Metal Gear 2: Solid Snake
ปี 1999
โลกเผชิญกับวิกฤติพลังงาน เนื่องจากน้ำมันของโลกนั้นถูกใช้ไปในปริมาณมากกว่าที่คาดไว้ ทำให้เริ่มมีการหาพลังงานทดแทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเศรษฐกิจปั่นป่วนเนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันที่แพงขึ้นฉับพลัน แต่มีนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ดร. กิโอ มาร์ว (Dr. Kio Marv) ได้ค้นพบจุลินทรีย์ที่สามารถสกัดน้ำมันดิบให้เป็นน้ำมันที่บริสุทธิ์ในปริมาณมาก เรียกว่าออยลิกซ์ (OILIX) แต่ทว่าไม่นานนักเขาได้ถูกลักพาตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
นานาชาติมีการเริ่มสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้น และพบว่ามีประเทศแซนซิบาร์ (Zanzibar) ซึ่งปรากฏตัวอยู่ในเอเชียกลางได้ลักพาตัว ดร. มาร์วไป ซึ่งประเทศนี้มีทหารรับจ้างและป้อมปราการที่แข็งแกร่ง และข้อมูลล่าสุดที่ได้รับคือพวกเขาสามารถที่จะยิงนิวเคลียร์ได้ ด้วยออยลิกซ์นี่เองจะทำให้แซนซิบาร์นั้นเข้ามาโดดเด่นในสังคมโลกทั้งด้านเศรษฐกิจและทางทหาร ทำให้อเมริกาไม่อาจนอนใจได้อีกต่อไป จึงมีคำสั่งให้ รอย แคมป์เบล อดีตผู้บัญชาการของ FOXHOUND หาทางเข้าไปช่วย ดร. มาร์วให้ได้ แคมป์เบลจึงได้ส่ง โซลิด สเน็ค ผู้ซึ่งทำลายเอาเตอร์เฮฟเว่นเมื่อ 4 ปีก่อนเข้าไปช่วย ดร. มาร์ว
หลังจากลอบเข้าไปยังแซนซิบาร์สำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ CIA สเน็คสามารถเข้าไปยังป้อมปราการได้ และที่นี่เขาได้พบกับ ดร. แพ็ตโตรวิคผู้สร้างเมทัลเกียร์ในเหตุการณ์เอาเตอร์เฮฟเว่น ครั้งนี้เขาถูกบังคับให้พัฒนาเมทัลเกียร์ตัวใหม่ และยิ่งไปกว่านั้น ดร. แพ็ตโตรวิคเล่าว่าบิ๊กบอสที่สเน็คเอาชนะเมื่อครั้งก่อนเขายังไม่ตายและได้มาสร้างป้อมปราการที่นี่ใหม่
สเน็คได้ช่วยเหลือ ดร. แพตโตรวิคและมุ่งหน้าเข้าไปยังภายในฐานต่อเพื่อช่วย ดร. มาร์ว แต่เขาได้พบกับสิ่งที่น่าตกใจ นั่นคือเกรย์ฟ๊อกซ์ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์เอาเตอร์เฮฟเว่นเขาหายตัวไป และตอนนี้เขาสวามิภักดิ์ต่อบิ๊กบอส หลังจากปรากฏตัวแล้วเขาก็หนีไป สเน็คออกตามหา ดร. มาร์วต่อ เมื่อเขาไปถึงกลับพบว่า ดร. มาร์วตายแล้ว ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ CIA ได้ติดต่อเร่งด่วน มาว่าเขาพบความจริงว่า ดร. แพ็ตโตรวิคนั้นอาสาที่จะสร้างเมทัลเกียร์และเป็นคนเสนอแผนการให้ลักพาตัว ดร. มาร์ว เมื่อสเน็ครู้ตัว ดร. แพ็ตโตรวิคจึงพยายามที่จะทำร้ายสเน็ค แต่สเน็คก็จัดการเขาได้ไม่ยาก
สเน็คพบแบบแปลนของโครงสร้างออยลิกซ์ และได้พยายามหนีออกจากฐาน แต่ทว่าต้องเผชิญหน้ากับเมทัลเกียร์ดี (Metal Gear D) ซึ่งบังคับโดยเกรย์ฟ๊อกซ์ เมื่อสเน็คทำลายเมทัลเกียร์ได้ เขาต้องดวลกับเกรย์ฟ๊อกซ์ตัวต่อตัว
ท่ามกลางทุ่นระเบิด และสามารถเอาชนะได้สำเร็จ แต่นั่นยังไม่จบเพราะยังมีอีกคนที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์นี้ สเน็คเผชิญหน้ากับบิ๊กบอสอีกครั้ง บิ๊กบอสได้บอกว่าทหารไม่สามารถที่จะหนีสมรภูมิไปได้หรอก มีแต่ผู้แพ้เท่านั้นที่จะได้รับการปลดปล่อย แต่ผู้ชนะนั้นยังคงต้องวนเวียนในสมรภูมิเรื่อยไป และนี่จะเป็นการตัดสินกันครั้งสุดท้ายระหว่างสเน็คและบิ๊กบอส
Metal Gear D
สเน็คเอาชนะบิ๊กบอสได้ ครั้งนี้บิ๊กบอสตาย สเน็คได้หนีออกจากแซนซิบาร์พร้อมกับแบบแปลนของออยลิกซ์ นี่เป็นอีกครั้งที่สเน็คช่วยโลกไว้ได้แต่ตัวเขาเองไม่ได้ยินดีกับเรื่องนี้เลย คำพูดของบิ๊กบอส เรื่องที่ไม่อาจหนีจากสนามรบได้ยังคงดังก้องในหัวเขา หลังจากจบเหตุการณ์นี้สเน็คได้ลาออกจาก FOXHOUND และหายตัวไปในอลาสก้า
Metal Gear Solid
ปี 2005
เกิดเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายบุกยึดโรงงานปลดอาวุธนิวเคลียร์บนเกาะชาโดวโมเสส (Shadow Moses Island) ในรัฐอลาสก้า โดยหน่วยรบพิเศษแบบยุคใหม่ (Next-Generation Special Forces) ซึ่งมีผู้นำคือสมาชิกหน่วย FOXHOUND โดยจับคนของรัฐบาลไว้เป็นตัวประกัน พวกเขาส่งข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลอเมริกา โดยให้ส่งร่างของบิ๊กบอสที่เหลือและเงินหนึ่งพันล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมง มิเช่นนั้นจะทำการยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์
รอย แคมป์เบล อดีตผู้บัญชาการหน่วย FOXHOUND ได้เรียกตัว โซลิด สเน็ค มารับภารกิจนี้โดยขอร้องกึ่งบังคับ ซึ่งกลุ่มสมาชิกของ FOXHOUND นั้นมีผู้นำคือ ลิขวิด สเน็ค (Liquid Snake) ชายผู้มีโค้ดเนมเดียวกับ โซลิด สเน็ค ภารกิจของสเน็คในครั้งนี้มีสองข้อ ข้อแรกคือช่วยตัวประกันที่ถูกจับกุม นั่นคือ ดาร์พาชีฟ (DARPA Chief) หัวหน้าของหน่วยดาร์พา, เคนเนธ เบเกอร์ (Kenneth Baker) ประธานบริษัทผลิตอาวุธของกองทัพสหรัฐฯ อาร์มส์เทค (ArmsTech) อย่างที่สองคือสืบสวนข้อมูลว่าผู้ก่อการร้ายนั้นมีความสามารถที่จะยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ได้จริงหรือไม่ และให้หาทางหยุดยั้งถ้าพวกเขาทำได้จริง
สเน็คได้รับการเตรียมตัวที่จะเข้าไปยังเกาะชาโดวโมเสส ซึ่งผู้พันแคมป์เบล ซึ่งได้ออกจากหน่วย FOXHOUND ต้องกลับมารับหน้าที่คอยให้คำแนะนำสเน็ค โดยมี ดร. นาโอมิ ฮันเตอร์ (Dr. Naomi Hunter) เป็นเจ้าหน้าที่พิเศษทางด้านวิศวพันธุกรรม ของหน่วย FOXHOUND เธอได้ฉีดนาโนแมชชีน (Nanomachine) ให้กับสเน็ค รวมไปถึงตัวยาบางอย่างส่งผลให้ เลือดไม่แข็งตัวในภูมิประเทศที่อากาศหนาวอย่างอลาสก้าและมีสารกระตุ้นประสาทให้ตื่นตัวและสารอาหาร นอกจากนี้เธอยังมีหน้าที่ให้คำแนะนำสเน็คระหว่างภารกิจนี้ด้วยอีกคนคือ เหม่ย หลิง วิศวกรสาวชาวจีนเป็นผู้ประดิษฐ์โคเดค (Codec) เป็นอุปกรณ์วิทยุขนาดเล็กติดที่ภายในหู ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารได้
มาสเตอร์มิลเลอร์ติดต่อมาทางโคเดคเพื่อคอยแนะนำสเน็ค
สเน็คลอบเข้าแทรกซึมไปยังเกาะชาโดวโมเสส เมื่อเข้าไปถึงสเน็คได้หาทางไปช่วยดาร์พาชีฟ ภายในฐานของศัตรู ระหว่างนั้นมาสเตอร์มิลเลอร์ (MASTER Miller) อดีตเจ้าหน้าที่กรีนเบเร่ต์ ได้ติดต่อมาและคอยให้คำแนะนำสเน็คอีกคน เมื่อสเน็คสามารถเข้าไปพบดาร์พาชีฟในห้องขังได้ สเน็คได้ถามถึงความสามารถของผู้ก่อการร้ายว่ายิงนิวเคลียร์ได้จริงหรือดาร์พาชีฟเล่าให้ฟังว่าพวกเขาสามารถทำได้ เพราะจริงๆ แล้วที่นี่เป็นสถานที่มีการพัฒนาเมทัลเกียร์อาวุธชนิดใหม่อย่างลับๆ เมื่อสเน็คได้ยินแล้วสร้างความตกใจให้กับเขามากเพราะเขารู้จักอาวุธชนิดนี้ดี ดาร์พาชีปบอกว่าเมทัลเกียร์เป็นโครงการที่เรียกว่าแบล็กโปรเจ็กต์ (Black Project) ซึ่งตอนนี้กำลังทำการทดสอบเมทัลเกียร์ โค้ดเนมว่าเมทัลเกียร์เร๊กซ์ (Metal Gear REX) โดย REX นั้นมีความสามารถยิงหัวรบนิวเคลียร์ไปยังที่ใดก็ได้บนโลก แต่ว่าหัวรบนิวเคลียร์จะใช้ได้นั้น จำเป็นจะต้องใช้รหัสปลดล็อกหัวรบ โดยใช้รหัสผ่านพิเศษ 2 รหัส ซึ่งเขารู้หนึ่งและเบเกอร์รู้อีกหนึ่ง แต่ดาร์พาชีฟบอกว่า พวกมันรู้รหัสของเขาแล้ว!! สเน็คตกใจจึงถามไปว่า คุณบอกพวกมันไปเหรอ!? ดาร์พาชีฟเล่าให้ฟังว่าในสมาชิกของ FOXHOUND คนหนึ่งชื่อไซโคแมนทิส (Psyco Mantis) เขามีพลังจิตสามารถอ่านจิตใจของคนได้ ไม่มีใครที่จะสามารถต่อต้านได้ แต่ยังมีวิธีหยุดหัวรบนิวเคลียร์ไม่ให้ยิงได้อยู่ โดยใช้แพลการ์ด (PAL Card) เป็นการ์ดพิเศษที่ใช้สั่งหยุดฉุกเฉินสามใบโดยไม่ต้องใช้รหัส ซึ่งสเน็คต้องหามาให้ได้ แต่จู่ๆ ดาร์พาชีฟก็แสดงอาการแปลกๆ และตายต่อหน้าสเน็ค สร้างความตกใจให้กับสเน็คมาก เขาติดต่อผู้พันแคมป์เบลและนาโอมิ แต่ทั้งคู่เองก็ไม่รู้เช่นกัน โดยได้เพียงแค่บอกว่าอาการแบบนี้ลักษณะคล้ายหัวใจวาย สเน็คได้แต่เก็บความข้องใจนี้เอาไว้ในใจ
สเน็คคุยดาร์พาชีฟก่อนที่เขาจะหัวใจวายตายอย่างปริศนา
ระหว่างนั้นผู้หญิงในห้องขังข้างๆ นั้นได้ทำการแหกคุกออกมาจัดการทหารยามและปลอมตัวเป็นทหารคนนั้น เธอได้เปิดประตูห้องขังดาร์พาชีฟ และพบว่าดาร์พาชีฟตาย เธอจึงสงสัยว่าสเน็คเป็นคนฆ่า แต่ระหว่างนั้นมีกองกำลังทหารบุกมา ทั้งคู่จึงต้องสู้กับทหารที่บุกมาก่อน เมื่อชนะแล้ว ผู้หญิงคนดังกล่าวอาศัยจังหวะหนีไปยังลิฟต์ สเน็คเห็นสรีระการวิ่งของเธอ จึงรู้ว่าเป็นผู้หญิงปลอมตัวในชุดทหาร และคิดว่าน่าจะเป็นหลานสาวของผู้พันแคมป์เบลจากที่ได้ยินจากผู้พันมา เธอคือเมอริล (Meryl)
รีวอลเวอร์ โอเซล็อต หนึ่งในเจ้าหน้าที่พิเศษหน่วย FOXHOUND
สเน็คออกตามหาเบเกอร์เพื่อสอบถามถึงรหัสที่เหลือ เมื่อไปถึงเขาพบกับหนึ่งในสมาชิก FOXHOUND อีกคนเขาคือ รีวอลเวอร์ โอเซล็อต (Revolver Ocelot) มาขวางเอาไว้ แต่เมื่อสู้ไปได้สักระยะ มีบางอย่างซึ่งล่องหนได้มาฟันแขนของโอเซล็อตขาด โอเซล็อตจึงหนีไป ร่างของคนผู้นั้นจึงปรากฏออกมา ลักษณะของเขาคล้ายไซบอร์ก (Cyborg) และถือดาบ สเน็คดูท่าทางแล้วจึงเรียกเขาว่าไซบอร์กนินจา แต่แล้วจู่ๆ เขาก็คลุ้มคลั่งและจากไป สเน็คจึงเข้าไปช่วยเบเกอร์และได้ถามข้อมูลว่าพวกมันได้รหัสไปหรือยัง เบเกอร์บอกว่าพวกมันได้ไปแล้ว สเน็คคิดว่าเป็นฝีมือของแมนทิสแต่เบเกอร์บอกว่าแมนทิสไม่สามารถอ่านใจเขาได้เพราะคนที่รู้รหัสสำคัญๆ จะต้องมีการศัลยกรรมสมองเพื่อป้องกันเอาไว้ แมนทิสจึงอ่านใจพวกเขาไม่ได้ แน่นอนว่าดาร์พาชีฟเองก็ถูกศัลยกรรมสมองป้องกันไว้เช่นกัน แต่สเน็คได้แย้งไปว่าดาร์พาชีฟบอกมาว่าเขาถูกแมนทิสอ่านใจและได้รหัสไป เรื่องนี้จึงสร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสอง เบเกอร์ได้เล่าต่อว่าเขาโดนทรมานทำให้ต้องยอมบอกรหัสไป สถานการณ์ตอนนี้จึงสรุปได้ว่าผู้ก่อการร้ายนั้นรู้รหัสทั้งหมดแล้ว จึงต้องใช้แพลการ์ดในการสั่งหยุดเท่านั้น สเน็คจึงสอบถามเรื่องของแพลการ์ดแต่เบเกอร์บอกว่าเขาได้ให้เมอริลไปแล้วให้ไปติดต่อเอาจากเธอ เบเกอร์แนะนำว่าถ้าหยุดการปลดล็อกไม่ได้คงต้องทำลายเมทัลเกียร์แทน โดยติดต่อ ดร. ฮาล เอมเมอริช (Hal Emmerich) ผู้สร้างเมทัลเกียร์ เขาต้องรู้วิธีทำลายเมทัลเกียร์แน่ๆ สุดท้ายเบเกอร์ได้มอบแผ่นดิสก์ซึ่งบรรจุข้อมูลการทดสอบเมทัลเกียร์ให้กับสเน็คแล้วบอกว่าให้นำไปให้จิมคนที่ส่งสเน็คมา แต่แล้วเหตุการณ์ก็ซ้ำรอย เบเกอร์เกิดอาการหัวใจวายไปอีกคน สร้างความงุนงงให้กับสเน็คอย่างยิ่งและคิดว่านี่ไม่ใช่เหตุบังเอิญแน่ๆ
นินจาลึกลับที่โผล่มาช่วยสเน็คขณะดวลกับโอเซล็อต
สเน็คติดต่อไปยังเมอริลทางโคเดค และถามถึงที่อยู่ของ ดร. เอมเมอริช จากนั้นสเน็คจึงรีบไปหา ดร. เอมเมอริชทันที ระหว่างทางไปห้องของ ดร. เอมเมอริช เขาพบทหารถูกฆ่ารายทางด้วยอาวุธมีคม ไม่ใช่ปืน จึงได้ตามไปดูพบนินจาคนนั้นล่องหนและฆ่าทหารอยู่ จากนั้นเขาได้เดินเข้าห้องของ ดร. เอมเมอริช สเน็คเห็นเช่นนั้นจึงตามเข้าไปทันที
เมื่อเข้าไปแล้วสเน็คได้ถามนินจาว่าต้องการอะไร นินจาบอกว่าเขารอคอยช่วงเวลานี้มานาน เขากลับมาจากโลกแห่งความตายเพื่อจะได้ตัดสินกับสเน็ค สเน็คจึงต้องสู้กับนินจา เมื่อเขาชนะนินจาเกิดอาการคุ้มคลั่งขึ้นอีกครั้งและหนีไป ตอนนี้สเน็ครู้แล้วว่าเขาคือใคร สเน็คได้ติดต่อผู้พันแคมป์เบลแล้วเล่าให้ฟังว่านินจาคนนั้นคือเกรย์ฟ๊อกซ์ ซึ่งเขาน่าจะตายไปแล้วที่แซนซีบาร์ นาโอมิเล่าให้ฟังว่าก่อนที่เธอจะเข้า FOXHOUND ดร. คล๊าก (Dr. Clark) ที่เป็นเจ้าหน้าที่คนก่อนนั้นได้ทำการทดลองยีนบำบัด และเอาร่างของทหารในแซนซีบาร์มาทดลองทางด้านยีนโดยชุบขึ้นมาให้อยู่ในสภาพไซบอร์กในชุด เอ๊กโซสเกเลตัน (Exoskeloton)
สเน็คคุยกับ ดร. เอมเมอริช ซึ่ง ดร. เอมเมอริชเสนอให้เรียกเขาว่าโอตาค่อน (Otacon) สเน็คถามถึงเรื่องเมทัลเกียร์ เพราะเมทัลเกียร์เป็นอาวุธที่จะก่อสงคราม โอตาค่อนไม่รู้เรื่อง เขาได้แต่บอกว่าเมทัลเกียร์คือเครื่องต่อต้านขีปนาวุธนิวเคลียร์เคลื่อนที่ (Mobile TMB) ทำได้แค่สกัดขีปนาวุธทางอากาศ เมื่อได้ยินเช่นนั้น สเน็คได้ต่อว่าโอตาค่อนว่ายังจะแกล้งทำเป็นเซ่อ เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าเมทัลเกียร์ยิงนิวเคลียร์ได้ แต่โอตาค่อนเองทำท่าไม่รู้เรื่องจริงๆ และตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน เขาจึงคิดได้ว่าตัวเองถูกหลอกให้สร้าง โอตาค่อนเล่าให้สเน็คฟังว่าจริงๆ แล้วความฝันของเขาจริงๆ คืออยากจะสร้างหุ่นยนต์ที่เดินสองขาได้เหมือนในการ์ตูนญี่ปุ่นไม่ใช่อาวุธสงคราม เรื่องนี้ทำให้โอตาค่อนเสียใจเป็นอย่างมากและตัดสินใจที่จะช่วยสเน็ค
โอตาค่อน นักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างเมทัลเกียร์
สเน็คแอบห่วงว่าโอตาค่อนจะหัวใจวายไปอีกคน แต่ก็ไม่เกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เขาจึงแนะนำให้โอตาค่อนหลบหนีไปเพราะที่นี่อันตราย แต่โอตาค่อนบอกว่าเขามีเครื่องล่องหน (Stealth Camoflage) ทำให้ล่องหนได้เช่นเดียวกับนินจาดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าพวกทหารจะเจอ ต่อมาสเน็คนัดพบกับเมอริลเพื่อเอาแพลการ์ดที่เธอ เมื่อสเน็คพบเมอริลแล้ว เมอริลได้มอบแพลการ์ดพร้อมกับบอกสถานที่ของเมทัลเกียร์ว่า อยู่ทางฐานซ่อมบำรุงชั้นใต้ดินของทางทิศเหนือ แพลการ์ดที่ได้จากเมอริลมีแค่ใบเดียวเท่านั้น ยังขาดอีกสองใบ
สเน็คพยายามห้ามไม่ให้เมอริลเข้าร่วมภารกิจนี้และปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง เพราะเมอริลยังเป็นสมาชิกหน้าใหม่ของ FOXHOUND ประสบการณ์ยังน้อยเกินกว่าจะสู้กับพวกทหารมืออาชีพ เมอริลรั้นและบอกว่าเธอรู้จักสถานที่แห่งนี้ดี โดยเธอได้สัญญาจะไม่เป็นตัวถ่วงเด็ดขาด สเน็คถามย้อนไปว่าแล้วถ้ายอมให้แล้วเกิดเป็นตัวถ่วงขึ้นมาจะทำไง? เมอริลแสดงความแน่วแน่ด้วยการบอกว่า งั้นก็ยิงฉันทิ้งได้เลย สเน็คเหน็บแนมด้วยการบอกไปว่า ไม่อยากจะเสียกระสุนโดยเปล่าประโยชน์
สเน็คเผชิญหน้ากับไซโคแมนทิส ผู้มีพลังจิต
เมอริลได้ยินเช่นนั้น ค่อนข้างที่จะเสียดแทงใจเธอ เมอริลจึงเล่าให้ฟังว่าเธอฝึกฝนตัวเองเป็นทหารอย่างหนักและเข้า FOXHOUND เพื่อที่จะเป็นทหารที่แท้จริง อย่างที่พ่อของเธอเป็น พ่อของเธอตายไปเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็ก บางทีการเป็นทหารอย่างเต็มตัวอาจทำให้เธอเข้าใจพ่อของเธอได้บ้าง สเน็คจึงถามเธอว่าแล้วตอนนี้เป็นรึยังล่ะ? เมอริลบอกว่าก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าได้เป็นแล้ว จนกระทั่งวันนี้เธอถึงได้เข้าใจว่าเธอยังไม่ใช่เพราะเธอยังลังเลที่จะใช้ปืนห้ำหั่นชีวิตของศัตรู สเน็คจึงได้แต่ยอมให้เธอติดตามและเตือนให้เธอระมัดระวัง หลังจากนั้นทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปยังฐานซ่อมบำรุงชั้นใต้ดินทางทิศเหนือ แต่ระหว่างทางสเน็คเผชิญหน้ากับไซโคแมนทิส และแมนทิสได้ใช้พลังจิตควบคุมเมอริลไว้ สเน็คจึงทำให้เมอริลสลบแล้วสู้แมนทิส เมื่อชนะแล้ว ทั้งสองคนจึงเดินทางต่อ แต่แล้วก็ต้องถูกสไนเปอร์วูฟล์ (Sniper Wolf) หนึ่งในสมาชิกของ FOXHOUND ดักซุ่มยิง ซึ่งเธอเป็นนักแม่นปืนที่เก่งมากๆ สามารถเล็งปืนได้อย่างแม่นยำ สเน็คต้องรีบหลบออกจากวิถีของปืน แต่เมอริลนั้นหลบไม่ทันทำให้เธอโดนยิงจนล้มลง เมอริลพยายามห้ามไม่ให้สเน็คออกมา เพราะเธอไม่อยากจะเป็นตัวถ่วง เมอริลรู้ดีว่าเธอจะเป็นเหยื่อล่อให้สเน็คออกมา เธอจึงพยายามบอกให้สเน็คฆ่าเธอ แต่สเน็คไม่อาจทำได้ ผู้พันแคมป์เบลแนะนำให้สเน็คไปหาปืนไรเฟิลเพื่อสู้กับวูลฟ์ เพราะปืนธรรมดาไม่อาจจะหวังผลที่จะยิงสู้ได้เลย สเน็คจึงต้องไปหาปืนไรเฟิลเพื่อมาสู้กับวูลฟ์
วูลฟ์ใช้เมอริลเป็นเหยื่อล่อให้สเน็คโผล่ตัวออกมา
เมื่อสเน็คได้ปืนไรเฟิลมาแล้วเขาย้อนกลับมายังที่เดิมแต่พบว่าเมอริลหายไปแล้ว สเน็คได้สู้กับวูลฟ์และสามารถเอาชนะได้ เขาตรงไปจุดที่วูฟล์ซุ่มอยู่ แต่ทว่าวูลฟ์กลับพาทหารดักซุ่มและล้อมไว้ สเน็คโดนฟาดสลบและถูกจับตัวไป สเน็คฟื้นขึ้นและได้ยินการสนทนาของลิขวิดกับโอเซล็อตถึงเรื่องข้อเสนอที่ยื่นให้รัฐบาลอเมริกาซึ่งยังไม่คืบหน้า ลิขวิดได้ทิ้งหน้าที่ให้โอเซล็อตสอบสวนสเน็คเรื่องของข้อมูลของแพลการ์ดที่เหลือ ซึ่งสเน็คมีแค่ใบเดียว โอเซล็อตทรมานสเน็คเพื่อให้บอกข้อมูลของแพลการ์ดที่เหลือ แต่สเน็คเองก็ไม่ได้ปริปากอะไร
สเน็คซึ่งโดนทรมานเพื่อให้คายข้อมูลของแพลการ์ด
สเน็คถูกนำตัวมาขังไว้ในห้องขังเพื่อรอสอบสวนต่อในภายหลัง เขาพบศพดาร์พาชีพในห้องขังที่เขาอยู่ และสังเกตเห็นว่าศพเริ่มเน่าแล้ว ซึ่งเร็วเกินไปถ้านับตั้งแต่ที่สเน็คได้เจอในครั้งแรก แต่ก็ได้แค่เก็บความสงสัยไว้ในใจ สเน็คติดต่อหาผู้พันแคมป์เบลและได้คุยเรื่องของเมอริล สเน็คได้แต่โทษตัวเองที่ไม่อาจจะช่วยเมอริลได้ ผู้พันแคมป์เบลเข้าใจสเน็คดี สเน็คเล่าสถานการณ์ให้ฟังต่อว่าตอนนี้เขาได้แพลการ์ดมาเพียงใบเดียว การจะหยุดยั้งหัวรบนิวเคลียร์จำเป็นต้องใช้สามใบ ถ้าหาแพลการ์ดที่เหลือไม่เจอคงต้องใช้วิธีสุดท้ายคือทำลายเมทัลเกียร์แทน
สเน็คอยู่ในสภาพที่อ่อนล้าหลังจากโดนทรมานจึงพยายามชวนนาโอมิคุย สเน็คได้เล่าให้ฟังว่าเขาไม่มีครอบครัว แต่เคยมีชายคนนึงอ้างตัวว่าเขาเป็นพ่อ ซึ่งสเน็คฆ่าเขาด้วยมือตัวเองชายคนนั้นคือบิ๊กบอส เมื่อนาโอมิได้ยินเธอค่อนข้างตกใจ เธอจึงถามว่าแล้วเขาคือพ่อของสเน็คจริงๆ หรือ? สเน็คบอกได้แค่ว่า ที่รู้ก็คือบิ๊กบอสบอกเขามาแบบนั้น นาโอมิจึงได้ถามด้วยความเป็นห่วงที่สเน็คเองก็อยู่เหมือนอยู่ตัวคนเดียว แต่สเน็คบอกไปว่าเขายังมีเพื่อนอยู่ นั่นคือผู้พันแคมป์เบล และอีกคนคือ เกรย์ฟ๊อกซ์ เมื่อนาโอมิได้ยินเธอจึงถามต่อว่า สเน็คเป็นคนฆ่าเกรย์ฟ๊อกซ์ ที่แซนซิบาร์ แต่ทำไมถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นเพื่อนกันได้? สเน็คอธิบายว่า มันอาจยากที่จะเชื่อแต่เกรย์ฟ๊อกซ์เป็นคนที่ดี เขาได้เรียนรู้จากเกรย์ฟ๊อกซ์หลายอย่าง ถึงครั้งนั้นจะเจอกันในฐานะศัตรู แต่มันไม่ได้แปลว่ามิตรภาพจะต้องสิ้นสุดไป
นาโอมิจึงได้เล่าเรื่องของครอบครัวเธอและเรื่องของปู่เธอซึ่งเป็นผู้ช่วย FBI ส่วนพ่อแม่ของเธอนั้นไม่เคยเห็นหน้า จึงทำให้เธอตัดสิใจเรียนเรื่องพันธุวิศวกรรม บางทีอาจจะทำให้รู้ได้ว่าเธอมีที่มาอย่างไร เพราะปัจจุบันในวิทยาศาสตร์บางทฤษฎีเชื่อว่า ความทรงจำของคนเราถูกเก็บไว้ใน DNA
สเน็คฉวยโอกาสจังหวะที่ทหารยามเผลอแหกคุกออกมา และเดินทางไปฐานซ่อมบำรุงใต้ดินต่อ ระหว่างทางสเน็คพบกับวูลฟ์ซึ่งเธอดักซุ่มหน้าทางเข้า สเน็คจึงต้องสู้กับวูลฟ์อีกครั้ง เมื่อชนะแล้วเขาได้ลงไปยังฐานใต้ดิน ระหว่างทาง มาสเตอร์มิลเลอร์ ได้ติดต่อสเน็คมา โดยเล่าว่าเขาเองก็เคยเป็นหนึ่งใน FBI มาก่อนและได้ตรวจสอบเรื่องนี้หลังจากได้ยินที่นาโอมิคุยกับสเน็ค เขาบอกว่าเรื่องนาโอมิพูดเกี่ยวกับปู่ของเธอนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งหมด นาโอมิอาจจะเป็นสปายของศัตรูก็ได้ และเตือนสเน็คให้ระวังไว้ให้ดี
วูลฟ์สไนเปอร์สาวของหน่วย FOXHOUND
สเน็คเดินทางมาจนเกือบจะถึงห้องเก็บเมทัลเกียร์ แต่ก็ต้องพบกับวันคัลเรเว่น สมาชิกหน่วย FOXHOUND อีกคนหนึ่งเมื่อสเน็คเอาชนะเขาได้ ก่อนตายเขาได้ทิ้งคำใบ้ไว้ว่า ดาร์พาชีพที่ตายต่อหน้าต่อตาสเน็คนั้นคือ ดีคอยออคโตปัส หนึ่งในสมาชิกหน่วย FOXHOUND ซึ่งมีความสามารถด้านการปลอมตัว ส่วนดาร์พาชีพตัวจริงคือศพที่สเน็คเห็นในห้องขังนั้นเอง สเน็คเองสงสัยว่าออคโตปัสจะปลอมเป็นดาร์พาชีพทำไม แต่เรเว่นบอกว่าเขาบอกได้แค่นี้ ที่เหลือให้ลองคิดเอาเอง จากนั้นเรเว่นก็ตาย
มาสเตอร์มิลเลอร์ติดต่อมาอีกครั้งและขอคุยเรื่องเกี่ยวกับนาโอมิกับสเน็ค แต่ทว่าผู้พันแคมป์เบลแทรกสัญญาณเข้ามาและถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาสเตอร์มิลเลอร์ได้บอกว่าเรื่องนี้จะให้นาโอมิรู้ไม่ได้ ผู้พันแคมป์เบลจึงบอกว่า วางใจได้ตอนนี้นาโอมิเธอขอตัวไปพักผ่อน มาสเตอร์มิลเลอร์จึงเล่าเรื่องนาโอมิให้ฟังว่า นาโอมิคนนี้ไม่ใช่ตัวจริง เขาพบว่านาโอมิตัวจริงหายตัวไปในตะวันออกกลาง และนาโอมิที่อยู่ตอนนี้อาจเป็นสปายของศัตรูมาทำลายปฏิบัติการครั้งนี้ก็เป็นได้ จึงขอให้ผู้พันแคมป์เบลจับกุมเธอไว้ก่อน ผู้พันแคมป์เบลได้ยินเช่นนั้นก็ยังค่อนข้างที่จะลังเล และขอเวลาพิสูจน์สักระยะก่อน
สเน็คเดินทางมาถึงยังห้องเก็บเมทัลเกียร์ โอตาค่อนได้ติดต่อมาพอดี เขาบอกสเน็คว่ากำลังได้แฮ็คคอมพ์ของเบเกอร์ เพื่อหาข้อมูลของเมทัลเกียร์ และพบว่าเมทัลเกียร์นี้น่ากลัวกว่าที่คิด REX ถูกออกแบบให้ยิงหัวรบนิวเคลียร์บนเรลกัน (Rail Gun) ปืนแรงดันขับเคลื่อนด้วยคลื่นพลังแม่เหล็กไฟฟ้า มันคือขีปนาวุธล่องหน!! ซึ่งแต่เดิมแล้วรัฐบาลมีโครงการที่จะสร้างขีปนาวุธล่องหนมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 70 แต่ทว่า ในตอนนั้นมีเทคโนโลยีการตรวจจับขีปนาวุธใช้การตรวจจับความร้อนที่เกิดจากการเผาไหม้ของจรวดเวลายิงหัวรบนิวเคลียร์ โครงการนี้จึงไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับเรลกันแล้วนั้นแตกต่างออกไป เพราะเรลกันนั้นไม่มีการเผาไหม้ของจรวด เพราะใช้แรงดันแม่เหล็กไฟฟ้าสร้างพลังสนามแม่เหล็กมหาศาลผลักดันให้หัวรบนิวเคลียร์ยิงออกไป โดยไม่มีการเผาผลาญของเชื้อเพลิง มันคือหัวรบนิวเคลียร์ล่องหน ไม่อาจที่จะตรวจพบและยับยั้งมันได้ และตอนนี้โอตาค่อนกำลังค้นหาว่าแพลการ์ดที่เหลือนั้นอยู่ที่ไหน
สเน็คลอบเข้ามาจนถึงห้องควบคุมหลักและได้แอบฟังลิขวิดกับโอเซล็อตคุยกัน ซึ่งโอเซล็อตได้บอกว่าตอนนี้นิวเคลียร์พร้อมที่จะยิงได้ทุกเมื่อแล้ว แต่ทางวอชิงตันยังไม่ตอบอะไรกลับมา ลิขวิดจึงบอกแผนการว่าเขาจะยิงนิวเคลียร์ไปที่จีน จะทำให้โลกรู้ถึงการคงอยู่ของอาวุธใหม่และ สร้างความกดดันให้กับรัฐบาลอเมริกา ทำให้ต้องยอมทำตามข้อเรียกร้อง นั่นคือส่งร่างของบิ๊กบอสพร้อมกับเงินพันล้านดอลลาร์ รวมไปถึงวัคซีนของไวรัสฟ๊อกซ์ดาย (FoxDie)
ลิขวิดบอกว่า ด้วยหัวรบนิวเคลียร์จำนวนมากในฐานทัพแห่งนี้ พร้อมที่จะให้เมทัลเกียร์ยิงไปที่ใดก็ได้บนโลกทุกเมื่อ และถ้าข้อเรียกร้องสำเร็จ ก็จะได้ เงินพันล้านดอลลาร์ และ DNA บิ๊กบอสมาทำการจีโนมทหาร สร้างกองทัพที่แข็งแกร่ง และสามารถที่จะครอบครองโลกนี้ได้ ซึ่งถึงเวลานั้นสถานที่นี้จะเป็นเอาเตอร์เฮฟเว่น เช่นเดียวกับที่บิ๊กบอสสร้างขึ้นมา
โอตาค่อนได้ติดต่อสเน็คมา และบอกว่าเขารู้ความลับของแพลการ์ดแล้ว ซึ่งแพลการ์ดสามใบนั้นอยู่ในใบเดียวกัน โดยอุณหภูมิที่แตกต่างกันจะทำให้แถบแม่เหล็กของการ์ดเปลี่ยนไป โดยมีสามระดับคือ อุณหภูมิห้อง อุณหภูมิต่ำ และอุณหภูมิสูง ซึ่งเมื่อเปลี่ยนแถบแม่เหล็กให้ตรงแล้วสเน็คใช้นำการ์ดเหล่านั้นไปเสียบเข้าเครื่องยกเลิกสามเครื่อง โดยคอมพิวเตอร์ที่ยกเลิกนี้จะทำการงานได้สองแบบคือ ปลดล็อกหัวรบเมื่อถูกล็อกอยู่ หรือล็อกหัวรบเมื่อหัวรบอยู่ในสภาพพร้อมยิง สเน็คจึงนำแพลการ์ดมาเสียบในคอมพิวเตอร์ทีละเครื่อง
ระหว่างที่สเน็คนำการ์ดไปเปลี่ยนแถบแม่เหล็ก มาสเตอร์มิลเลอร์ติดต่อมาอีกครั้ง ซึ่งมาสเตอร์เล่าให้ฟังว่าเขามีเพื่อนที่อยู่ในเพนตากอน ซึ่งรู้เรื่องบางอย่างที่หน่วยข่าวกรองกองทัพสหรัฐฯ (DIA) ได้ทำการสร้างอาวุธสังหารชนิดใหม่ ซึ่งเป็นไวรัสสั่งฆ่าระบุตัวตน เรียกว่า FoxDie ซึ่งนาโอมิน่าจะมีเบื้องหลังบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะนาโนแมชชีนที่เธอฉีดให้สเน็คบางทีอาจจะเป็น FoxDie ซึ่งผู้พันแคมป์เบลได้ยินเช่นนั้นจึงได้จับกุมตัวเธอไว้สอบสวนก่อน
สเน็คนำแพลการ์ดที่เปลี่ยนแถบแม่เหล็ก ได้มุ่งหน้าไปเสียบที่คอมพิวเตอร์สั่งหยุด แต่ระหว่างทางนาโอมิได้แอบติดต่อมายังสเน็ค เธอเล่าให้ฟังว่าเธอที่เธอทำแบบนี้เพราะต้องการแก้แค้นสเน็ค เรื่องที่สเน็คฆ่าพี่ชายของเธอ พี่ชายเธอคือเกรย์ฟ๊อกซึ่งถูกสเน็คฆ่าที่แซนซิบาร์ เธอรอโอกาสมาสองปี แต่เธอรู้แล้วว่าที่ผ่านมาเธอเข้าใจผิด เพราะสเน็คไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร สเน็คจึงถามถึงเรื่องไวรัส FoxDie นาโอมิจึงอธิบายว่า FoxDie เป็นไวรัสที่สามารถระบุจำแนกเหยื่อได้โดย เมื่อเหยื่อติดไวรัสแล้ว ไวรัสจะเข้าสู่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายแล้วทำการแยกแยะ DNA ซึ่งถ้าเป็น DNA ของเหยื่อที่ระบุไว้ก็จะทำการเกาะติดและไหลไปตามกระแสเลือด เมื่อถึงหัวใจจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย และส่งผลให้เหยื่อตายในลักษณะที่คล้ายหัวใจวาย
นาโอมิเปิดเผยเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ จริงๆ แล้วเธอไม่ใช่คนที่ตัดสินใจใช้ FoxDie กับสเน็ค แต่เป็นแผนที่ถูกวางไว้ตั้งแต่แรกที่จะให้สเน็คติดไวรัส FoxDie แต่ไม่ทันที่นาโอมิจะเล่าจบว่าใครเป็นเบื้องหลัง ผู้พันแคมป์เบลได้เข้ามาห้ามไม่ให้นาโอมิติดต่อสเน็ค และบอกว่าสิ่งที่สเน็คต้องห่วงมากกว่าคือการภารกิจในตอนนี้
สเน็คนำการ์ดไปเสียบจนครบทุกเครื่อง ทันใดนั้นเองระบบกลับบอกว่า รหัสปลดล็อกหัวรบยืนยัน และพร้อมที่จะยิงทุกเมื่อ สเน็คตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มาสเตอร์มิลเลอร์ได้เปิดเผยตัวเองว่า แท้จริงแล้วเขาคือ ลิขวิด!! ซึ่งคอยหลอกพวกสเน็คมาโดยตลอด ผู้พันแคมป์เบลติดต่อมายังสเน็คและบอกว่า นั่นไม่ใช่มาสเตอร์มิลเลอร์ เพราะมาสเตอร์มิลเลอร์ถูกพบว่า ถูกฆ่าตายมาแล้วอย่างน้อยสามวัน
ลิขวิดเล่าให้ฟังว่า แมนทิสไม่สามารถเอารหัสปลดล็อกหัวรบจากดาร์พาชีฟได้ จึงให้โอเซล็อตทรมานเพื่อเค้นข้อมูลออกมา แต่โอเซล็อตพลั้งมือทรมานหนักไปจนดาร์พาชีพตาย เมื่อไม่มีรหัสทำให้ไม่สามารถที่จะปลดล็อกหัวรบนิวเคลียร์ได้ จึงวางแผนให้สเน็คตามหาแพลการ์ดมาปลดล็อกให้แทน ซึ่งลิขวิดได้ให้ออคโตปัสปลอมตัวเป็นดาร์พาชีฟเพื่อบอกให้สเน็คตามหาแพลการ์ดทำการปลดล็อก ส่วนลิขวิดก็ปลอมตัวเป็นมาสเตอร์มิลเลอร์เพื่อคอยหลอกให้หาแพลการ์ดตามแผนที่วางไว้ สเน็ครีบออกจากห้องควบคุมและไล่ตามลิขวิดที่กำลังจะขึ้นไปยังเมทัลเกียร์
ติดตามต่อได้ที่ >> เปิดโปงชีวิตลุงสเน็ค!! ตอนที่ 2 เรื่องราวของซีรีส์เกม Metal Gear Solid ก่อนจะเป็นภาค 4 <<
และที่ >> เปิดโปงชีวิตลุงสเน็ค!! ตอนจบ เรื่องราวของซีรีส์เกม Metal Gear Solid ก่อนจะเป็นภาค 4 <<