Avengers: Endgame แม้จะไม่ใช่ภาพยนตร์ปิดเฟส 3 ของ Marvel เพราะยังมี Spider-Man: Far From Home อีกเรื่อง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็คือจุดหมายของการเดินทาง 10 ปี พร้อมภาพยนตร์ 20 กว่าเรื่อง ซึ่งนำเสนอและเล่าเรื่องราวต่างๆ นานา แตกแขนงออกไปหลายเส้นทาง ก่อนตีโค้งกลับมาเพื่อบรรจบทุกอย่างลงในหนังเรื่องนี้ แม้จะไม่ใช่งานที่สมบูรณ์แบบ แต่นี่คือจุดหมายที่งดงามหาใดเปรียบจริงๆ
ส่วนตัวแล้วมีความชอบการนำเสนอในองค์แรกของเรื่องมากๆ การนำเสนอความสิ้นหวังและกระทบกระเทือนจิตใจที่สามารถเปลี่ยนวีรบุรุษผู้กรำศึกมานักต่อนักให้กลายเป็นคนเดินหน้าต่อไม่ได้ จมอยู่กลับความเศร้า หรือกลายเป็นขี้แพ้ไม่เอาอ่าวได้อย่างไม่ยากไม่เย็น มันทั้งเงียบ ทั้งเหงา มีแต่ความอาดูรย์ในทุกๆ พิกเซลของภาพบนจอ เรารู้สึกว่าได้เห็นภาพของฮีโร่อมทุกข์ที่พยายามแต่ก็เดินหน้าต่อไม่ได้เสียที ตรงนี้คิดว่าทำได้ดีมากๆ
และไอเดียหลังจากนั้นในการเคลียร์เควสต์ธานอสของเหล่าผู้ที่เหลือรอดก็ไม่เลวทีเดียว แต่กลางๆ เรื่องแอบเดินเรื่องอืดไปหน่อย และน่าจะไปได้สุดกว่านี้ ถึงอย่างนั้นฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่องนี่คือที่สุดของที่สุดจริงๆ มันคือการอัดฉีดวัตถุดิบทุกอย่างที่สั่งสมมากกว่า 10 ปีจากหนัง 20 กว่าเรื่องเข้าไปในฉากๆ เดียว โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหลังจากนี้ จัดเต็มไม่มีกั๊กระดับที่ถ้าคุณเป็นติ่ง Marvel เต็มขั้นอาจหวีดร้องจนสลบคาเก้าอี้เลยก็เป็นได้
Avengers: Endgame เป็นหนังที่มีทุกอารมณ์ ซึม เศร้า เหงา มันส์ ฮึกเหิม ติ่งแตก ใจสลาย เพียงแต่มันเป็นหนังที่ไม่อาจเป็นแสตนด์อโลนได้ มันรีเควสต์ประสบการณ์ร่วมเกี่ยวกับ MCU อย่างหนักมากๆ หากคุณต้องการเก็ตทุกมุขที่ถูกสื่อออกมา คำถามที่ว่าต้องดูหนังเรื่องใดบ้างจะตกไป เพราะคุณต้องดูทุกเรื่องเพื่อจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันเต็มที่กับหนังเรื่องนี้ และบอกเลยว่ามันคุ้มค่าอย่างแน่นอน
9/10
