เผยข้อมูลใหม่เกม Diablo Immortal จากการทดสอบ Alpha รอบสอง พร้อมระบบ Endgame

แชร์เรื่องนี้:
เผยข้อมูลใหม่เกม Diablo Immortal จากการทดสอบ Alpha รอบสอง พร้อมระบบ Endgame
เผยข้อมูลใหม่เกม Diablo Immortal จากการทดสอบ Alpha รอบสอง

ไม่นานหลังจากที่ Technical Alpha ของ Diablo II: Resurrected สิ้นสุดลง ทีมงาน Online Station ก็ได้รับเชิญจากทาง Blizzard ให้เข้าร่วมชมการนำเสนอข้อมูลใหม่ของ Diablo Immortal พร้อมกับโอกาสในการสัมภาษณ์คุณ Wyatt Cheng ผู้กำกับเกม และคุณ Scott Shicoff ผู้ออกแบบพื้นฐานเกมของ Diablo Immortal กันไปเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ถึงแม้เราจะยังไม่ทราบว่าเกมจะพร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบเมื่อใด แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นหน้าตาและรูปแบบการเล่นในช่วง Endgame กันมากขึ้นว่าเมื่อเลเวลเต็มแล้วเราจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับกิจกรรมอะไรใน Diablo Immortal ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะสรุปได้ดังนี้ครับ

Crusader คือคลาสล่าสุดที่ถูกเพิ่ม
Mount Zavain ถิ่น Monk

Closed Alpha

  • เปิดให้ทดสอบทั้งบน Android และ iOS โดยที่ยังจำกัดเฉพาะสื่อและผู้เล่นบางส่วนในออสเตรเลียเช่นเดิม
  • เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ และจะเปิดเป็นระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือน (ครั้งก่อนสามสัปดาห์)
  • เพิ่มคลาส Crusader มาให้เลือกเล่น จากเดิมที่มีแค่ Barbarian, Wizard, Monk, และ Demon Hunter ส่วน Necromancer จะตามมาหลังจากนี้
  • เพิ่มเลเวลสูงสุดจาก 45 เป็น 55 แต่เมื่อเปิดให้บริการทั่วโลกจะมีเลเวลสูงสุดอยู่ที่ 60
  • เพิ่มสองโซนใหม่พร้อมอีเวนต์ประจำโซนคือ Mount Zavain ที่เป็นถิ่นของเหล่า Monk และ Frozen Tundra ของเหล่า Barbarian
  • เพิ่มดันเจี้ยนใหม่และบอสใหม่ใน Caven of Echoes
  • เพิ่มระบบ Endgame อย่าง Helliquarry และ Cycle of Strife
  • ปรับรางวัล Elder Rift ให้คุ้มค่าเหนื่อยมากขึ้น
  • มีช่องทางในการหา Rare Crest มากขึ้น ซึ่ง Rare Crest จะดรอป Rune ที่ไว้ใช้คราฟต์ Legendary Gem สำหรับเพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้อุปกรณ์สวมใส่
  • เพิ่มดรอปเรตให้ Rare Crest ดรอป Legendary Gem
  • ปรับรางวัล Challenge Rift ให้มากขึ้นตามความเร็วในการเคลียร์ของผู้เล่นเมื่อเทียบกับการเล่นครั้งก่อน ๆ
  • ปรับปรุงระบบ Horadric Bestiary และปรับอินเตอร์เฟซของ Codex ให้เข้าถึงและใช้งานได้ง่ายขึ้น
  • เพิ่ม Quality of Life เพื่ออำนวยความสะดวกในการเล่นมากขึ้น
  • จะมีการเปิดให้เข้าทดสอบอีกในอนาคตเพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงให้เกมมีความสมบูรณ์ที่สุดก่อนจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ
บอสใน Helliquarry จะยากกว่าปกติ

Helliquarry

  • เป็นคอนเทนต์ช่วง Endgame ที่จะปลดล็อกช่วงเลเลวล 41-45 ขึ้นไป
  • เป้าหมายคือฆ่าบอสที่มีระดับความยากสูงเพื่อของรางวัลที่คุ้มค่า
  • ในช่วง Closed Alpha จะบอสแค่ตัวเดียว แต่เมื่อเกมเปิดให้บริการจะมีบอสใหม่เพิ่มเดือนละตัว
เหล่า Immortals บน Wall of Honor

ตำนาน Cycle of Strife

  • นานมาแล้ว Daedessa the Builder เป็นคนสร้าง Eternal Crown มอบให้ Kion ลูกชายเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยปกป้องโลก Sanctuary จากเหล่าอสูร
  • Kion จึงจัดตั้งกองกำลังปกป้อง Sanctuary ภายใต้ชื่อ Immortals
  • Daedessa เกรงว่าด้วยพลังของ Eternal Crown อาจทำให้ผู้ครอบครองหลงในอำนาจได้ จึงมอบหมายให้ Akeba ลูกสาวคอยจับตาดูพวก Immortals ไม่ให้หลงในเป้าหมาย
  • Akeba จัดตั้งกองกำลัง Shadows ขึ้นมาเพื่อมุ่งทำลายจุดอ่อนของ Immortals หรือหากเหล่า Shadows แข็งแกร่งขึ้นกว่า Immortals พวกเขาและเธอก็จะเป็นผู้ครอบครอง Eternal Crown และรับหน้าที่ปกป้อง Sanctuary ในฐานะ Immortals รุ่นต่อไป
  • และเมื่อ Akeba ดำรงตำแหน่ง Immortals ก็จะมี Shadows กลุ่มใหม่เกิดขึ้นเพื่อสานต่อเป้าหมายของตนแบบนี้ต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อประโยชน์แก่โลก Sanctuary
  • ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเป็นวังวน Cycle of Strife
Hub ของ Immortals

เกมเพลย์ Cycle of Strife

  • เป็นคอนเทนต์ช่วง Endgame เหมือนซีซั่นสำหรับทั้ง PVP และ PVE ระหว่าง Faction
  • คาดว่าแต่ละ Cycle จะกินเวลาราวหนึ่งถึงสามเดือน โดยที่ผู้เล่นทุกคนในเซิร์ฟเวอร์จะอยู่ใน Cycle เดียวกัน
  • Faction ของ Immortals จะมีจำนวนจำกัดที่ 500 คน ส่วน Shadows จะไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น แต่เกมจะมีมาตรการควบคุมความถี่ในการสร้าง Faction ของ Shadows
  • หน้าที่ของ Immortals คือรักษาตำแหน่งของตัวเองไว้ให้ได้นานที่สุด ในขณะที่ Shadows ต้องหาทางโค่น Immortals ให้ได้
  • แต่ละ Faction จะมีกิจกรรมและรางวัลเฉพาะตัว
สู้กับบอสใน Kion’s Ordeal

Immortals

  • ใน Westmarch ที่เป็นเมืองหลักของเกม จะมี Wall of Honor เป็นอนุสรณ์จารึกผู้ที่ได้เป็นผู้นำ Immortals แต่ละรุ่นและรองอีกสี่คน พร้อมทั้งสถิติต่าง ๆ ระหว่างอยู่ในตำแหน่ง
  • ผู้ที่เป็น Immortal จะมีของตกแต่งเฉพาะตัวแบบจำกัดเวลา และมีรูปปั้นกับแบนเนอร์ของผู้เล่นที่เป็นผู้นำคนปัจจุบันของ Immortals ตั้งโชว์ภายในเกม
  • มี Raid แบบ PVE สำหรับผู้เล่น 48 คน ชื่อ Kion’s Ordeal ซึ่งเมื่อเคลียร์แล้วจะได้บัฟและของรางวัลสำหรับทั้ง 48 คนใน Faction ที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่ม กลุ่มละ 12 คน รวมถึงเพิ่มคะแนนในการดำรงตำแหน่งของ Immortals ด้วย
  • เมื่อผู้ 12 ผู้เล่นในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสามารถโค่นบอสลงได้ บอสอีกสามตัวที่เหลือของผู้เล่นกลุ่มอื่น ๆ ก็จะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นหากผู้เล่นทั้งสี่กลุ่มสามารถโค่นบอสทั้งสี่ตัวลงได้ในเวลาที่ไล่เลี่ยกันจะเป็นทางที่ง่ายที่สุด
  • บัฟจาก Kion’s Ordeal มีชื่อว่า Daedessa’s Blessing ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นได้รับของรางวัลจาก Elder Rift มากขึ้น
  • เมื่อผู้เล่นรับบัฟมาแล้วภายใน Elder Rift จะมี Immortal Vault ปรากฏขึ้นพร้อมกับมอนสเตอร์เฝ้ารางวัลพิเศษอยู่
  • หากในสัปดาห์นั้นผู้เล่นไม่สามารถเคลียร์ Immortal Vault ได้ สิทธิ์ในการเล่นจะตกเป็นของ Shadows
  • ในแต่ละสัปดาห์ Immortals จะได้เข้าเล่นอีเวนต์พิเศษที่ชื่อ Rite of Exile เพื่อป้องกันตำแหน่ง Immortals
การต่อสู้ใน Immortal Vault

Shadows

  • ผู้เล่นที่เป็น Shadows สามารถตั้งกลุ่ม Dark Houses เพื่อทำกิจกรรมเก็บคะแนนแข่งกันระหว่างแต่ละบ้านในหมู่ Shadows ด้วยกันได้
  • ในแต่ละสัปดาห์ ตัวเกมจะกำหนดช่วงเวลา Assemblies ให้ผู้เล่นสามารถก่อตั้ง Dark Houses ได้ในช่วงเวลาบ่ายสองถึงสี่ทุ่มของวันพุธและวันเสาร์
  • Shadows ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน Dark Houses ก็ได้ แต่ในแต่ละสัปดาห์ หาก Shadows ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเก็บคะแนนได้ถึงจำนวนที่เกมกำหนด บ้าน 10 หลังที่ทำคะแนนได้สูงสุดจะได้เข้าเล่นอีเวนต์พิเศษที่ชื่อ Rite of Exile เพื่อช่วงชิงตำแหน่ง Immortals
  • เมื่อ Shadows จับกลุ่มกันเข้าสู่ Immortal Vault ฝ่าย Immortals จะได้รับแจ้งเตือนเพื่อเข้ามาป้องกัน แต่หาก Shadows โค่น Immortals ชุดแรกใน Immortal Vault ลงได้ ฝ่าย Immortals ชุดต่อไปก็จะต้องรอเป็นระยะเวลาหนึ่งกว่าที่จะเข้าไปป้องกัน Immortal Vault ได้อีกครั้ง
Rite of Exile ที่เป็นสนามรบระหว่าง Immortals และ Shadows

Rite of Exile

  • อีเวนต์ PVP ทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่จะเป็นแมตช์ระหว่างกลุ่ม Immortals แปดคนสู้กับกลุ่ม Shadows แปดคนจาก Dark Houses ทั้ง 10 หลังที่ทำคะแนนได้สูงสุดในสัปดาห์นั้น ๆ เพื่อป้องกันหรือช่วงชิงตำแหน่ง Immortals ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่าครึ่งของแมตช์ทั้งหมด
Hub ของ Shadows

Adventurers

  • หากผู้เล่นไม่ได้เป็น Immortal และไม่เลือกเข้าฝ่าย Shadows ก็จะถูกจำแนกเป็น Adventurers
  • เมื่ออีเวนต์ Rite of Exile จบลง ฝ่าย Shadows ที่ไม่ได้อยู่ใน Dark Houses ก็จะถูกจำแนกกลับไปเป็น Adventurers
เหล่า Shadows โค่น Immortals คว้า Eternal Crown มาครอง

และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลใหม่ที่ Online Station ได้รับมาจากการนำเสนอของ Blizzard และสัมภาษณ์ผู้พัฒนาโดยตรง อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ขึ้นอยู่กับเสียงตอบรับและพฤติกรรมของผู้เล่นที่ Blizzard กำลังเก็บข้อมูลจากช่วง Closed Alpha ในครั้งนี้กันอยู่ โดยที่ Blizzard กล่าวว่าอยากให้เกมมีความสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบพร้อมกันทั่วโลก แต่เราจะได้เล่นกันเมื่อไหร่นั้น Blizzard ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในขณะนี้

เรียบเรียงโดย อาร์ม @Pirawits

แชร์เรื่องนี้:
Jack Vai
About the Author

Jack Vai

กองบรรณาธิการ Online Station ที่ชื่นชอบเกมแนว Action RPG

เรื่องที่คุณอาจสนใจ