สัปดาห์นี้ซีรีส์ The Last of Us ก็เข้าสู่ช่วงครึ่งหลังของซีซั่นแรกแล้วนะครับ ซึ่งถ้าเทียบในเกมก็เป็นฤดูใบไม้ร่วงพอดี โดยอีสเตอร์เอ้กในตอนที่ 6 นี้จะพิเศษหน่อยตรงที่มีหลายอย่างที่เชื่อมโยงถึงเกมภาค 2 ด้วย แต่จะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่า
บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาซีรีส์และเกม The Last of Us
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
- เริ่มตอนมาจะเป็นฉากที่ลุงคนหนึ่งเดินทางกลับมายังกระท่อมของตัวเอง พร้อมกับซากกระต่ายที่เพิ่งไปล่ามา โดยฉากนี้คาดว่าเป็นการอ้างอิงถึงฉากหนึ่งในเกม ที่เอลลี่ล่ากระต่ายในฤดูหนาวเพื่อดำรงชีพระหว่างที่รอโจลพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บครับ


- ช่วงที่โจลบอกให้ลุงระบุตำแหน่งบนแผนที่ เพื่อที่ตนเองกับเอลลี่จะได้ไปแจ็คสันได้ถูก แต่มีแอบขู่ลุงว่าต้องมาร์คตำแหน่งให้ตรงกับป้าที่เป็นภรรยาของลุงระบุไว้ก่อนหน้า ตรงจุดนี้ก็เป็นวิธีการเค้นข้อมูลที่โจลใช้ในเกมเช่นกัน โดยช่วงท้ายเกมภาคแรก โจลจะจับคนจากกลุ่มของเดวิดมา 2 คน แล้วให้พวกมันระบุตำแหน่งที่เอลลี่โดนจับไปให้ตรงกัน แต่หลังจากที่คนแรกระบุตำแหน่งเสร็จ โจลก็จัดการฆ่าทั้งคู่ทิ้งทันทีเพราะมั่นใจว่าคนแรกน่าจะพูดจริงแล้วนั่นเอง


- ก่อนจะเดินทางไปถึงเมืองแจ็คสันที่โจลเชื่อว่าทอมมี่อาศัยอยู่ที่นั่น ทั้งโจลกับเอลลี่ต่างก็พักแรมกันในถ้ำใกล้กับลำธาร โดยในคืนนั้นเอลลี่ได้เล่าว่าเธอชื่นชอบเรื่องเกี่ยวกับอวกาศมาก หากมีเวลาก็จะไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับนักบินอวกาศ ไม่ว่าจะเป็นนีล อาร์มสตรอง, บัซ อัลดริน, จิม โลเวลล์ และ แซลลี่ ไรด์
- ตรงนี้เป็นเกร็ดความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ครับ ซึ่งนีล อาร์มสตรอง กับ บัซ อัลดริน นั้นเป็นนักบินอวกาศประจำยานอพอลโล 11 และเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้ลงไปเหยียบบนพื้นผิวดวงจันทร์ ขณะที่จิม โลเวลล์ เป็นหนึ่งในนักบินอวกาศกลุ่มแรกที่ได้บินรอบวงโคจรของดวงจันทร์ (แต่ไม่ได้ลงจอด) ส่วนแซลลี่ ไรด์ เธอเป็นนักบินอวกาศหญิงคนแรกของโลกที่ได้บินขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศครับ





- ต่อมาโจลก็เล่าให้เอลลี่ฟังว่าตัวเองอยากใช้ชีวิตอยู่ในบ้านไร่ แล้วก็เลี้ยงแกะจำนวนหนึ่ง สาเหตุที่โจลอยากเลี้ยงแกะก็เพราะว่าแกะเป็นสัตว์ที่เชื่อฟังคำสั่งได้ดี ไม่หือไม่อือ สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ตรงนี้ใครเคยเล่นเกมภาค 2 ไปถึงช่วงท้าย ๆ จะพบว่าเอลลี่กับดีน่าได้ใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในบ้านไร่ และมีพื้นที่ให้แกะหากินตามทุ่งใกล้โรงนาด้วย


- เมื่อเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น เอลลี่ได้พยายามฝึกผิวปากให้ได้แบบโจล แต่ยังไม่รู้ทริค ฉากนี้จะมีความคล้ายคลึงกับในเกม ช่วงที่โจลกับเอลลี่เดินทางไปหาบิลที่เมืองลินคอล์น โดยในเกมโจลจะพูดกับเอลลี่ประมาณว่าถ้าเธอ (เอลลี่) ผิวปากเป็นก็คงมีเรื่องให้โจลต้องรำคาญเอลลี่เพิ่มอีกเรื่องซะแล้ว (ช่วงนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะยังไม่มีความผูกพันต่อกันมากนัก)


- ถัดมาเป็นจุดแตกต่างกันของซีรีส์และเกมบ้าง เริ่มจากมาเรีย ตัวละครที่เป็นภรรยาของทอมมี่ ซึ่งในเกมนั้นมาเรียจะเป็นสาวผิวขาว ผมบลอนด์ แต่ในฝั่งซีรีส์ มาเรียจะเป็นสาวผิวดำแทน


- ฉากที่ทอมมี่กับมาเรียพาโจลกับเอลลี่มากินอาหารในเรือนรับรองขนาดใหญ่ สถานที่ดังกล่าวคาดว่าน่าจะเป็นโลเคชั่นเดียวกับที่จัดงานเลี้ยงรื่นเริง ซึ่งปรากฏเป็นคัทซีนในเกมภาค 2 ที่เอลลี่กับดีน่าเต้นรำกัน โดยในเกมภาคแรกจะไม่มีการเล่าถึงบรรยากาศด้านในเมืองแจ็คสันเลยแม้แต่ฉากเดียว


- ระหว่างที่โจลกับเอลลี่กำลังกินอาหาร เอลลี่ได้เหลือบไปเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังแอบมองเธอจากหลังเสา เลยตะโกนใส่ให้กลัวจนเดินหนีไป โดยเด็กสาวคนนี้เชื่อว่าน่าจะเป็น ดีน่า คนรักของเอลลี่ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในเกมภาค 2 ครับ


- จากนั้นมาเรียกับทอมมี่ก็พาโจลกับเอลลี่เดินทัวร์รอบแจ็คสัน และได้ผ่านแถวคอกม้าด้วย โดยมาเรียได้แนะนำให้เอลลี่รู้จักกับม้าที่ชื่อ ชิมเมอร์ (Shimmer) ซึ่งเจ้าชิมเมอร์นี้ก็เป็นม้าคู่ใจและเป็นพาหนะของเอลลี่ในเกมภาค 2 นั่นเอง


- หลังจากที่เอลลี่อาบน้ำและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่มาเรียเตรียมไว้ให้ หากสังเกตดี ๆ จะพบว่าชุดของเอลลี่นั้นเป็นแบบเดียวกับที่เอลลี่สวมในเกมช่วงฤดูใบไม้ร่วงเลย


- ตอนที่เอลลี่กำลังรอมาเรียมาหา เธอได้พบกับกระดานที่เขียนชื่อเควินกับซาราห์ โดยเควินเสียชีวิตเมื่ออายุ 3 ขวบเศษ ส่วนซาราห์เสียชีวิตตอนอายุ 14 ปี สักพักมาเรียก็เล่าให้เอลลี่ฟังว่าเควินเป็นลูกชายของเธอที่เสียชีวิตไปในช่วงเชื้อแพร่ระบาดใหม่ ๆ ขณะที่ซาราห์เป็นลูกสาวของโจลที่เสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่ 1 ของซีรีส์ หรือช่วงต้นเกมครับ ณ เวลานั้นเอลลี่จึงพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้วว่าสาเหตุที่โจลเป็นคนที่ไม่ชอบพูดถึงอดีตและดูเหมือนมีปมในใจ ก็เพราะเคยมีประสบการณ์การสูญเสียครั้งใหญ่มาก่อน

- หนึ่งในจุดสำคัญที่เป็นดราม่าของเรื่องราว ก็คือตอนที่เอลลี่รู้ว่าโจลพยายามจะให้ทอมมี่ช่วยพาเอลลี่ไปส่งให้กับกลุ่มไฟร์ฟลายแทนตัวเอง เลยรู้สึกเสียใจและผิดหวังที่โจลจะมาทิ้งเธอเอาดื้อ ๆ แบบนี้ ส่วนโจลนั้นกลัวในสภาพร่างกายที่หูข้างหนึ่งไม่ค่อยดี ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลงตามวัย แถมจิตใจก็มีบาดแผลจากการที่ลูกสาวต้องมาตายต่อหน้าไป เลยคิดว่าการฝากให้ทอมมี่เป็นคนทำงานแทนจะเป็นคำตอบที่ดีกว่า โดยในเกมจะแตกต่างออกไปหน่อย ทั้งในเรื่องสาเหตุของโจลที่มีเรื่องของจิตใจอย่างเดียว และโลเคชั่นของบทสนทนาที่เป็นบ้านไร่ซึ่งโจลกับทอมมี่ต้องออกตามหาเอลลี่ที่ขโมยม้าหนีออกมาเพียงลำพังครับ


- โจลได้ข้อมูลจากทอมมี่ว่ากลุ่มไฟร์ฟลายน่าจะไปตั้งฐานอยู่ที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นโคโลราโด ซึ่งมหาวิทยาลัยดังกล่าวมีมาสคอตประจำสถาบันคือแกะเขาเหล็ก ซึ่งทีมกีฬาของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็จะใช้ฉายาว่า Bighorn ที่มาจาก Bighorn Sheep หรือแกะเขาเหล็กนั่นเอง


- น้องลิงที่เข้ามาคุ้ยหาของกินภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยก็มีเหมือนกันทั้งในซีรีส์และเกมครับ


- แม้จะมาถึงห้องแล็บของกลุ่มไฟร์ฟลายในมหาวิทยาลัย แต่ทั้งโจลกับเอลลี่ก็พบว่าไฟร์ฟลายได้อพยพคนไปอยู่ที่เมืองซอล์ตเลคซิตี้ รัฐยูทาห์ เสียก่อนแล้ว โดยในซีรีส์โจลจะทราบจากแผนที่บนกระดานที่ไฟร์ฟลายมาร์คจุดหมายปลายทางไว้ที่เมืองซอล์ตเลคซิตี้ แต่ในเกมโจลจะทราบจากไฟล์เสียงที่หนึ่งในสมาชิกกลุ่มไฟร์ฟลายบันทึกเอาไว้ก่อนตายแทน


- ฉากสำคัญก่อนจบตอนที่ 6 ก็คือโจลต่อสู้กับโจรคนหนึ่งที่บุกเข้ามาในมหาวิทยาลัย จนตัวเองถูกด้ามไม้เบสบอลที่หักเสียบเข้าที่ท้อง ซึ่งจะแตกต่างจากในเกมก็ตรงที่โจลสู้กับโจรจนพลัดตกลงมา แล้วถูกเหล็กที่อยู่ด้านล่างเสียบทะลุลำตัว และนั่นก็เลยทำให้เหตุการณ์ในฤดูหนาวของเกม เราจะได้เล่นเป็นเอลลี่เกือบทั้งหมดครับ


ติดตามข่าวภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net/movies/