อย่างที่รู้กันดีว่าเสน่ห์อีกอย่างของเกม Raycity ที่จะปฏิเสธเสียมิได้คือเรื่องของ สกิล เพื่อเป็นการเสริมมนต์เสน่ห์ในการเล่นเกม Raycity ให้สนุกมากขึ้น ผมจะพาไปเจาะลึกเรื่องนี้ให้รู้ซึ้งอย่างท่องแท้กันไปเลย
ประเภทของสกิล
มีการแบ่งประเภทของสกิลออกเป็น 3 ประเภทคือ
1. สกิลการขับรถ
2. สกิลคนขับ
3. สกิลรถ
เราสามารถกดปุ่ม “K” เพื่อดูสกิลที่เรามีอยู่ได้ ที่นี้เราก็ไปดูรายละเอียดของสกิลทั้ง 3 ประเภทกันต่อได้เลย
สกิลการขับรถ
สกิลที่จะช่วยเสริมในเรื่องของทักษะการขับขี่ให้มีความมันส์มากขึ้น (เสริมลีลาท่าทางอะไรประมาณนั้น) จะได้มาตั้งแต่แรก 4 สกิล ส่วนอีก 6 สกิลที่เหลือจะต้องทำเควสต์เพื่อปลดล็อคมันซะก่อน โดยจะสามารถรับเควสต์ได้เมื่อมีเลเวลคนขับถึงกำหนด
สกิลที่ติดตัวตั้งแต่แรก Super Start
เร่งความเร็วอย่างรวดเร็วจากความเร็วไม่เกิน 70 กม./ชม. โดยกด
Trick : สกิลที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่พอเอาเข้าจริงกลับเป็นสกิลที่ถูกใช้งานซึ่งอาจะเรียกได้ว่าบ่อยที่สุด ไม่ว่าจะใช้เพื่อออกตัวธรรมดา ในกรณีที่มีรถขวางทางข้างหน้าก็สามารถใช้สกิลนี้บวกกับการกระโดดได้ หรือตอนที่แหกโค้งเป็นต้น ในส่วนของการแข่งมีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่ใช้เทคนิคเอาสีข้างรถกระแทกทางโค้ง เพื่อที่จะได้กดใช้สกิลนี้ออกตัวด้วยความรวดเร็ว (มักจะเจอบ่อยๆ กับช่วงโค้งหักศอก)
<pics01> ยกล้อไปเลย ฮี้ฮ้า~
Drift
เข้าโค้งอย่างรวดเร็ว โดยกด +
,
Trick : พูดกันตามตรงเลยว่า ถ้าเราวิ่งรับเควสต์เฉยๆ สกิลนี้แทบจะไม่ได้ใช้เลย (ก็ได้) เพราะการดริฟเข้าโค้งมันจะตีวงกว้าง เผลอๆ แจกพ๊อตแตกอาจจะไปชนกับรถ NPC ที่จอดติดตรงสี่แยกอีก แต่ถ้าเป็นในสนามแข่งคนที่กะระยะการดริฟเข้าโค้งได้แม่น คนๆ นั้นก็มักจะเป็นผู้ชนะเสมอ ผมไม่สามารถบอกได้ว่าดริฟยังไงให้เทพ เพราะมันต้องอาศัยจากการที่เราดริฟบ่อยๆ จนจับจังหวะได้นั่นเอง Super Stop
เบรคอย่างรวดเร็ว โดยกด
Trick : สุดยอดแห่งการเบรคเลยทีเดียวสำหรับสกิลนี้ เหมาะสำหรับใช้ตอนส่งเควสต์ มีข้อแนะนำอย่างเดียวคือยิ่งรถของเราวิ่งมาด้วยความเร็วมากเท่าไหร่ เราก็จะต้องกดเบรคก่อนที่จะถึงจุดจอดมากเท่านั้น
Jump
ใช้ความยืดหยุ่นของรถเพื่อกระโดด โดยกด
Trick : ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเอาไว้สำหรับกระโดดหลบอะไรซักอย่าง แต่จะกระโดดหลบอะไรดีละ? ถ้าไม่เน้นขำๆ ก็คงต้องบอกว่า ไม่เหมาะสำหรับเอาไว้กระโดดเก็บ Thrill เพราะเปลือง SP เปล่าๆ แนะนำว่าเอาไว้กระโดดช่วงคับขันก็พอ ในส่วนของการแข่งใช้ได้ดีในช่วงตรอกแคบๆ ให้บูสต์ก่อนแล้วค่อยกระโดดแซง เพราะในตรอกแคบๆ เราจะสามารถบล๊อคคันตามหลังได้ ในกรณีที่เขาจะบูสต์เพื่อแซงเรา แต่ถ้าเป็นทางโล่งๆ ลองกระโดดแซงสิ รับรองเจอคันหลังบูสต์แซงคืนแน่ๆ
สกิลที่ต้องทำเควสต์ Side Slide
สไลด์ไปทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว โดยกด ,
เลเวลคนขับ : เลเวล 7
NPC เริ่มเควสต์ : Dr. Kol Kol (เมืองโทกกดง)
รายละเอียด : ไปแถวสี่แยกอพาร์ทเม้นท์คยองบก ทำเควสต์ย่อยกับ NPC ช่างซ่อมบำรุงผู้ถอนหายใจ จนกว่าจะได้ ไอเทมเครื่องปรับปรุงแรงโน้มถ่วง 2 ชิ้น และ
ไอเทมเครื่องขับแนวขวาง 2 ชิ้น จากนั้นก็กลับมาส่งเควสต์กับ Dr. Kol Kol
Trick : ในตอนแรกดูเหมือนว่าจะเป็นสกิล ที่เอาไว้หลบหลีกรถที่อยู่ด้านหน้าได้ดี แต่เมื่อทดสอบใช้งานจริงๆ สกิลนี้จะไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่ ทั้งในการวิ่งรับ-ส่งเควสต์หรือในการแข่ง เพราะใช้การขับเฉียดๆ เพื่อเก็บ Thrill ไปเลยจะดีกว่าที่ต้องมาเสีย SP 7 หน่วยเพื่อใช้สกิล หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ไม่รู้จะเปลือง SP ทำไมในเมื่อ Thrill ไปเลยง่ายกว่าเยอะ (แถมได้ SP คืนมาอีกด้วย) แต่ถ้าคุณคิดว่าจะใช้สกิลนี้สไลด์เก็บ Thrill ก็ลองดูได้ครับ แล้วจะรู้ว่ามันยากมากที่จะทำแบบนั้น วิธีง่ายๆ ที่จะหาความสุขจากสกิลนี้แนะนำให้ลองกด +
,
แล้วรัศมีความเท่ห์จะมาเยือนคุณทันที
Air Drift
ดริฟท์กลางอากาศ โดยกด +
,
(ขณะอยู่กลางอากาศ)
เลเวลคนขับ : เลเวล 14
NPC เริ่มเควสต์ : Dr. Kol Kol (เมืองโทกกดง)
รายละเอียด : หลังรับเควสต์เสร็จ เข้าไปซื้อใบปิงโกเควสต์ ที่ชื่อว่า “เคล็ดลับใหม่ของ Dr. Kol Kol” ใน Shop (อยู่ในส่วนของใบปิงโกเควสต์) จากนั้นขับรถออกไปหา NPC สาวน้อยเงินเดือน ที่อยู่ตรงสี่แยกคโยโบแซงมยอนหรือสี่แยกสถานีคังนัม แก้เควสต์ย่อยของเธอจนกว่าจะได้
ไอเทมหนังสือรับรองของด๊อกเตอร์เฒ่า จากนั้นก็เปิดใบปิงโกเพื่อเล่นจนกว่าจะได้รับ
ไอเทมสถานที่ตั้งแห่งความลับ เมื่อได้แล้วก็กลับไปส่งเควสต์ที่ Dr. Kol Kol
Trick : เป็นสุดยอดสกิลที่ใช้ได้ยันแก่ ประโยชน์ที่แท้จริงของมันไม่ได้อยู่ที่ การทำคอมโบกระโดดแล้วกดแอร์ดริฟหรอกนะครับ วิธีนี้จะใช้เวลาที่ต้องเลี้ยวผ่านสี่แยกแล้วเจอสถานการณ์คับขับจริงๆ เท่านั้น ถึงจะกระโดดแล้วกดแอร์ดริฟ (หากเราบังคับเลี้ยวได้สวยก็ไม่จำเป็นต้องทำคอมโบนี้) แต่พิษสงของสกิลนี้จริงๆ แล้วจะอยู่ที่เวลาเราโดนชนหรือเสียหลัก ช่วงที่กำลังลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เราสามารถกดแอร์ดริฟเพื่อรักษาเส้นทางได้ ยิ่งตอนที่รถของเราแรงๆ การชนแต่ละครั้งด้วยความเร็วสูง ทำให้รถหลุดออกนอกเส้นทางได้ง่าย (แทบจะกระเด็นไปนอกโลกเลย) ถึงตอนนั้นคุณจะรู้ว่าการกดสกิลแอร์ดริฟช่วยได้เยอะจริงๆ
Jump Step 2
ใช้ความยืดหยุ่นของรถเพื่อกระโดด 2 ชั้น โดยกด 2 ครั้ง
เลเวลคนขับ : เลเวล 17
NPC เริ่มเควสต์ : Dr. Kol Kol (เมืองโทกกดง)
รายละเอียด : หลังรับเควสต์เสร็จ เข้าไปซื้อใบปิงโกเควสต์ ที่ชื่อว่า “สกิล Jump Step 2” ใน Shop (อยู่ในส่วนของใบปิงโกเควสต์) จากนั้นเราจะต้องไปรับเควสต์ย่อยกับ NPC คนไหนก็ได้ระหว่าง ทัลมิเนเตอร์ที่อยู่เหนือสี่แยกควานเซซอง, สาวน้อยน่าสงสัยที่อยู่ตรงตึกพันโพ 3, สาวน้อยสะกดจิตที่อยู่สามแยกฝั่งทิศใต้มหาวิทยาลัยยองดง จนกว่าจะได้รับ
ไอเทม..............จากนั้นเปิดใบปิงโกเพื่อเล่นจนกว่าจะได้รับ
ไอเทมสปริง Jump Step 2 เมื่อได้แล้วก็กลับไปส่งเควสต์ที่ Dr. Kol Kol
Trick : สกิลนี้ไม่มีเทคนิคการใช้อะไรมากครับ เหมาะสำหรับเวลาวิ่งส่งเควสต์ตามแผนที่ และมีรถผู้เล่นวิ่งสวนมา การกระโดด 2 ครั้งจะเป็นการช่วยไม่ให้รถทั้ง 2 คันชนกัน เพราะส่วนมากผู้เล่นชอบกระโดดกันแค่ครั้งเดียว เพื่อข้ามหัวรถของเราไป ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่าแค่เราบังคับรถเลี้ยวหลบก็พอ ไม่ค่อยคุ้มถ้าจะกระโดด 2 ครั้งเพื่อหลบ เนื่องจากจะเสีย SP ถึง 20 หน่วย ส่งผลทำให้ SP ที่จะใช้บูสต์น้อยลง (เสียเวลารอ SP อีก) และยิ่งเป็นการแข่งขันในสนามก็ยิ่งลืมการใช้สกิลนี้ไปได้เลย (ไม่คุ้มที่จะใช้อย่างแรง)
Side Slide Step 2
Side Slide สไลด์ไปทางซ้ายและขวาอย่างรวดเร็ว โดยกด ,
2 ครั้งติดต่อกัน
เลเวลคนขับ : เลเวล 19
NPC เริ่มเควสต์ : Dr. Kol Kol (เมืองโทกกดง)
รายละเอียด : ส่งมอบ ไอเทมไข่มุก 50 ชิ้น ก็เป็นอันเรียบร้อย (ได้จาก เควสต์ NPC เลเวล 1-16)
Trick : เป็นอีกหนึ่งสกิลที่ยังมองไม่เห็นถึงสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ นอกเสียจากจะเอาไว้เล่นสนุกๆ (ลองกด +
,
ดูอีกทีแล้วจะรู้ว่ามันส์กว่าเดิม) เกือบลืมบอกไปว่า ยิ่งเราขับรถเร็วมากเท่าไหร่ การสไลด์ก็จะไถลออกข้างๆ มากขึ้น เช่น อยู่นิ่งๆ กดใช้สกิล สไลด์ออกข้างเป็นระยะทาง 1 เมตร ขับมาด้วยความเร็ว 100 km/h กดใช้สกิล จะสไลด์ออกข้างเป็นระยะทาง 3 เมตร เป็นต้น
Drift Super Start
เร่งความเร็วหลังจากดริฟท์ โดยกดเดินหน้าติดกัน 2 ครั้ง (หลังจากดริฟท์เท่านั้น)
เลเวลคนขับ : เลเวล 20
NPC เริ่มเควสต์ : Gasseten (เมืองนัมซาน)
รายละเอียด : ส่งมอบ ไอเทมมรกต 20 ชิ้น หวานหมูจริงๆ (ได้จาก เควสต์ NPC เลเวล 1-16)
หมายเหตุ : ข้อมูลเควสต์มาจากเซิร์ฟเวอร์เทส อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในเซิร์ฟเวอร์จริง
Tricak : นี้คือสกิลที่เข้ามาเสริมในส่วนของเทคนิคการขับขี่อย่างแท้จริง ยิ่งคนไหนที่เคยเล่น Need For Speed แบบผมก็จะรู้ว่า จุดที่จะชิงความได้เปรียบให้กับตัวเอง จะอยู่ที่ช่วงการเข้าโค้ง ซึ่งถ้าเราบูสต์ชก่อนที่จะพ้นทางโค้งมันจะเป็นอะไรที่โกงพอสมควรเลยทีเดียว ในส่วนของเกม Raycity ก็จะมีการกด Ctrl เพื่อบูสต์อยู่แล้ว แต่ความเร็วจากการกดบูสต์นั้นไม่ค่อยสร้างความได้เปรียบเท่าไหร่ (บูสต์ช้าแถมกิน SP เยอะยิ่งถ้าเราไม่ได้เรียนสกิล Bless – BoostOverDrive ยิ่งแย่) แต่ข้อดีของสกิลนี้ก็คือ ไม่สนความเร็วก่อนการกด นั้นเท่ากับว่าช่วงที่เราดริฟเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ถ้าเรากดสกิล Drift Super Start จะทำให้รถของเรารีดความเร็วสูงสุดอีกครั้งด้วยระยะเวลาแค่พริบตาเดียวเท่านั้น แถมยังใช้ SP แค่ 10 หน่วย ในขณะที่การบูสต์จะเสีย SP 30 หน่วยแถม SP ต้องไม่ต่ำกว่า 50 หน่วยก่อนกดบูสต์อีก
Jump Step 3
ใช้ความยืดหยุ่นของรถเพื่อกระโดด 3 ชั้น โดยกด Space Bar 3 ครั้ง
เลเวลคนขับ : เลเวล 25
NPC เริ่มเควสต์ : Gasseten (เมืองนัมซาน)
รายละเอียด : หลังรับเควสต์เสร็จ เข้าไปซื้อใบปิงโกเควสต์ ที่ชื่อว่า “เควสสกิล Jump Step 3” ใน Shop (อยู่ในส่วนของใบปิงโกเควสต์) จากนั้นเราจะต้องไปรับเควสต์ย่อยกับ NPC คนไหนก็ได้เพื่อหา
ไอเทมแปลนทำสปริง Jump Step 3 และ
ไอเทมสปริงธรรมดา
Trick : สำหรับสกิลกระโดด 3 ชั้นก็คงไม่มีเทคนิคอะไรเป็นพิเศษ ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นสกิลที่เอาไว้เล่นเพลินๆ มากกว่า เพราะผลของสกิลนี้เมื่อกดติดๆ กัน มันจะทำความสูงที่สูงมากเสียจนข้ามทางด่วนเลยได้สบายๆ เลย
สกิลคนขับ
สกิลคนขับเป็นสกิลประเภทติดตัว เรียนทีเดียวจบ ติดตัวไปตลอดชีวิต ซึ่งมันจะไปเพิ่มความสามารถพื้นฐานให้กับคนขับ เริ่มเรียนได้ตอนเลเวล 15 แต่ก่อนหน้านั้นเราต้องทำเควสต์สั้นๆ ตัวเควสต์ก็ไม่มีอะไรมาก แค่คุยกับ Dr. Kol Kol ประมาณ 2-3 รอบก็จบเควสต์แล้ว
สกิลคนขับมีเงื่อนไขที่ต้องการอยู่ 2 อย่างคือ 1.เลเวลคนขับต้องถึงระดับที่กำหนดถึงจะสามารถเรียนได้ 2. ต้องมีเงินพอที่จะเสียสำหรับค่าเรียนสกิล ซึ่งการเรียนสกิลเราจะต้องเรียนไปทีละขั้น จะไม่สามารถเรียนข้ามขั้นได้ ส่วนรายละเอียดของสกิลคนขับทั้งหมดก็จะมีดังนี้
Torque (เลเวล1) เรียนได้ตอนเลเวล :12 ค่าเรียน : 1,440 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +5
Torque (เลเวล2) เรียนได้ตอนเลเวล :14 ค่าเรียน : 1,960 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +5
Torque (เลเวล3) เรียนได้ตอนเลเวล :16 ค่าเรียน : 2,560 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +5
Torque (เลเวล4) เรียนได้ตอนเลเวล :18 ค่าเรียน : 3,240 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +5
Torque (เลเวล5) เรียนได้ตอนเลเวล :20 ค่าเรียน : 40,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +10
Torque (เลเวล6) เรียนได้ตอนเลเวล :22 ค่าเรียน : 48,400 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +10
Torque (เลเวล7) เรียนได้ตอนเลเวล :24 ค่าเรียน : 56,700 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +10
Torque (เลเวล8) เรียนได้ตอนเลเวล :26 ค่าเรียน : 67,600 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +10
Torque (เลเวล9) เรียนได้ตอนเลเวล :28 ค่าเรียน : 78,400 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +10
Torque (เลเวล10) เรียนได้ตอนเลเวล :30 ค่าเรียน : 900,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +15
Torque (เลเวล11) เรียนได้ตอนเลเวล :32 ค่าเรียน : 1,024,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +15
Torque (เลเวล12) เรียนได้ตอนเลเวล :34 ค่าเรียน : 1,156,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +15
Torque (เลเวล13) เรียนได้ตอนเลเวล :36 ค่าเรียน : 1,296,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +15
Torque (เลเวล14) เรียนได้ตอนเลเวล :38 ค่าเรียน : 1,444,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +15
Torque (เลเวล15) เรียนได้ตอนเลเวล :40 ค่าเรียน : 16,000,000 ผลของสกิล : อัตราเร่ง +20
RedRPM (เลเวล1) เรียนได้ตอนเลเวล : 25 ค่าเรียน : 62,500 ผลของสกิล : ความเร็วรอบสูงสุดของรถที่ทำได้ (ขณะวิ่งธรรมดา) +10
RedRPM (เลเวล2) เรียนได้ตอนเลเวล : 30 ค่าเรียน : 900,000 ผลของสกิล : ความเร็วรอบสูงสุดของรถที่ทำได้ (ขณะวิ่งธรรมดา) +20
RedRPM (เลเวล3) เรียนได้ตอนเลเวล : 35 ค่าเรียน : 1,225,000 ผลของสกิล : ความเร็วรอบสูงสุดของรถที่ทำได้ (ขณะวิ่งธรรมดา) +30
RedRPM (เลเวล4) เรียนได้ตอนเลเวล : 40 ค่าเรียน : 16,000,000 ผลของสกิล : ความเร็วรอบสูงสุดของรถที่ทำได้ (ขณะวิ่งธรรมดา) +40
MaxSP (เลเวล1) เรียนได้ตอนเลเวล : 30 ค่าเรียน : 900,000 ผลของสกิล : เพิ่มค่า SP สูงสุด +5
MaxSP (เลเวล2) เรียนได้ตอนเลเวล : 40 ค่าเรียน : 16,000,000 ผลของสกิล : เพิ่มค่า SP สูงสุด +10
Clear Mind (เลเวล1) เรียนได้ตอนเลเวล : 40 ค่าเรียน : 16,000,000 ผลของสกิล : เพิ่มอัตราการฟื้น SP +5%
จับสกิลมาเทส
แน่นอนว่าถ้าไม่ลองเอาสกิลเหล่านี้มาเทสให้เห็นภาพกันไปเลยว่าค่าเรียนต่างๆ ที่เราจะต้องเสียไปนั้น มันจะคุ้มค่าเงินที่ต้องลงทุนหรือเปล่า
สำหรับการทดสอบ ผมจะใช้รถ Mato (แรกเกิด) มาเทียบกับรถสุดแรง Gabriel โดยที่จะไม่มีการใส่อุปกรณ์หรือบัพสกิลใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อที่จะได้เสมอภาคกัน ทั้งนี้ก็เพื่อทดสอบดูว่า สกิลนี้จะมีผลกับรถที่มีความต่างทางด้านเลเวลรถมากขนาดไหน (รถแต่ละคันจะมีพื้นฐานความแรงไม่เหมือนกัน)
หมายเหตุ : ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บ จะแสดงถึงผลต่างของระยะเวลาที่ใช้หรือความเร็วรถสูงสุดเมื่อเรียนสกิลแล้ว เทียบกับรถที่ยังไม่ได้เรียนสกิลใดๆ (ช่องแรก)
ถ้าดูตารางอาจจะงงกันเล็กน้อยว่าทำไม Torque ถึงเพิ่มความเร็วสูงสุดด้วย ถ้าตามที่ผมคิดก็อาจจะเป็นเพราะว่า เนื่องจากอัตราเร่งเพิ่มถึงขีดสุดทำให้สามารถรีดความเร็วรอบสูงสุดของรถได้ ซึ่งก็ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วรถของเราเร่งได้เท่าไหร่กันแน่ ดังนั้นสิ่งที่เห็นมันจึงไม่ใช่ความเร็วความเร็วสูงสุดที่เพิ่ม แต่มันคือความเร็วรอบของรถที่แท้จริงต่างหาก
มีข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างตอนที่เทสก็คือ ความเร็วรอบสูงสุดจะถูกรีดจนเกิดความสม่ำเสมอยิ่งเลเวลสกิลสูงก็ยิ่งนิ่ง ถ้าดูตรงตารางในส่วนของรถ Gabriel ที่สกิลเลเวล 6 กับเลเวล 15 ความเร็วสูงสุดที่ถูกรีดจะเท่ากันคือ 153 km/h แต่สิ่งที่แตกต่างคือการรักษาความเร็ว 153 km/h ให้คงที่ สกิลเลเวล 15 จะทำได้นานกว่าสกิลเลเวล 6 เป็นอย่างมาก (หลายวินาที) แนะนำเลยครับถ้าเลเวลถึงกำหนดและ มีเงินพอใช้ ก็เรียนมันเข้าไปครับ เพราะสกิลนี้เด็ดจริงๆ (แรงบิดดี รถก็จัดจ้าน)
ตอนแรกๆ จะยังมองค่อยเห็นความแตกต่าง แต่เมื่อค่า RedRPM ขึ้นถึงหลักร้อย ก็จะรู้ถึงความเรงสูงสุดที่เพิ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน ถ้าดูจากความสามารถโดยรวมของสกิล ก็อาจจะเก็บเอาไว้เป็นทางเลือกที่สองต่อจากการเรียนสกิล Torque ได้ครับ
ยังไม่ได้เรียนสกิล
สกิลเลเวล 1
สกิลเลเวล 2
สกิลนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ ก็อย่างที่เห็นในภาพเลย เรียนแล้วก็เพิ่มขนาดหลอด SP ให้ยาวขึ้นนิดหน่อย ควรที่จะเลือกเรียนเป็นอันดับท้ายๆ และก่อนที่จะเรียนสกิลนี้ ควรเรียนสกิล Clear Mind มาก่อนนะครับ จะได้คุ้มตังที่เรียนไปหน่อย
เป็นสกิลที่มีผลแค่เสี้ยววิจริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ ว่าจะตัดสินใจเรียนหรือเปล่า (ดูเงินในกระเป๋าด้วยนะ) เพราะสกิลนี้จะแสดงความชัดเจนในระยะยาวมากๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็เป็นแค่เสี้ยวเศษหนึ่งที่จะช่วยให้เราเก่งขึ้นเท่านั้น
สกิลรถ
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสกิลนี้ไม่ใช่จะติดอยู่ที่รถคันใดคันหนึ่งถาวรนะครับ แต่ถ้าเรียนไปแล้วไม่ว่าเราจะใช้รถคันไหน มันก็ใช้ได้เหมือนกัน (รู้สึกเหมือนจะติดตัวคันขับมากกว่านะ - -a) สำหรับการเรียนสกิลนั้นจะใช้ค่า ในการเรียน (แต่การเรียนสกิลแรกฟรี ยังไม่เสีย Point) ส่วนการอัพค่าความสามารถให้กับสกิลจะใช้ค่า
การอัพค่าสมารถนั้นจะเลือกอัพได้ 5 อย่างคือ
- SP ที่ใช้ (ลด SP ที่ใช้ต่อครั้งลง)
- คูลไทม์ (ลดระยะเวลาในการรอเพื่อกดใช้สกิลลง)
- ระยะเวลา (ทำให้สกิลอยู่ได้นานขึ้น)
- ระยะทำการ (เพิ่มรัศมีในการกดใช้สกิลให้กับปาร์ตี้)
- ผลที่ได้ (เพิ่มระดับความสามารถของสกิล)
ค่า จะได้มา 1 Point เมื่อรถของเรามีเลเวล 150 ส่วนค่า
จะได้มา 1 Point เมื่อรถของเรามีเลเวล 10 ส่วนจำนวน
ที่ใช้ในการอัพค่าความสามารถ (ทั้ง 5 อย่าง) ในแต่ละเลเวลจะใช้จำนวนดังนี้
หากจะลองคิดกันเล่นๆ กว่าที่จะเราจะอัพค่าความสามารถอย่างใดอย่างหนึ่งจาก 5 อย่างของสกิล ให้เต็มเลเวล 10 เราจะต้องมี ทั้งหมด 511 Point พูดง่ายๆ ก็คือต้องรถเลเวล 150 ทั้งหมด 34 คัน!! (รถ 150 1 คัน = 15 Point) โอยย~ จะเป็นลม
จับสกิลมาเทส
ดังนั้นผมจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องยากที่เราจะอัพให้ได้ถึงขนาดนั้น เอาแค่เรียนติดตัวไว้ซักสกิล สองสกิล แล้วอัพเพิ่มความสามารถแค่เลเวล 5 ก็เหงื่อท่วมแล้ว ดังนั้นผมจึงมีตารางทดสอบสกิลรถที่มีทั้งหมด ทำการทดสอบโดยใช้รถ Gabriel เดิมๆ (ไม่ใส่อุปกรณ์อะไรทั้งสิ้น)
สาเหตุที่ใช้รถคันนี้ก็เพราะว่าเป็นรถที่แรงที่สุดในเซิร์ฟเวอร์ทดสอบ จึงพอน่าจะตอบโจทย์ที่ว่า “เมื่อเราใช้สกิลกับรถที่สุดยอดจริงๆ ผลที่ได้จะเป็นยังไง?”
ผลการทดสอบและการสรุป
เพื่อให้เห็นภาพว่าตกลงสกิลไหนเทพสุด ผมก็จะนำทุกสกิลไปเทสต่อที่สนามแข่ง โดยที่จะทำทุกอย่างเหมือนกันทั้งการออกตัวด้วยกดเดินหน้า 2 ครั้ง, กดใช้บูสต์ทุกครั้งเมื่อ SP ครบ 50 หน่วย, การเข้าโค้ง และทุกสกิลจะถูกอัพเพิ่มความสามารถ “ผลที่ได้” จนเต็มเลเวล 10 เช่นกัน
ดูตรงนี้ก็อาจจะตาลาย แต่ที่ลงก็เพราะเผื่อว่าบางคนอยากรู้ว่าเวลาในการเข้าจุดเช็คพอยท์ของแต่ละสกิลมันเป็นอย่างไรกันบ้าง ที่นี้เราก็ไปดูกันเลยว่าตกลงสกิลไหนเทพสุด (ซะที)
ถ้าดูจากตางรางก็คงจะรู้แล้วนะครับว่าสกิลที่เทพสุดก็คือ สกิล Bless – BootsOverDrive เหตุผลที่มันแรงที่สุดอาจจะเป็นเพราะว่า สนามที่ผมนำมาทดสอบจะมีทางตรงค่อนข้างเยอะ ซึ่งสนามแข่งเกือบทั้งหมดจะมีทางตรงเยอะกว่าทางโค้งแบบนี้เหมือนกัน และแน่นอนว่า สกิล Bless – BootsOverDrive เป็นราชาทางตรงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่สกิลนี้จะคว้าอันดับหนึ่งจากการทดสอบไปครอง
แต่ถ้าหากสังเกตุดีๆ จะเห็นได้ว่าสกิลที่เกี่ยวข้องกับการบูสต์ทั้งหมด จะทำเวลาได้ดีกว่าสกิลที่สนับสนุนการวิ่งธรรมดานั่นก็เพราะว่า เวลาที่แข่ง เราจะต้องกดบูสต์อยู่เกือบตลอดดังนั้นสกิลที่เกี่ยวข้องกับการบูสต์จึงดูเห็นผลชัดเจนกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เพื่อนๆ ตามหลังผู้นำ ยิ่งเราตามหลังมากขนาดไหน เราก็จะได้ SP มากขึ้นเท่านั้น เช่น ตามหลังผู้นำ 08.62 วินาที SP ที่เราจะได้คืนก็คือ 86 หน่วย
สุดท้ายแล้วสกิลก็เป็นแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเก่งขึ้น อย่าลืมว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น รถยนต์ที่ขับ, อุปกรณ์ที่สวมใส่, ออพชั่นของอุกรณ์ต่างๆ แต่ก็จะปฏิเสธไม่ได้ว่าสกิลก็เข้ามามีบทบาทมากพอสมควรเหมือนกัน