ซีรีส์ Fallout 2 ตอนแรก กับว่าที่ 1 ในงานดัดแปลงจากเกมชิ้นเยี่ยมแห่งปี!

สวัสดีครับทาง Online Station ได้รับเกียรติจากทาง Prime Video รับเชิญให้ไปชมซีรีส์ฟอร์มยักษ์ที่ดัดแปลงจากผลงานเกมชื่อดังอย่าง Fallout ในรอบพิเศษที่ Lido Connect ครับ ซึ่งจะเป็นการฉายตัวซีรีส์ 2 ตอนแรกจากทั้งหมด 8 ตอนให้สื่อฯ และผู้ที่ถูกรับเชิญได้ชมกันเป็นกลุ่มแรกของประเทศเลยด้วย ซึ่งบทความนี้ก็จะมาบอกความรู้สึกและความไฮป์คร่าวๆ กัน โดยจะยังไม่ถึงขั้นรีวิวให้คะแนน เพราะ 2 จาก 8 ตอนแน่นอนว่ามันไม่เพียงพอจะตัดสินอะไร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็พอเพียงให้ผมตัดสินใจจ่ายรายเดือนเพิ่มเพื่อดูซีรีส์เรื่องนี้ให้จบแน่นอน

ก่อนอื่นเลย ตัวงานแม้อาจไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็อบอุ่นและมีการเลี้ยงเบรกแบบไม่อั้นอิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ก็มีของพรีเมี่ยมจากให้กับแขกทุกคนที่มาร่วมงานด้วย อย่างไรก็ขอบคุณทาง Prime Video อีกครั้งมากๆ ครับ เมื่อใกล้ 2 ทุ่มก็ได้เวลาฉาย ไม่ต้องมีโฆษณามากมายให้เสียเวลา นับถอยหลังจบปุ๊บ เราก็ได้เข้าสู่โลกหลังสงครามนิวเคลียร์กันเลย

Fallout

พูดถึงกันแบบไม่สปอยล์ดกินไป ผมชอบช่วงแรกมากมันเป็นเหมือนอินโทรดักชั่นเข้าสู่เนื้อหาได้อย่างดี กับฉากการระเบิดอารยธรรมมนุษย์ทิ้งด้วยนิวเคลียร์ โอเคล่ะว่าเราเห็นฉากระเบิดนิวเคลียร์มาจากภาพยนตร์อื่นๆ ก็มากมาย ในบางแง่มุมอาจไม่อิมแพคเท่า แต่ด้วยงานกราฟิก การสื่อสารด้วยซีน และไดนามิคของเนื้อเรื่องที่กำลังเดินไป ก็ทำให้สำหรับผมแล้ว ซีรีส์ Fallout มีฉากเปิดตัวที่ขลังไม่เบาเลยครับ

Fallout

หลังจากนี้ก็จะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักในอีก 200 กว่าปีถัดมา ผมเองเคยเล่นเกม Fallout มาบ้าง แต่ไม่ใช่แฟนเดนตายอะไรขนาดนั้น คือเล่นนิดๆ หน่อยๆ พอเข้าใจในเซ็ตติ้งและศัพท์เฉพาะบางอย่าง ก่อนดูจึงกังวลอยู่บ้างว่าจะรับสารได้เต็มที่ไหม หรือต้องทำการบ้านอะไรเพิ่มเติมรึเปล่า หลายๆ คนอาจจะคล้ายๆ กันหรืออาจเป็นมือใหม่กว่าผมก็ได้ ซึ่งหลังจากดูไป 2 ตอนผมก็พบว่ามันดูง่ายกว่าที่คิด และน่าจะเก็ทกันได้ไม่ยากจนเกินไป

Fallout

คือเรื่องเลือกจะเปิดด้วยชีวิตคนใน Vault 32 ซึ่งเดิมทีมันมีเซ็ตติ้งซึ่งมีความผิดแปลกบางอย่างอยู่แล้ว พอมันเปิดด้วยความเป็นแฟนตาซีประมาณหนึ่งที่เหลือก็เหมือนโดนเซ็นโทนและง่ายที่จะเปิดรับละ อีกเรื่องที่ผมว่าเรื่องทำได้ดีคือความรุนแรงที่เจือความพาสเทลหน่อยๆ คือผมไม่รู้จะอธิบายยังไงดี ตัวเรื่องมีความรุนแรงประมาณหนึ่ง มีฉากแหวะพอสมควร แต่ก็ไม่รู้สึกว่าถึงขั้น Gore เวลาถึงฉากที่รุนแรงก็จะมีการตัดภาพ หรือใส่เอเลเมนต์บางอย่างเข้ามาเพื่อกระทำการเบาบางความรุนแรงตรงหน้า ประหนึ่งว่ากำลังหั่นขาแต่หน้ายิ้มอะไรเทีอกนั้น

Fallout

ซึ่งส่วนตัวแล้วผมว่ามันเข้ากับธีมอยากบอกไม่ถูก บทสนทนาก็ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะตัวละครมาจากหลาย Faction หลายๆ ครั้งก็ต่างแนวคิด มีการแคลชกันของคัลเจอร์ผ่านไดอาล็อกตัวละครอยู่บ่อยๆ ที่สำคัญคือมีความดาร์คโจ๊กหรือโจ๋งครึ่มในเรื่องเพศอยู่พอสมควร (อย่างการที่ตัวละครหนึ่งบอกอีกตัวละครหนึ่งให้ตัดใจจากตนเพราะไม่อยากร่วมเตียงกับลูกพี่ลูกน้อง หรือการที่ตัวละครหนึ่งพูดว่า “หมอนั่นอึ๊บไก่ผม” เป็นต้น) ซึ่งหลายๆ ครั้งมันนำมาซึ่งความเพี้ยนและมู้ดแอนด์โทนที่ใกล้เคียงการเล่นเกมเองอยู่มาก

Fallout

อย่างไรก็ตามตัวซีรีส์ 2 ตอนแรกก็มีช่วงย้วยอยู่พอสมควร และรู้สึกว่ามีการตัดสลับแบบแปลกๆ เนื่องจากเรื่องพยายามจะเล่าถึงตัวละครหลายๆ ตัว หลายๆ สถานการณ์แบบพร้อมๆ กัน แต่ว่าเส้นเรื่องความสนุกกลับไม่เท่ากัน บางช่วงเราก็ไม่แน่ใจนักว่าเขาตัดกลับมาหาตัวละครนี้ทำไมทั้งๆ ที่ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไรเลย ส่วนตัวรู้สึกเอนจอยน้อยลงตอนช่วงเข้าตอน 2 แรกๆ ทว่าท้ายตอนก็เริ่มสนุกอีกครั้งเพราะเข้าซีนแอคชั่นที่มันส์ใช้ได้ กับการที่เรื่องแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าคุณจะมีจิตใจดีขนาดไหน แต่จะเอาตัวรอดในโลกยุคนี้ได้ ก็ต้องเปลี่ยนตัวเองอยู่ดี และตบท้ายด้วยตัวอย่างของสิ่งที่เราจะได้รับชมในอีก 6 ตอนที่เหลือ ซึ่งมันกลายเป็นว่าน่าดูขึ้นมากๆ หลังจากถูกทีสหรือล่อลวงด้วย 2 ตอนแรก อยากจะกลับบ้านมาแล้วมีให้ดูเสียเดี๋ยวนั้นเลย

Fallout

Fallout ถือเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลย นอกจากงานสร้างที่ดูปราดเดียวก็รู้เลยว่าทุนหนา มันยังดูเหมือนว่าจะถูกดัดแปลงมาได้อย่างเหมาะสม มีความเป็นตัวเองชัดเจนแต่ก็ดูไม่ยาก แม้แต่คนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนก็ไม่ต้องใช้ลมปราณมากมายอะไร ที่สำคัญคือชวนติดตามสุดๆ ว่าการผจญภัยทำเควสต์ของแต่ละตัวละครนั้นมันจะนำไปสู่เหตุการณ์อะไรที่ชวนคาดไม่ถึงอีกรึเปล่า

Fallout

Fallout สตรีมได้พร้อมกัน 11 เมษายนนี้ทาง Prime Video ครับ


ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้