหร่คุณก็ยิ่งสะสม EXP เพื่อเพิ่มเลเวลได้เร็วขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ C&C4 ยังมีชนิดของยูนิตให้ผู้เล่นได้เลือกใช้มากที่สุดในบรรดาเกม RTS ที่เราเคยพัฒนามา ดังนั้นแม้ผู้เล่นเก่าจะสามารถปลดล็อกยูนิตต่างๆ ได้ในเวลาอันสั้น แต่พวกเขาก็ยังสามารถสนุกกับการเลือกใช้ยูนิตใหม่ๆ จำนวนมากได้อีกนานเลยทีเดียว” นาย Samuel Bass กล่าวเพิ่มเติม
ยูนิตที่ปรากฏตัวในภาคนี้ได้รับการดีไซน์ใหม่เกือบทั้งหมด แต่ก็จะยังคงกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคก่อนเอาไว้ด้วย
ด้วยระบบการเก็บ EXP สะสมเฉพาะ Profile แบบนี้ ทำให้มีแนวโน้มว่า C&C4 จะบังคับให้ผู้เล่นใช้ Profile ออนไลน์ในการเล่น นั่นหมายถึงผู้เล่นต้องออนไลน์ตลอดเวลานับตั้งแต่เข้าเกมและโหลด Profile จากฐานข้อมูลที่จัดเก็บไว้กับเซิร์ฟเวอร์ของ EA โดยตรงเพื่อป้องกันการโกงในรูปแบบต่างๆ แม้จะฟังดู “ยี้” สำหรับผู้เล่นหลายๆ กลุ่ม (โดยเฉพาะผู้เล่นบ้านเราที่มีปัญหาการเชื่อมต่อกับต่างประเทศที่แก้ไม่ตกซะที) แต่ข่าวดีสำหรับเรื่องนี้คือ เมื่อผู้เล่นต้องทำการออนไลน์กับเกมตลอดเวลา ตัวเกมจึงสามารถวางขายได้โดยไม่จำเป็นต้องมีระบบ DRM ติดมาด้วย
อย่างที่เกริ่นไว้ก่อนหน้าว่าในภาคนี้จะมียูนิตให้เลือกใช้มากที่สุดในบรรดาซีรีส์ C&C ทั้งหมด SB ได้กล่าวว่าทีมพัฒนาได้พยายามสร้างความสมดุลระหว่างยูนิตเก่าที่เป็นเครื่องหมายการค้าของ C&C มาช้านาน กับยูนิตที่มีต้นกำเนิดมาจากไอเดียแปลกๆ ใหม่ๆ ที่ทีมพัฒนาอยากเพิ่มลงไปในเกม ทำให้สามารถการันตีได้ว่าผู้เล่นจะยังมีสิทธิ์พบกับยูนิตประจำซีรีส์ที่พวกเขาคุ้นเคย อย่าง Flame Tank, Stealth Tank หรือรถถัง (?) Mammoth แต่พวกมันก็จะมาในเวอร์ชั่นที่ได้รับการอัพเกรดขึ้นตามยุคสมัยแล้ว
สำหรับเพรชเม็ดเอกที่ SB ภูมิใจเสนอคือยูนิตที่มีชื่อว่า Crawler ซึ่งเป็นฐานทัพเคลื่อนที่สารพัดประโยชน์ ที่พ่วงมาด้วยความสามารถในการรบชั้นยอด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติเด่นต่างกันไปตาม Class ที่คุณเลือกใช้อีกด้วย หนึ่งในเป้าหมายหลักที่ทีมพัฒนาพยายามจะทำคือ “ออกแบบระบบการสร้างฐานให้มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น” และมีความเฉพาะทางไปตามสายการเล่นที่เลือกในเวลาเดียวกัน ซึ่ง Crawler คือคำตอบของทุกเงื่อนไขที่พวกเขาได้ตั้งเอาไว้ แทนที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างตามลำดับเพื่อสร้างกองทัพและปลดล็อกการอัพเกรดเหมือนกับภาคที่ผ่านๆ มา ในภาคนี้จะมี Crawler เป็นแกนหลักในการสร้างทุกอย่าง ทั้งยูนิตและสิ่งก่อสร้าง รวมไปถึงใช้ในการอัพเกรดหรือปลดล็อกอาวุธพิเศษชนิดต่างๆ ด้วย
ผู้เล่นบางคนอาจกังวลว่าความเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้ความลึกในการวางแผนต้องเลือนหายไปกับรูปแบบที่มีความยืดหยุ่นสูงแต่ง่ายต่อการบริหารจัดการของ Crawler แต่จากการเล่นทดสอบ เราพบว่า Crawler นั้นกลับสร้างรูปแบบใหม่ๆ ให้กับกลยุทธ์การเล่นอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในโหมด Co-Op หรือ Multiplayer ซึ่งการประสานงานของ Crawler คนละสายกันยิ่งทำให้สามารถพลิกแพลงกลยุทธ์แบบใหม่ๆ ขึ้นมาอีกนับไม่ถ้วน
ยาน FMVs กลับมาอีกครั้ง แต่ดูเหมือนคนขับจะสะเพร่ากว่าเดิมเยอะ
พูดถึงระบบ Multiplayer แล้ว SB ยังได้ประกาศอีกว่า “C&C4 จะเป็นเกม RTS ที่มีสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุด และมีปฏิสัมพันธ์กันมากที่สุดเท่าที่เราเคยพัฒนากันมา” อย่างที่คุณพอจะคาดเดาได้จากระบบ Class ที่กล่าวถึงก่อนหน้า เป้าหมายของทีมพัฒนาคือการทำให้ผู้เล่นประสานงานกันอย่างมีทีมเวิร์ค ซึ่งมันถือเป็นหัวใจหลักของการเล่น Multiplayer และในการ Co-Op ผู้เล่นแต่ละ Class ก็จะต้องใช้จุดเด่นของตัวเองในการเกื้อหนุนและทำหน้าที่ที่ตัวเองถนัดให้กับทีมเพื่อพาทีมไปสู่ชัยชนะ นอกเหนือจากนี้แล้ว C&C4 ยังนำเสนอรูปแบบใหม่ของการเล่น Multiplayer ที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นก็คือการเล่น Multiplayer แบบระบุภารกิจ ซึ่งผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะต้องแข่งกันทำภารกิจที่เกมได้มอบหมายให้เพื่อคว้าชัยตัดหน้าอีกฝ่ายหนึ่ง แทนที่จะเล่นแบบเดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยงตามแบบฉบับเกม RTS ทั่วๆ ไปเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ทางทีมพัฒนายังเปิดเผยถึงรายละเอียดในส่วนนี้ได้ไม่มากนัก แต่พวกเขาสัญญาว่าจะออกแบบภารกิจให้มีความหลากหลายและเหมาะกับการเล่น Multiplayer ที่สุด เพื่อให้ผู้เล่นได้ลิ้มลองประสบการณ์ใหม่ๆ อย่างเต็มที่
หนึ่งในสิ่งที่แฟนๆ C&C ให้ความสนใจมากที่สุด นั่นก็คือการที่ภาค 4 นี้จะเป็นภาคสุดท้ายของมหากาพย์แห่งไทบีเรียมและเป็นบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมด แน่นอนว่าเราคงไม่ทำลายอรรถรสในการเล่นด้วยการเปิดเผยเนื้อเรื่องล่วงหน้า (ทาง SB ก็ไม่ยอมเปิดปากเอ่ยถึงเนื้อเรื่องในภาคนี้เช่นกัน) เรารู้แต่เพียงว่ามันจะเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์ซึ่งได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันและจริงจัง ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องขำๆ แบบที่คุณเคยเห็นใน RA3 (Red Alert 3) แน่นอน และคำถามสุดท้ายคือเมื่อจบมหากาพย์ไทบีเรียมในภาค 4 นี้แล้ว ทาง EA มีโครงการอะไรต่อไปสำหรับซีรีส์ C&C ซึ่ง SB ได้กล่าวบอกใบ้เป็นนัยๆ เอาไว้ว่า การสิ้นสุดของมหากาพย์ไทบีเรียมไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของจักรวาลไทบีเรียมทั้งหมด (ฮั่นแน่) แต่นั่นจะหมายถึงอะไรนั้นเป็นสิ่งที่แฟนๆ จะต้องรอดูกันต่อไปในอนาคต
บทสัมภาษณ์
นาย JFeasel ผู้ออกแบบระบบการเล่นให้กับเกม Command & Conquer 4
ด้วยระบบเลเวลของภาคนี้ หากผู้เล่นที่มีเลเวลต่ำต้องเจอกับผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าในเกม Multiplayer จะไม่ทำให้ผู้เล่นที่เลเวลต่ำเกิดความเสียเปรียบหรอกหรือ? เพราะผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าน่าจะสามารถใช้งานยูนิตที่ทรงพลังกว่าผู้เล่นเลเวลต่ำได้
JFeasel: ไม่ใช่อย่างแน่นอนครับ เพราะการเก็บเลเวลของภาคนี้จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถปลดล็อกยูนิต สิ่งก่อสร้าง และการอัพเกรดใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนแปลงแนวทางการเล่นของเขาไปในทิศทางที่แตกต่างกัน ยูนิตใหม่ๆ ที่ถูกปลดล็อกออกมา ก็จะส่งผลเพียงแค่ว่าให้อีกฝ่ายต้องเปลี่ยนยุทธวิธีการเล่น หรือสร้างยูนิตอีกแบบออกมารับมือเท่านั้น ยูนิตที่มี Tier (ระดับเทคโนโลยี) สูงกว่า ไม่ได้แปลว่ามันคือเวอร์ชั่นที่ทรงพลังกว่ายูนิตที่มี Tier ต่ำกว่า นอกจากนี้ยูนิตพื้นฐานของเกมก็สามารถแก้ทางยูนิตทุกชนิดในเกมได้ ไม่ว่าจะมี Tier สูงแค่ไหนก็ตาม แปลว่าผู้เล่นที่มีเลเวลแค่เริ่มต้น ก็จะสามารถต่อกรกับผู้เล่นที่เลเวลสูงกว่าและมียูนิต Tier สูงๆ ได้ด้วยยูนิตพื้นฐานที่เขามีอยู่แล้ว หากเขาสามารถเลือกใช้งานมันได้อย่างถูกต้องนะครับ
C&C4 จะใช้ SAGE Engine (ที่ใช้ใน C&C3) ในการพัฒนารึเปล่า?
JFeasel: เราเลือกใช้ RNA Engine (ตัวเดียวกับที่ใช้พัฒนา Red Alert 3) ในการพัฒนาแทน แต่เราได้ยกระดับและปรับ Theme ของกราฟิกให้เหมาะสมกับความเป็น C&C4 มากขึ้น จึงไม่ต้องกังวลว่าภาพในเกมจะออกมาเป็นการ์ตูนเหมือน RA3 แต่มันจะออกไปในแนวไซไฟเหมือน C&C3 มากกว่า
คำถาม: ระบบค้นหาเส้นทางของยูนิตใน C&C4 จะถูกพัฒนาให้ดีขึ้นจากภาคก่อนๆ อย่างไร?
JFeasel: ทีมพัฒนาของเราได้เพิ่มเติมโค้ดจำนวนมากลงไปในเกมเพื่อพัฒนาในส่วนของระบบค้นหาเส้นทาง และยังทดสอบให้แน่ใจว่าแม้แต่การสั่งการ Crawler ขนาดใหญ่และยูนิตจำนวนมากพร้อมๆ กันในภาวะที่คับขันและซับซ้อน ก็จะไม่เกิดความผิดพลาดในการค้นหาเส้นทาง ซึ่งทีมที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้ทำการพัฒนาและทดสอบผลกันแบบอาทิตย์ต่ออาทิตย์เลยทีเดียว
จากข้อมูลที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ทำให้เราทราบว่า ในภาคนี้การเคลื่อนที่ของยูนิตจะมีผลต่อความแม่นยำในการโจมตีด้วย ระบบนี้จะส่งผลต่อภาพรวมของเกมมากน้อยแค่ไหน?
JFeasel: จริงๆ แล้วในภาคนี้มีการเพิ่มเติมรายละเอียดของพฤติกรรมและความสัมพันธ์ของยูนิตต่อสถานการณ์ต่างๆ เข้าไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่ละยูนิตก็จะมีรูปแบบการตอบสนองแตกต่างกันไป สำหรับระบบความแม่นยำที่กล่าวถึงนั้นคือ ยูนิตที่กำลังเคลื่อนที่อยู่ จะมีความแม่นยำในการโจมตีลดลง ส่งผลให้การโจมตีขณะเคลื่อนที่สามารถพลาดเป้าได้ ซึ่งระบบนี้จะทำให้ผู้เล่นที่มีความสามารถในการ Micro ระดับสูง (สั่งการด้วยความละเอียดซับซ้อน) มีความได้เปรียบในการเล่นมากขึ้น และคุณสมบัติเฉพาะเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของกลยุทธ์ในเกมให้มีมากขึ้นอีกเป็นตับเลยครับ
ภาคนี้จะมีการจำกัดจำนวนยูนิตด้วยรึเปล่า?
JFeasel: มีครับ ภาคนี้จะมีการจำกัดปริมาณยูนิตด้วย ซึ่งปริมาณยูนิตสูงสุดจะถูกกำหนดด้วย Commander Points (CP) ทำให้ผู้เล่นจะต้องคิดวางแผนและตัดสินใจในการสร้างให้ดีว่าจะใช้ยูนิตขนาดเล็ก (กิน CP ต่อตัวน้อย) จำนวนมากๆ หรือใช้ยูนิตขนาดใหญ่ (กิน CP ต่อตัวมาก) จำนวนน้อย เข้ารับมือกับสถานการณ์ในสนามรบ
ใน C&C4 จะยังมีการสร้างฐานอยู่ใช่ไหมครับ?
JFeasel: ผู้เล่นสายป้องกันจะสามารถเข้าถึงตัวเลือกสิ่งก่อสร้างได้มากที่สุดใน 3 สาย และสามารถสร้างฐานได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมไปถึงมีตัวเลือกสิ่งก่อสร้างที่ช่วยเสริมความสามารถในการโจมตีหรือสนับสนุนอีกด้วย ส่วนผู้เล่นสายโจมตีและสายสนับสนุนจะมีสิ่งก่อสร้างให้เลือกใช้เพียงเท่าที่จำเป็นเท่านั้นครับ
ในภาคนี้จะมียูนิตระดับสุดยอดเหมือนในภาค Kane’s Wrath รึเปล่า? และ Crawler คือยูนิตระดับสุดยอดหรือไม่?
JFeasel: แม้ในภาคนี้จะมียูนิตระดับสูงที่ทรงพลังขนาดสะเทือนแผ่นดินได้อยู่หลายตัว แต่ทุกตัวต่างก็จะมีจุดอ่อนของตัวเองซึ่งสามารถถูกแก้ทางได้ด้วยการเลือกใช้ยูนิตที่ถูกต้อง และแม้แต่ผู้เล่นเลเวลต่ำๆ ก็มียุทโธปกรณ์ที่จำเป็นในการแก้ทางยูนิตระดับสุดยอดเหล่านั้นได้ตั้งแต่เริ่มแล้ว สำหรับ Crawler โดยพื้นฐานแล้วมันเป็นยูนิตสำหรับก่อสร้างและผลิตกองทัพมากกว่า ดังนั้นแม้คุณจะสามารถอัพเกรดมันจนกลายเป็นเครื่องจักรสังหารและใช้ในการรบได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณจะพบว่ามันควรจะได้รับการปกป้องเป็นอย่างดีในสถานที่ปลอดภัยครับ
Crawler สามารถสะสมค่าประสบการณ์และเพิ่มเลเวลในระหว่างการรบได้ไหม? (เหมือนฮีโร่ใน Warcraft 3)
JFeasel: Crawler จะเพิ่มยศตัวเองในระหว่างฉากได้เหมือนยูนิตทั่วๆ ไปเท่านั้น ส่วน EXP ที่ได้จากการเล่นในแต่ละฉากนั้นจะถูกส่งให้กับผู้เล่นหลังจากจบเกม เพื่อใช้ในการอัพเลเวลของผู้เล่นและปลดล็อกยูนิต, สิ่งก่อสร้าง, การอัพเกรด และพลังพิเศษต่างๆ ได้
หาก Crawler ถูกทำลายจะส่งผลเสียอย่างไร แล้วจะสามารถเรียก Crawler ตัวใหม่มาเสริมได้ทันทีรึเปล่า?
JFeasel: หากคุณสูญเสีย Crawler ไปในระหว่างการเล่นจะส่งผลเสียต่อฝ่ายคุณหลายอย่าง ซึ่งขณะนี้เรากำลังหาจุดที่เหมาะสมของการปรับโทษนี้อยู่ และเราจะบอกให้รู้ได้เมื่อเรามีข้อสรุปที่แน่นอนแล้ว ที่คิดไว้ในขณะนี้คือ เมื่อ Crawler ตายจะมีช่วงดีเลย์ 20 วินาทีก่อนที่ผู้เล่นจะสามารถเรียกตัวใหม่ออกมาเสริมได้ และการอัพเกรดที่วิจัยอยู่ก็จะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น
Mammoth Tank ใน C&C4 จะเป็นหุ่นประเภท Walker เหมือนกับใน Tiberium Sun รึเปล่า?
JFeasel: ยูนิตประเภท Walker ขนาดใหญ่ของ GDI ที่คุณเห็นในนสกรีนช็อตก่อนหน้านี้คือยูนิตที่มีชื่อว่า Mastodon แต่ว่า Mammoth Tank แบบที่เป็น Walker นั้นจะมีอยู่ในภาคนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ยังเราไม่พร้อมจะเปิดเผยให้เห็นได้เท่านั้น
เรื่อง: HimeKami & YoyoTanya
เกร็ดเพิ่มเติมที่น่าสนใจใน C&C4
- หัวหน้าโปรดิวเซอร์คือนาย Michael Glosceki ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมผู้พัฒนาเกม Dune 2
- แคมเปญของแต่ละฝ่ายจะมีเนื้อเรื่องเฉพาะ ซึ่งจะดำเนินเรื่องกันไปแบบคู่ขนาน
- ฝ่าย Scrin จะเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเรื่อง แต่จะไม่มีให้เลือกเล่นในภาคหลัก (ส่วนภาคเสริมนั้นไม่แน่)
- คุณอาจจะได้รับบทเป็นนายทหารผู้แปรพักตร์ (น่าจะจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วแต่คุณเลือก) และจะต้องต่อกรกับทั้ง NOD และ GDI ซึ่งขณะนี้กำลังเป็นพันธมิตรกัน
- ภารกิจฝั่ง GDI มีชื่อว่า “The man who killed Kane” ส่วนภารกิจของฝ่าย NOD มีชื่อว่า “Everything has to end”
- คัตซีนในเกมจะดูมืดหม่นและจริงจังยิ่งกว่าเดิม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่งเช่นเคย
- เฉพาะผู้เล่นสายป้องกันเท่านั้นที่สามารถสร้างสิ่งก่อสร้างอย่าง Bunker, Defense Tower รวมไปถึงObelisk of Light ได้
- ป้อมของ NOD สามารถมุดลงดินได้
- ผู้เล่นสายโจมตีจะมีรถถังที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด เสริมด้วยอากาศยานหนัก และ Ion Cannon
- C&C4 จะไม่มียูนิตทางน้ำ
- คุณสามารถเลือกยูนิต, การอัพเกรด และพลังพิเศษใหม่ๆ ได้จากผังเทคโนโลยี
- การอัพเกรดที่วิจัยให้กับ Crawler ในแต่ละฉาก จะคงอยู่จนจบฉากเท่านั้น
- การเก็บเกี่ยวไทบีเรียมจะทำได้จากเครื่องขุดเจาะที่ขุดลงไปใน Core Network ซึ่งจะเพิ่มรายได้ให้กับเราอย่างสม่ำเสมอ (น่าจะเหมือนใน RA3)
- เป้าหมายการทำภารกิจของผู้เล่นแต่ละสายจะแตกต่างกันออกไป แต่จะแชร์ร่วมกันเมื่อเล่นในโหมด Co-Op
- เมื่อ Crawler ถูกทำลายไป คุณจะเรียกตัวใหม่เข้ามาที่จุดใดในแผนที่ก็ได้
- EA จะสร้างเซิร์ฟเวอร์สำหรับให้บริการการออนไลน์ C&C4 ขึ้นมาด้วยตัวเอง
- เกมสามารถรองรับผู้เล่นต่อเกมได้สูงสุดถึง 10 คน (เล่นแบบ 5 ต่อ 5)
- คุณสามารถสร้าง Clan ชั่วคราวขึ้นมาได้ เพื่อใช้ทดลองรวมกลุ่มกับผู้เล่นที่คุณต้องการ
- การเล่นแบบออฟไลน์ในแต่ละโหมดกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา แต่อย่างน้อยโหมดแคมเปญก็สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้
- เพลงของ GDI จะเป็นเพลงแนวออเคสตร้าแบบทหาร ส่วนของ NOD จะเป็นเพลงไสตล์เทคโนเชิงศาสนา สอดแทรกด้วยการร้องประสานเสียง
นั่นคือข้อมูลทั้งหมดเท่าที่เรามีในตอนนี้ ซึ่งหากได้รับข้อมูลเพิ่มเติมอีกเมื่อไหร่ เราจะนำมาอัพเดตให้แฟนๆ ได้อ่านกันโดยเร็วที่สุดแน่นอนครับ
ความเป็นมาอันยาวนานของจักรวาลแห่ง Command & Conquer
ปี 1995 Command & Conquer (หรืออีกชื่อคือ Command & Conquer: Tiberian Dawn)
ภาคแรกของซีรีส์มหาสงครามที่ปรากฏตัวบนเครื่อง Nintendo 64 ก่อนจะย้ายมาลงระบบปฏิบัติการ MS-DOS หลังจากนั้นจึงขยายถิ่นฐานของมันไปอีกรวมทั้งหมด 7 แพลตฟอร์มอันเนื่องมาจากความโด่งดังและคำวิจารณ์ “ความเทพ” ของเกมจากผู้ที่ได้ลองเล่น เปิดศักราชซีรีส์ C&C และสมญานามของ Westwood Studios ไปพร้อมๆ กัน
ปี 1996 Command & Conquer: The Covert Operation
ภาคเสริมที่ออกมาติดกันอย่างปัจจุบันทันด่วนเสริมกระแสความดังจากภาคแรก เพิ่มภารกิจที่โหดหินยิ่งกว่าในภาคต้นฉบับอีก 15 ภารกิจ ผนวกด้วยดนตรีประกอบใหม่ๆ และแผนที่สำหรับเล่นหลายคน นอกจากนี้ The Covert Operation ยังช่วยปลดล็อกภารกิจ “ไดโนเสาร์” ในภาคแรกมาให้เล่นด้วย
ปี 1997 Command & Conquer: Sole Survivor
ภาคเสริมของ C&C ที่มีรูปแบบการเล่นแปลกประหลาดที่สุด แทนที่จะเล่นแบบ RTS ทั่วไป เกมภาคนี้บังคับให้ผู้เล่นควบคุมยูนิตตัวเดียวนำไปซัดกันในสนามประลองแบบเดธแมตช์ของระบบหลายผู้เล่น ที่สำคัญมันไม่มีโหมดเนื้อเรื่องให้เล่นครับท่าน
ปี 1999 Command & Conquer: Tiberian Sun
ภาคต่ออย่างเป็นทางการของ C&C ภาคแรก เรื่องราวเริ่มอ้างอิงถึงเหตุการณ์ในอนาคตกาล จุดเด่นของเกมภาคนี้คือมันเพิ่ม “สภาพภูมิประเทศ” แบบต่างระดับเข้ามาในเกมด้วย ยูนิตในเกมบางตัวก็เริ่มใช้วิธีเรนเดอร์แบบสามมิติ นอกจากนี้ Tiberian Sun ยังมียูนิตที่มีรูปร่างเป็นหุ่นรบล้ำสมัยอีกหลายตัว ทำให้มันมีความเป็นไซไฟมากกว่าเดิม
ปี 2000 Command & Conquer: Tiberian Sun: Firestorm
ภาคเสริมที่ออกมาติดๆ กันอีกแล้ว เล่าเรื่องราวต่อจากภาค Tiberian Sun และเกิดเหตุการณ์ร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างฝ่าย GDI และ NOD ที่เป็นคู่กัดตลอดกาล ทั้งคู่ต้องช่วยกันขัดขวางศัตรูหน้าใหม่ซึงเป็น “AI จักรกล” ไม่ให้ครองโลก เกมภาคนี้ยังมีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและเนื้อหาของทั้งสองฝ่ายจะเชื่อมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย
ปี 2002 Command & Conquer: Renegade
เมื่อทีมพัฒนา C&C ติสท์แตกอยากทำเกมแอ็กชั่น ผลที่ได้จึงออกมาเป็นภาค Renegade นี้ เรื่องราวของมันจะย้อนไปเกิดขึ้นในช่วงเวลาสงครามของ C&C ภาคต้นตำรับ เกมทำออกมาได้ไม่ดีไม่แย่ แม้โหมดเนื้อเรื่องจะค่อนข้างเห่ยแต่มันก็มี Multiplayer ที่มียานพาหนะให้ใช้มากมายและผู้เล่นยังต้องพึ่งพาความเป็น “ทีมเวิร์ค” มากขึ้น
ปี 2007 Command & Conquer 3: Tiberium Wars
หลังจากห่างหายจากวงการ RTS ไปนานหลายปี C&C3 ก็กลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง เนื้อเรื่องยังคงเป็นการสู้รบกันระหว่างฝ่าย GDI และ NOD แต่เริ่มหลุดโลกนิดหน่อยเมื่อมีเอเลี่ยนฝ่าย Scrin มาแจมด้วย เกมยังคงเล่นได้สนุก รวดเร็ว และเข้าใจง่ายเหมือนเดิม เมื่อบวกกับแคมเปญที่แสนเมามันส์และกราฟิกสุดสวยเข้าไป ทำให้มันเข้าไปอยู่ในใจเกมเมอร์หลายคนอย่างรวดเร็ว
ปี 2008 Command & Conquer 3: Kane's Wrath
คงเป็นธรรมเนียมของ C&C แล้วกระมังที่ต้องมีภาคเสริมออกตามหลังภาคหลักทุก 1 ปีให้หลัง Kane's Wrath เผยเรื่องราวสองส่วนคือก่อนและหลังสงครามใน C&C3 เกมขนแผนที่ใหม่มาให้เล่นอีกเป็นกระตั้ก ผนวกด้วยสูตรสำเร็จอย่าง “ยูนิตใหม่ๆ” แต่เนื่องจากเกมยังขาดความโดดเด่นในหลายส่วนจึงทำให้มันกลายเป็นภาคที่ไม่ดีไม่แย่อีกเช่นเคย
ปี 2010 Command & Conquer 4
ทิ้งห่างกันไม่กี่ปีทางทีมพัฒนาก็เซอร์ไพรส์เกมเมอร์ด้วยการประกาศภาคต่อและภาคจบ (หวังว่านะ) ของเกมซีรีส์นี้ทันที เรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวกับวิกฤติการณ์แร่ไทบีเรียมระบาดทั่วโลกและเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยการที่ฝูงเอเลี่ยน Scrin กำลังจะตามมาตื้บมนุษยชาติจนแบน มีวี่แววว่าเกมเมอร์ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลาเพื่อเล่นเกมภาคนี้ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ย้อนไปอ่านในบทความกันเลย!