Tom Clancy’s EndWar ว.1 เรียก ว.2… ศัตรูกำลังไปทางคุณ ทราบแล้วเผ่น!?

ประเภท: REAL-TIME STRATEGY
ผู้พัฒนา: UBISOFT (SHANGHAI)
ผู้ผลิต: UBISOFT
ผู้จัดจำหน่าย: NEW ERA

เครื่องที่ต้องการ: 1.8GHz Core 2 Duo, 1GB RAM (2GB Vista), 256MB GeForce 7600/Radeon X1600 videocard เครื่องที่แนะนำ: 2.4GHz Core 2 Duo, 2GB RAM, 512MB GeForce 8800GT/Radeon 4850, หูฟังแบบมีไมโครโฟน

จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 4 ESRB RATING: T

     ผมติดตามข่าวสารของ EndWar มาตั้งแต่ตอนที่เวอร์ชั่นคอนโซลออกวางตลาดเพราะโดยส่วนตัวแล้วมีความสนใจเทคโนโลยี Voice Command ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ผมคิดว่าทางผู้พัฒนาเกมอย่าง Ubisoft จะดึงมาใช้เพื่อแก้ไขข้อเสียเปรียบของการเล่นเกม RTS บนเครื่องคอนโซล… EndWar เวอร์ชั่นคอนโซลวางจำหน่ายพร้อมไมค์แบบบลูทูธ เรียกได้ว่าเป็นการ “บังคับ” ให้คนเล่นใช้ระบบ Voice Command แต่ท้ายสุดแล้วรีวิวของ EndWar เวอร์ชั่นคอนโซลกลับออกมาไม่ค่อยดีนักเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวไมค์ที่แถมมาและข้อด้อยนานัปการของคอนโซล

เฮลิคอปเตอร์เป็นยูนิตที่อ่อนแอมาก ควรออกคำสั่งด้วยเมาส์มากกว่าเสียง

นั่นยิ่งทำให้ผมรอคอยการมาของ EndWar เวอร์ชั่นพีซี และเมื่อได้ลองเล่นจริงๆ แล้วก็พบว่าระบบ Voice Command ของ EndWar เมื่อนำมาใช้ร่วมกับหูฟังแบบมีไมโครโฟน (ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่พีซีเกมเมอร์ใช้อยู่แล้ว) สามารถใช้งานออกคำสั่งยูนิตต่างๆ ได้จริง… ข้อด้อยของระบบนี้คงมีอยู่สองอย่างในมุมมองของผม อันดับแรก… คุณต้องออกคำสั่งโดยใช้ภาษาอังกฤษ ข้อสอง… การออกคำสั่งเป็นไปอย่างเชื่องช้า คุณต้องออกคำสั่งช้าๆ ชัดๆ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ตัวอย่างเช่น Unit… One… Attack… Hostile… Two… (หมายถึง หน่วย… หนึ่ง… โจมตี… ข้าศึก…สอง…) ในตอนแรกๆ การออกคำสั่งด้วยระบบ Voice Command นั้นอาจจะดูยุ่งยาก แต่พอเวลาผ่านไปสักระยะ และตัวคุณเริ่มคุ้นเคยแล้วจะพบว่ามันเป็นระบบออกคำสั่งที่ใช้งานได้จริง และค่อนข้างมีประสิทธิภาพเสียด้วย (ถึงแม้ว่าทหารภายใต้บังคับบัญชาของผมอาจจะยังไม่เข้าใจคำสั่งผม 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม) ข้อดีที่หลายๆ คนอาจจะคาดไม่ถึงว่าจะได้จากระบบ Voice Command ก็คือ… ความรู้สึกพึงพอใจที่ได้จากการ “ออกเสียง” สั่งผู้ใต้บังคับบัญชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำสั่งนั้นนำสู่การทำลายล้างยูนิตศัตรู แต่ข้อด้อยที่เกิดขึ้นจากระบบ Voice Command ก็คือ… คุณไม่สามารถเล่นเกมนี้ในที่สาธารณะได้ (แม้จะเล่นโดยไม่ใช้ Voice Command ได้แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณจะเล่นเกมโดยที่ไม่เล่นฟีเจอร์ที่เด่นที่สุดของมัน)

ยูนิตใน EndWar ดูดีในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับดีเลิศ

สิ่งที่ผู้พัฒนาทำเพื่อรองรับระบบ Voice Command คือการลดความเร็วในการเล่นลง (เพื่อให้คุณสามารถใช้เสียงออกคำสั่งได้ทัน) ถ้าเทียบกันแล้ว การออกคำสั่งด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดอาจจะเร็วกว่าการออกคำสั่งด้วยระบบ Voice Command สักสิบเท่า และมีความแม่นยำและเชื่อใจได้มากกว่า การลดความเร็วลงทำให้ยูนิตคุณมีโอกาสรอดจากสนามรบมากขึ้น แต่ก็ลดความมันส์ของเกมลงไปด้วย
ความเปลี่ยนแปลงอีกอย่างที่ EndWar ไม่มีเมื่อเทียบกับเกม RTS ทั่วไปก็คือ… ระบบการสร้างฐาน แต่นั่นไม่ใช่อะไรแปลกใหม่เพราะเกม RTS รุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ละทิ้ง “การสร้างฐาน” เพื่อสร้างสมรภูมิที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพียงแต่ EndWar ทำเช่นนั้นเพื่อเน้นให้คุณได้ใช้ระบบ Voice Command ออกคำสั่งทหารของคุณมากขึ้น

รถถังยังคงเป็นกำลังหลักของกองกำลังในยุคสงครามโลกครั้งที่สาม

เมื่อไม่มีฐานก็ไม่มียูนิตให้คุณสร้าง ก่อนเริ่มภารกิจใน EndWar คุณต้องจัดทัพก่อนเข้าทำศึกในแผนที่แบบ Global ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าจะเข้ารบที่ไหนก็ได้บนโลก แต่จริงๆ แล้วเกมจะจำกัดสถานที่ที่คุณจะไปได้ไว้เพียงแห่งสองแห่งเท่านั้น (คล้ายๆ กับ DoW) พอสงครามเริ่มขึ้นคุณจะสามารถเรียก “กำลังเสริม” มาเพิ่มได้ (คล้ายๆ กับ World in Conflict)

แม้ไม่มีระบบสร้างฐานแต่ EndWar ยังมีระบบ “ทรัพยากร” อยู่ในระดับหนึ่ง ในแผนที่ของ EndWar จะมีจุดที่เรียกว่า Uplink Center เอาไว้ให้คุณเข้ายึดครอง ยิ่งยึดครองได้เท่าไหร่คุณก็จะยิ่งเรียกกำลังเสริมมาได้เร็วขึ้นเท่านั้น (จุด Uplink บางจุดทำให้คุณสามารถใช้คำสั่งพิเศษ เช่น เรียกฝูงบินทิ้งระเบิด เรียกการโจมตีด้วย EMP)

แผนที่แบบ Global ให้คุณ “เหมือนจะ” ได้วางแผนแบบ Turn-Based

อย่างที่ได้เรียนให้ทราบในตอนต้นว่า EndWar มีเวอร์ชั่นคอนโซลออกมาก่อน และเป็นที่น่าเสียดายที่ข้อจำกัดของคอนโซล (ที่ไม่ใช่ข้อจำกัดของพีซี) นั้นตามมาปรากฏให้เห็นใน EndWar เวอร์ชั่นพีซีด้วย อันดับแรกเลยก็คือเรื่องของมุมกล้อง ก็เข้าใจว่าเวลาเล่นคอนโซลการปรับมุมกล้องพร้อมๆ กับลากเคอร์เซอร์นั้นทำได้ลำบาก แต่เวอร์ชั่นพีซีเรามีเมาส์และคีย์บอร์ดที่สามารถทำทั้งสองอย่างให้มีประสิทธิภาพพร้อมๆ กันได้ นอกจากนั้นการควบคุมด้วยเมาส์ยังรู้สึกว่าช้าๆ กระอักกระอ่วน (เหมือนเวลาเล่นด้วยจอยแพดบนคอนโซล)

ข้อด้อยสุดท้ายที่เกิดจากความเป็นเกมคอนโซลคือระบบกราฟิก ไม่ว่าจะเป็นยูนิตหรือสภาพแวดล้อมของ EndWar นั้นเทียบไม่ได้กับเกม RTS ยุคเดียวกัน (ไม่ว่าจะเป็นเกมเกรด A อย่าง DoW หรือเกมเกรด B อย่าง Men of War) แม้ว่าฮาร์ดแวร์ของคอนโซลจะมีข้อจำกัด แต่ EndWar มีการประกาศออกมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจะมีทั้งเวอร์ชั่นคอนโซลและพีซี ทีมพัฒนาก็น่าจะมีการเตรียมภาพที่มีความละเอียดกว่านี้ไว้สำหรับเวอร์ชั่นพีซีให้เห็นความแตกต่างสักหน่อย

มีการเชื่อมโยงเนื้อเรื่องกับเกมต่างๆ ของ Tom Clancy

แคมเปญก็ไม่ใช่จุดเด่นของ EndWar ภารกิจที่คุณจะได้รับนั้นค่อนข้างซ้ำซาก อาทิ ยึดจุด Uplink Center ให้ได้มากกว่าข้าศึก หรือทำลายข้าศึกในแผนที่ให้หมด (ซึ่งการทำลายข้าศึกในแผนที่ให้หมดคุณก็จำเป็นต้องมีกำลังที่เหนือกว่าข้าศึก หมายความว่าคุณต้องยึด Uplink Center ให้ได้มากกว่าข้าศึกนั่นเอง)

ส่วนระบบอินเตอร์เฟซ แม้โดยรวมจะทำได้ดี หน้าจอไม่รกจนเกินไป สามารถกด Spacebar เรียกเมนูลำดับคำสั่ง Voice Command ว่าเราสามารถออกคำสั่งใดได้บ้างต่อจากคำสั่งนี้… แต่อินเตอร์เฟซของ EndWar ยังขาดการนำเสนอข้อมูลเท่าที่ควร คุณจำเป็นต้องลากเคอร์เซอร์ไปไว้บนยูนิตถึงจะรู้ว่ายูนิตนั้นมีสถานะเป็นอย่างไร (เมื่อผนวกกับมุมกล้องและการควบคุมเมาส์ที่ไม่ค่อยดีนักแล้วก็ทำให้ลำบากกว่าที่คิด)

ระบบ Voice Command ก่อให้เกิดข้อด้อยอีกอย่าง… การสั่งการที่ช้ากว่าปกติทำให้ยูนิตในเกมไม่ค่อยมีความสามารถพิเศษให้ใช้ (เหมือนใน DoW II) เมื่อนำมาบวกกับฝ่ายต่างๆ ในเกม (เนื้อเรื่องของ EndWar เป็นเรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่สาม โดยฝ่ายต่างๆ ในเกมแบ่งออกเป็นสามฝ่าย ได้แก่ Joint Strike Force ของอเมริกา, Federation Enforcer Corp ของยุโรป และ Spetsnaz Guard Brigade ของรัสเซีย) ที่ไม่ค่อยจะมีความแตกต่างกันเท่าไหร่ ทำให้โหมดมัลติเพลเยอร์ใน EndWar ไม่ค่อยมีความโดดเด่น อย่างที่เรารู้ๆ กันว่า ความเร็วในการออกคำสั่งคือความแตกต่างระหว่างความพ่ายแพ้และชัยชนะในเกมมัลติเพลเยอร์ ดังนั้นเวลาผมเล่น EndWar ในโหมดมัลติเพลเยอร์ ผมจึงเปลี่ยนมาใช้ระบบการออกคำสั่งด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดโดยแทบจะไม่ได้ใช้ระบบ Voice Command เลย ผมแนะนำว่าถ้าคุณจะเล่น EndWar ในโหมดมัลติเพลเยอร์ให้คุณหาเพื่อนสักคนมาเล่นแบบ Co-Op แล้วสู้กับคอมพ์แบบ 2v2

ถ้าคุณอ่านรีวิวของผมตั้งแต่ต้นจนจบจะรู้สึกว่า EndWar ไม่มีข้อดีเอาเสียเลย… แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมเอาความเป็น RTS ของ EndWar ไปเทียบกับเกม RTS อย่าง World in Conflict และ DoW II ซึ่งแม้จะไม่เทียบเท่า แต่ EndWar ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเกมเหล่านี้มากมาย ผมเข้าใจและชื่นชมทีมงานพัฒนาที่ยอมสูญเสียฟีเจอร์สำคัญบางอย่างเพื่อให้สามารถนำเสนอนวัตกรรมใหม่อย่าง Voice Command ได้อย่างลงตัว และนั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ผมอยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ลองเล่น EndWar

75%

ข้อดี: ระบบ Voice Command ซึ่งทำงานได้จริง, ความเร็วของเกมที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการเล่นด้วยเสียง (ไม่เร็วเกินไป), แผนที่หลากหลาย
ข้อด้อย: ออกแบบมาเพื่อเล่นกับคอนโซลทำให้การเล่นด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดด้อยกว่าเกม RTS ทั่วไป, ขาดความลุ่มลึกแบบที่เกม RTS ควรมี
โดยรวม: แม้ว่าโดยรวมแล้ว EndWar จะเป็นเกม RTS ธรรมดาๆ เกมหนึ่ง แต่ระบบ Voice Command ซึ่ง EndWar เป็นเกม RTS เกมแรกที่นำมาใช้งานได้จริงและค่อนข้างมีประสิทธิภาพ นับว่าเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการเกม ควรค่าแก่การทดลองเล่นเป็นอย่างยิ่ง

90%

สิ่งที่ทำให้ EndWar แตกต่างก็คือระบบ Voice Command ที่แม้จะทำให้มันขาดความลุ่มลึกในส่วนของการวางแผน แต่มันก็เป็นมิติใหม่ของการออกคำสั่งที่ทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการนำ Third Echelon (Splinter Cell) และ General Michel (Ghost Recon) มาปรากฏตัวเพื่อให้รู้ว่านี่เป็นหนึ่งในซีรีส์ของ Tom Clancy เจ้าแห่งวงการเกมทหาร EndWar มีความเป็น RTS ที่ค่อนข้างดี เมื่อนำมาบวกกับ Voice Command ก็ทำให้มันเป็นเกมที่ควรลอง

บทความนี้มาจากนิตยาสาร Future Gamer

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้