จำได้ว่าตอนที่เกม WEDO เปิดตัวใหม่ๆ หนึ่งในจุดเด่นของเกมที่แนะนำไว้ก็คือ “ความง่าย” มาในวันนี้ผมก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าเกมนี้เป็นเกมที่เข้าใจง่ายจริงๆ แต่อยากจะเพิ่มจุดเด่นเข้าไปอีกข้อนึงด้วยนั่นก็คือ “ความยาก” เอาล่ะสิ เพิ่มบอกง่ายไปหยกๆ ทำไมจุดเด่นอีกข้อนึงถึงกลายเป็นความยาก จะแถลงไขให้กระจ่างเองครับพี่น้อง
ตกลงมันง่ายหรือยาก?
จริงๆ แล้วเกม WEDO นั้นเป็นเกมที่เข้าใจง่าย ขนาดที่ว่าคนที่ไม่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อนก็สามารถเริ่มเล่นได้โดยใช้เวลาไม่นาน นั่นคือความหมายของคำว่า “ง่าย” ที่ผมพูดถึง แต่ที่เห็นจะต้องอธิบายกันยาวหน่อยก็คงจะเป็น “ความยาก” นี่แหละครับ เพราะว่าเกม WEDO นั้นมีรูปแบบการเล่นหลากหลาย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีโหมดง่าย และยากปะปนกันไป และโหมดยากก็ยังมีหลายระดับ ซึ่งหนึ่งในโหมดที่ผู้เล่นเรียกว่า “ยาก” ได้เต็มปากนั่นก็คือ “โหมดตอบกลับ” นั่นเองครับ
พูดถึงโหมดตอบกลับแล้ว คนที่ยังไม่ได้ลองเล่นอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันคือโหมดอะไร แต่เดี๋ยวผมจะอธิบายในภายหลัง ตอนนี้เข้าใจว่าเป็นโหมดสุดหินที่สุดของเกมไว้ก่อนก็แล้วกัน ซึ่งจากเหตุผลทั้งความง่าย และยากนี้ ทำให้เกม WEDO กลายเป็นเกมที่คนเล่นเกมไม่เป็นก็สนุกได้ และคนเล่นเกมเต้นจนเป็นเทพแล้วก็มันส์ได้ไม่แพ้กัน ในเมื่อพูดถึงความยาก-ง่ายแล้ว ถ้างั้นผมขอหยิบยก 2 โหมดที่แตกต่างกันในด้านระดับความยากมาเทียบกันไปเลยดีกว่า
โหมดสุดอ่อน
โหมดที่ได้ชื่อว่าเป็นโหมดสุดอ่อน หรือโหมดที่เบสิคที่สุดของชาว WEDO คงต้องยกให้กับ “โหมดปกติแบบ 4 ปุ่มระดับง่าย” สาเหตุที่โหมดนี้เป็นโหมดที่ง่ายที่สุดก็เพราะว่าจำนวนปุ่มลูกศรที่มีให้กดสูงสุดนั้นจะอยู่แค่เลเวล 6 หรือจำนวน 6 ปุ่มเท่านั้น ถึงแม้ว่าในช่วง Finish Move จะมีปุ่มให้กดถึง 9 ปุ่ม แต่ก็มีให้กดไม่กี่ครั้งใน 1 เพลง ที่เหลือจะเป็นท่าเต้นเลเวล 1-6 ทั้งนั้น แถมยังไม่มีปุ่มแดงมาแทรกให้รำคาญใจอีกด้วย ไม่ต้องกลัวว่าจะกดไม่ทันเลยแม้แต่น้อย
ระดับง่ายท่าเต้นสูงสุดเลเวล 6 เท่านั้น
Finish Move ไม่มีปุ่มแดง
นอกจากนี้เนื่องจากเป็นรูปแบบการเล่นระดับง่าย ซึ่งสามารถเลือกเล่นได้ทั้งใน Channel นักเต้นอิสระ และนักเต้นฝึกหัด ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกกดไม่เต็มท่าเต้นได้ด้วย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกดปุ่มลูกศรไม่ทันขึ้นมา ก็หยุดกด แล้วไปกดปุ่ม Spacebar ให้ตรงจังหวะก็ไม่ถือว่า Miss
ความง่ายยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น แต่ระบบยังมีเส้นแสดงจุด Perfect ไว้ให้เห็นอีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าเป็นมือใหม่เข้ามาเต้น ก็สามารถเริ่มเล่นที่โหมดนี้ได้ทันทีโดยไม่ต้องกลัวทั้งเรื่องการกดไม่ทัน และการกดไม่ตรงจังหวะ ง่ายมั้ยล่ะ?
มีเส้นกำกับแบบนี้ทำ Perfect ง่ายๆ เลย
โหมดสุดหิน
ถัดจากโหมดง่ายๆ ก็มาโหมดเทพที่มีไว้เพื่อปราบเซียนตัวจริงกันบ้าง สำหรับโหมดที่ขึ้นชื่อว่าหินที่สุดในเกม WEDO ก็คือ “โหมดปกติ 8 ปุ่ม แบบตอบกลับ เปิดปุ่มแดง” โหมดการเล่นแบบปกติ 8 ปุ่ม แล้วเปิดปุ่มแดงด้วยก็น่าจะเป็นโหมดที่ยากสำหรับผู้เล่นใหม่อยู่แล้ว แต่เมื่อนำไปผสมผสานกับรูปแบบการเล่นแบบตอบกลับที่พกความยากระดับเทพมาอยู่แล้วก็เลยกลายมาเป็นโหมดสุดหินสยบนักเต้นทุกระดับไปโดยปริยาย
อยากโหดต้องตั้งค่าห้องแบบนี้
ปุ่มแดง 8 ปุ่มว่ายากแล้ว
เจอแบบตอบกลับด้วยโหดสุดๆ
มาพูดถึงเรื่องโหมดการเล่นแบบตอบกลับบ้าง เพราะเชื่อว่ายังมีหลายคนที่ไม่รู้ว่ามันเล่นยังไง โหมดการเล่นแบบตอบกลับนั้นผู้เล่นจะต้องกดปุ่มลูกศรท่าเต้นย้อนทาง จากเดิมที่กดจากด้านซ้ายไปด้านขวา ต้องเปลี่ยนมากดไล่จากด้านขวามาด้านซ้าย แล้วจบด้วย Spacebar แทน
Finish Move ที่ว่ายากกลายเป็นธรรมดาไปเลย
อันนี้สุดๆ ครับ เลเวล 9 + แดง + ย้อนทาง
แต่ถ้าจะให้กดย้อนทางแบบนั้นมันก็อาจจะดูง่ายไปหน่อย หากเล่นฝึกไปเรื่อยๆ ก็อาจจะสามารถทำได้ แต่ความโหดไม่เคยปรานีใคร ผู้พัฒนาได้ออกแบบให้โหมดนี้มีการเล่นแบบสลับกันระหว่างการกดจากซ้ายไปขวา และการกดจากขวาไปซ้าย ทำให้ผู้เล่นต้องปรับตัว และปรับตำแหน่งการวางสายตาตลอดทั้งเพลง ยิ่งเล่นยิ่งงง ยิ่งกดยิ่งพลาด ปวดหัวเป็นที่สุด นี่แหละที่เรียกว่ายากของจริง
จากทั้ง 2 โหมดที่ผมได้นำเสนอก็คงทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงความแตกต่างของระดับความยากแบบสุดขั้วในเกม WEDO แล้ว คงเป็นที่ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเกมนี้เล่นได้ทุกระดับตั้งแต่คนเล่นไม่เป็นจนไปถึงเซียนเกมเต้นเลยทีเดียว ถ้าใครอยากลองความโหดสุดๆ อย่างที่ได้บอกไป ก็ไม่ห้าม แต่เล่นแล้วอย่าคิดมากนะครับ เดี๋ยวเครียด 555+