The Last of Us ฉบับซีรีส์ก็เดินทางมาถึงตอนที่ 5 แล้วนะครับ ซึ่งเนื้อเรื่องก็เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ แถมมีอีสเตอร์เอ้กและจุดเชื่อมโยงถึงเวอร์ชั่นเกมน่าสนใจอยู่เพียบเลย ว่าแล้วเรามาชมกันดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง
บทความนี้มีการสปอยล์เนื้อหาเกมและซีรีส์ตอนที่ 5 ของ The Last of Us
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
- ประเด็นที่ต้องพูดถึงก่อนเลยก็คือตัวละครเฮนรี่กับแซม สองพี่น้องที่มาเจอพวกโจลตั้งแต่ช่วงท้ายตอนที่ 4 ครับ โดยเมื่อเริ่มตอนที่ 5 ปุ๊บ เราจะพบว่าแซมนั้นเป็นใบ้และหูหนวก พร้อมกับใช้วิธีสื่อสารกับพี่ชายด้วยภาษามือ ซึ่งต่างจากเวอร์ชั่นเกมที่ทั้งเฮนรี่และแซมต่างเป็นคนปกติ ไม่ได้มีปัญหาบกพร่องทางร่างกายแต่อย่างใด


- ภาษามือที่เฮนรี่ใช้คุยกับแซมมีชื่อว่า American Sign Language หรือ ASL ซึ่งเป็นภาษามือที่มีการเรียนการสอนกันในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเป็นหลักครับ
- เควอนน์ วูเดิร์ด (Keivonn Woodard) หนูน้อยที่รับบทเป็นแซมนั้นเป็นนักแสดงที่มีภาวะบกพร่องทางการได้ยินมาตั้งแต่กำเนิดด้วยเช่นกัน ดังนั้นนักแสดงคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมฉากเดียวกันกับเควอนจึงต้องเรียนรู้การใช้ภาษามือ ASL เพื่อความสมจริงและสื่อสารกับเควอนน์ได้รู้เรื่องนั่นเอง


- ถัดมาคือช่วงที่โจล เอลลี่ เฮนรี่ และแซม พยายามหลบหนีกลุ่มของแคธลีนมายังอุโมงค์ใต้ดิน ที่เฮนรี่เชื่อว่าปลอดภัย และไม่มีผู้ติดเชื้อ พอทั้งหมดเดินทางมาถึงห้องโถงด้านในก็พบร่องรอยของการมีกลุ่มคนเคยอาศัยอยู่ มีการออกกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกัน รวมถึงมีการแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นสัดส่วน และผู้ชายที่เป็นผู้นำกลุ่มและทำหน้าที่ปกป้องสมาชิกคนอื่น ๆ ก็มีชื่อว่าแดนนี่ (Danny) และ อิช (Ish) เหมือนในเกมด้วย (ดังจะเห็นได้จากรูปที่มีเด็กวาดเอาไว้) แต่น่าเสียดายที่น่าจะมีใครบางคนพลาดท่าติดเชื้อเข้า จนอาจเกิดโศกนาฏกรรมและทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างนับแต่นั้น




- หากเทียบในเวอร์ชั่นเกม ห้องโถงที่ปรากฏในซีรีส์คือช่วงที่ทั้ง 4 คนหนีพวกฮันเตอร์มายังทางระบายน้ำใต้ดิน ซึ่งเคยมีผู้คนอาศัยอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ โดยท่อน้ำนี้มีเส้นทางเชื่อมไปยังโรงบำบัดน้ำที่อยู่ชานเมืองพิตต์สเบิร์กครับ




- ระหว่างที่ทุกคนนั่งรอในห้องโถงเพื่อเตรียมออกเดินทางอีกครั้งในตอนกลางคืน แซมได้หยิบหนังสือการ์ตูนเรื่อง Savage Starlight ขึ้นมาดู ซึ่งพอเอลลี่เห็นก็เลยบอกว่านางอ่านการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนกัน โดยเอลลี่บอกว่าเธอมีเล่ม 4, 5, 6 และ 11 ขณะที่แซมมีเล่ม 1, 5, 6 และ 8 สำหรับการ์ตูนเรื่องนี้มีทั้งหมด 14 เล่มจบ และแต่ละเล่มมีชื่อตอนดังนี้
- Termination Shock - แซมมีเล่มนี้
- Messenger Particle
- Force Carrier
- Uncentainty - เอลลี่มีเล่มนี้
- Foreign Element - เอลลี่กับแซมมีเล่มนี้
- Accretion - เอลลี่กับแซมมีเล่มนี้
- Free Radicals
- Negentropy - แซมมีเล่มนี้
- Precipitate
- Deep Phase
- Antiparticles - เอลลี่มีเล่มนี้
- Zero Point
- Catalysis
- Singularity














- ในส่วนของเวอร์ชั่นเกม การ์ตูนทั้ง 14 เล่มจะเป็นหนึ่งในความลับของเกมที่เราต้องตามเก็บให้ครบ เพื่อให้ได้โทรฟี่ที่มีชื่อว่า Endure and Survive ซึ่งคำนี้ก็เป็นคำเดียวกับชื่อตอนที่ 5 ของซีรีส์เช่นกันครับ
- การ์ตูนเล่มที่แซมหยิบขึ้นมาบนโต๊ะในเวอร์ชั่นซีรีส์ คือเล่มที่ 6 ที่มีชื่อตอนว่า Accretion

- หนึ่งในไฮไลท์ของตอนที่ 5 คือช่วงที่พวกของโจลถูกคนของกลุ่มแคธลีนลอบยิงด้วยปืนสไนเปอร์ครับ และคนที่เฝ้าตรงจุดซุ่มยิงเป็นลูกน้องของแคธลีนที่โดนสั่งมาให้คอยถ่วงเวลาพวกโจลจนกว่าแคธลีนจะนำพรรคพวกเดินทางไปถึง ซึ่งความต่างจะอยู่ตรงที่ในเกมนั้นคนที่ยิงสไนเปอร์คือคนของกลุ่มฮันเตอร์ และจุดหมายปลายทางของพวกโจลในเกมคือไปที่สถานีวิทยุ แต่ในซีรีส์หลังจากพวกโจลหนีรอดมาได้ จะไปพักแรมที่โมเต็ลร้างแทน




- ฉากการปรากฏตัวของกองทัพผู้ติดเชื้อที่พุ่งทะลักขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งรวมถึงโบลตเตอร์ที่เป็นผู้ติดเชื้อระยะที่ 4 ที่เพิ่งจะปรากฏตัวครั้งแรกในตอนที่ 5 นี้ โดยความร้ายกาจของโบลตเตอร์ในเวอร์ชั่นซีรีส์จะโหดกว่าเวอร์ชั่นเกมอยู่มาก ในเกมนั้นเวลาผู้เล่นโดนโบลตเตอร์จับตัวได้ก็จะถูกมันจับฉีกใบหน้าจนเละ (เกมโอเวอร์ทันที) แต่ของซีรีส์จะมีฉากที่เพอร์รี่ ลูกสมุนมือขวาของแคธลีนถูกโบลตเตอร์กระชากศีรษะจนหลุดจากคออย่างรวดเร็วแทน


- แผ่นกระดานที่แซมใช้เขียนสื่อสารกับเอลลี่ นั่นคือของเล่นเด็กที่มีชื่อเรียกว่า เมจิกสเลต (Magic Slate) ครับ โดยเป็นกระดาษแว็กซ์ที่แปะทับด้านบนด้วยแผ่นพลาสติก เมื่อเราใช้ปากกาสไตลัสที่แถมมากับกระดานกดน้ำหนักเขียนลงไป สิ่งที่เราเขียนก็จะปรากฏขึ้นเป็นรอยเด่นขึ้นมา และหากต้องการลบก็เพียงแค่ดึงด้านล่างของแผ่นพลาสติกขึ้นมาเท่านั้น


- ช่วงท้ายของตอนที่ 5 จะมีความแตกต่างกันระหว่างซีรีส์กับเกมอยู่บางจุด เริ่มจากแซมในซีรีส์นั้นพลาดท่าถูกผู้ติดเชื้อกัดเข้าระหว่างที่หนีมาพร้อมกับโจล เอลลี่ และเฮนรี่ โดยเจ้าตัวโชว์แผลที่ขาให้เอลลี่เห็น ทางด้านเอลลี่ที่เห็นแผลก็คิดว่าเลือดของตัวเองน่าจะช่วยรักษาอาการติดเชื้อให้แซมได้ จึงกรีดมือแล้วใช้เลือดทาที่แผลของแซม แต่พอถึงรุ่งเช้า แซมก็ยังกลายร่างเป็นรันเนอร์อยู่ดี เท่ากับว่าวิธีของเอลลี่ใช้ไม่ได้ผล


- ขณะเดียวกัน เวอร์ชั่นเกมจะมีเพียงแซมคนเดียวที่รู้ตัวว่าถูกกัดและไม่ได้โชว์แผลให้ใครเห็น (นอกจากผู้เล่น) และเมื่อแซมอาละวาดทำร้ายเอลลี่ เหตุการณ์หลังจากนั้นก็ลงเอยในลักษณะคล้ายกับเกมครับ คือเฮนรี่ยิงแซมตาย พลันเป็นความเสียใจและโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้แซมต้องตาย สุดท้ายเลยยิงตัวตายตามน้องชายไป


ติดตามข่าวภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net