ดูเหมือนว่าซีรีส์ The Last of Us ในตอนที่ 3 จะยังคงเป็นกระแสหนัก เพราะถึงแม้ว่าตอนที่ 4 จะเข้าฉายไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ก็ยังมีแฟนเกมจำนวนหนึ่งออกมาถกกันอยู่ดีว่าเนื้อหาในตอนที่ 3 นั้นจำเป็นต้องใส่เข้ามาจริง ๆ หรือไม่ เพราะก็อย่างที่ทราบกันดีว่าตัวซีรีส์ในตอนที่ 3 นี้เพิ่งจะถูกรีวิวบอมบ์ไปเพราะหาว่าเป็นการยัดเยียดเนื้อหา LGBTQ+ ค่ะ
จำเป็นต้องใส่มาจริง ๆ หรือ
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาว Reddit นามว่า saxophone_solos ก็ได้มาตั้งกระทู้ชี้แจงบนเว็บไซต์ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงมองว่าเนื้อหาในตอนที่ 3 นี้เป็น "สิ่งจำเป็น" แถมยังอาจจะเป็นตอนที่มีความสำคัญที่สุดในซีรีส์จนถึงตอนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากมันจะเป็นการช่วยเสริมสร้างคาแร็กเตอร์ของ Joel ให้มีความสมจริงมากขึ้นแล้ว ตอนที่ 3 นี้ยังเป็นตัวช่วยเสริมสร้างให้เห็นถึงแก่นหลักของซีรีส์เรื่องนี้ด้วย นั่นก็คือเรื่องราวของความรักและชีวิตที่ถือเป็นใจความหลัก ๆ ในเนื้อเรื่องของโจลและเอลลี่เช่นกัน
ชาว Reddit ท่านนี้ยังได้กล่าวเสริมเอาไว้อีกด้วยว่า เรื่องราวของบิลกับแฟรงค์ยังให้สอนให้โจลและคนดูอย่างเรา ๆ รู้อีกด้วยว่าความรักนั้นสามารถช่วยเติมเต็มชีวิตคนเราได้ ทั้งยังสอนให้รู้อีกด้วยว่าในหลาย ๆ ครั้ง ผู้คนมักจะคิดปฏิเสธความรักเพียงเพราะกลัวว่ามันจะนำมาซึ่งความสูญเสียและความทุกข์ใจ ทว่าเรื่องราวของหนุ่มใหญ่ทั้งสองกลับชี้ให้เห็นว่าแม้จะต้องเสียใจ แต่การรักใครสักคนก็ยังถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะหากยังอยาก "ใช้ชีวิต" อยู่ต่อไปแทนที่จะเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ เราย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดได้ ซึ่งเรื่องนี้เองที่สอนให้โจลเริ่มจะหันมามองและนึกเป็นห่วงเอลลี่เป็นครั้งแรก จากเดิมที่หวาดกลัวการมีความรักมาโดยตลอดค่ะ
แล้วเพื่อน ๆ ละคะ คิดเห็นอย่างไรกับตอนที่ว่านี้ ยังสามารถมาแสดงความคิดเห็นกันได้เสมอเลยนะ
แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.reddit.com/r/thelastofus/comments/10s8zcs/ep_3_is_not_irrelevant_to_the_plotits_essential/
ติดตามข่าวภาพยนตร์อื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net