South Park Phone Destroyer
แพลตฟอร์ม : iOS/Android
เรท : เหมาะสำหรับเยาวชนอายุ 16 ปีเป็นต้นไป
ผู้พัฒนา : Ubisoft
เว็บไซต์หลัก : https://southparkphonedestroyer.com/
ลิงค์ดาวน์โหลดสำหรับ iOS :Itune
ลิงค์ดาวน์โหลดสำหรับ Android : Google Play
เป็นอีกหนึ่งเกมที่เปิดตัวมาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมากับเกมจากซีรีส์สุดโด่งดังอย่าง South Park ที่ปัจจุบันได้ออกมาแล้วถึง 20 ซีซั่นด้วยกัน และนอกจากนั้นก็ยังสร้างชื่อเสียงจากเกมใหญ่อย่างภาค Stick of Truth และ Fractured but Whole ที่เพิ่งเปิดตัวแต่กลับดังอย่างเปรี้ยงปร้าง แต่โดยสำหรับภาค Phone Destroyer นี้จะเป็นภาคที่ทำลงมือถือแต่ก็ยังดังไม่แพ้สองเกมที่ผ่านมา ไปดูกันดีกว่าว่าคราวนี้พวกเด็กก๊วนเด็กนรกจะมีอะไรมาเซอร์ไพรส์พวกเรากันบ้าง
สามารถอ่านข้อมูลตัวเกมเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>คลิก<<
ระบบการเล่น
ระบบของภาคนี้จะแตกต่างกับ Stick of Truth และ Fractured but Whole เป็นอย่างมากเพราะสองเกมที่ผ่านมานั้นใช้ระบบการเล่นแบบ RPG Turn Based ที่คุ้นเคย แต่ว่าในภาค Phone Destroyer นั้นตัวเกมจะเป็นระบบ RTS ซึ่งต้องอาศัยกลยุทธ์ และความคิดที่รวดเร็ว
ซึ่งในภาคนี้จะมีจุดเชื่อมโยงกับภาคก่อนๆ ก็คือเราจะได้รับบทบาทเป็น New Kid (คนเดียวกับสองภาคที่ผ่านมา) โดยในตอนแรกนั้นเราจะสามารถสร้างตัวได้โดยเลือกว่าจะเป็นชายหรือหญิง หรือทรงผมหน้าตา ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ในภายหลังเช่นกัน เมื่อสร้างตัวละครเสร็จแล้วเข้าไปในตัวเกมเราจะพบว่า เราอยู่ท่ามกลางศึกระหว่างชาวอินเดียนแดงและคาวบอย ซึ่งในระหว่างนี้ Cartman ก็จะคอยสอนเราถึงสิ่งต่างๆ ในตัวเกม
หน้าที่หลักของเรานั้นก็คือต้องจัดการกับศัตรูที่อยู่สุดปลายทางของแมพให้ได้ โดยเราสามารถใช้การ์ดที่เรามีอยู่นั้นซัมม่อนเหล่าตัวละครต่างๆ เพื่อนำมาช่วยเราในการโจมตีเหล่าศัตรูได้ แต่ว่าในการซัมม่อนแต่ละครั้งเราจะต้องเสียค่า Mana หรือค่าพลังถ้าหากพลังเราหมดหรือมีไม่มากพอก็จะไม่สามารถซัมม่อนตัวละครบางตัวได้ ซึ่งค่าพลังในการเรียกตัวละครแต่ละตัวนั้นก็มีค่าไม่เท่ากันอีกด้วย
ตัวละครในเกมนั้นจะมีพลังและความสามรถรวมไปถึงรูปแบบการโจมตีที่ต่างกันไปโดยหลักๆ นั้นเราจะพบอยู่ 5 แบบ
-Tank ตัวละครประเภทนี้จะมีค่า HP สูงแต่จะมีความเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า และโจมตีค่อนข้างเบา
-Fighter ตัวละครประเภทนี้จะทำการโจมตีเป็นหลัก แต่จะเป็นการโจมตีในระยะใกล้เท่านั้น
-Assassin ตัวละครประเภทนี้จะมีความคล่องตัวและว่องไว นอกจากนั้นยังมีค่าโจมตีที่สูงมาก แต่นั่นก็แลกมากับความเปราะ เป็นตัวละครถูกจัดได้ว่าเปราะที่สุดในเกม
-Ranged เป็นตัวละครที่จะคอยทำการโจมตีจากระยะไกล สามารถทำดาเมจให้ศัตรูได้เรื่อยๆ และบางตัวยังมีการโจมตีเป็นวงกว้างอีกด้วย แต่ถ้าหากโดนโจมตีระยะประชิดแล้วล่ะก็ สามารถจัดการได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
-Spell หรือ Cast เป็นการ์ดแบบพิเศษซึ่งผู้เล่นสามารถใช้เวทย์มนต์หรือสกิลจากการ์ดได้
ระบบ Campaign
หลังจากจบการต่อสู้ครั้งแรกไป เราจะพบว่าเกมจะพาเราเข้าสู่แมพใหญ่ ซึ่งในแมพใหญ่นั้นก็จะมีด่านเล็กๆ แยกย่อยกันไป นอกจากนั้นในแต่ละด่านเราก็จะได้รับไอเท็มที่แตกต่างกันไปอีกด้วย (บางด่านเราก็มีโอกาสได้การ์ดแรร์ด้วยนะ) และเมื่อเราเล่นจบแต่ละครั้งเราก็สามารถกลับไปเล่นใหม่ได้อีกด้วย แต่ระดับความยากเองก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
แม้ว่าเราจะจัดการบอสใหญ่ไปได้แล้วแต่ก็อย่าห่วงไป เพราะเกมเองก็ไม่จบง่ายๆ แน่นอน ตัวเกมนั้นจะแบ่งเนื้อเรื่องและธีมเกมออกเป็นหลายพาร์ทอีกด้วย
ระบบ PVP
ในหน้าจอแมพนั้นบ้านข้างๆ เราจะเป็นบ้านของ Butter ซึ่งเป็นบ้านที่คอยดูแลเรื่อง PVP นั่นเอง ซึ่งระบบ PVP นั้นเป็นอีกหนึ่งระบบที่โดดเด่นมากในเกมนี้ เพราะ Phone Destroyer นั้นเป็นเกมที่ใช้ระบบ PVP แบบเรียลไทม์ นั่นคือพวกเราจะได้ประลองกับผู้เล่นคนอื่นๆ ตามเวลาจริงนั่นเอง โดยในแต่ละครั้งที่เราชนะ PVP เราก็จะมีโอกาสได้เปิดล็อคเกอร์เพื่อสะสมไอเท็ม และเหรียญ PVP โดยเหรียญดังกล่าวนั้นสามารถนำไปแลกเป็นการ์ดและสิ่งต่างๆ ในบ้านของ Butter ได้นั่นเอง
ระบบ Shop
เป็นอีกหนึ่งที่ ที่ไม่ควรพลาดที่จะแวะเวียนไปเข้าชมบ่อยๆ เพราะนอกจากจะมีการ์ดและของอัพเกรดขายแล้ว เราจะยังสามารถลุ้นรับซองการ์ดฟรีด้วยนะ! ซึ่งการ์ดฟรีนี้จะทำการรีทุก 4 ชั่วโมง เราสามารถเข้ามากดรับได้ตลอดด้วย นอกจากการ์ดฟรีแล้ว Cartman จะขายการ์ดแบบสุ่มโดยจะเป็นได้ทั้งไอเท็ม เงินแคช หรือแม้กระทั่งการ์ดแรร์ ซึ่งเมื่อครบเวลาที่กำหนด Cartman ก็จะนำการ์ดใหม่มาสุ่มขายเช่นกัน
ระบบ Deck Builder
หรือ Home Base จะเป็นสถานที่ที่เราสามารถจัดการและเรียงเด็คของเรา และอัพเกรดการ์ดในเด็คของเราได้ ซึ่งแต่ละการ์ดนั้นก็จะมีธีมต่างกันไป และแต่ละธีมก็จะมีสิ่งที่ใช้อัพเกรดไม่เหมือนกันเช่นกัน ซึ่งเมื่อเราอัพเกรดการ์ดไปได้ถึงเลเวลที่กำหนดแล้ว จะไม่สามารถอัพเกรดต่อได้จนกว่าเราจะสามารถหาการ์ดใบเดียวกันมาเพื่อปลดล็อคเลเวลเพื่ออัพเกรดต่อไป
โดยสรุป แล้วถือว่าเป็นเกมที่เล่นเพื่อความสนุกได้พอสมควรเลยสำหรับคอ RTS แต่สำหรับใครที่ไม่ชอบเกมที่ต้องใช้ระยะเวลาในการเล่นนานๆ หรือต้องจดจ่อกับตัวเกมล่ะก็อาจจะเบื่อกับระบบการเล่นได้ง่ายเช่นกัน และอีกข้อเสียสำคัญเลยสำหรับสาย PVP นั้นถ้าหากเน็ตไม่ดีแล้วหลุดล่ะก็เรียกได้ว่าซวยเลยทีเดียว เพราะถ้าหากเกิดฝั่งใดฝั่งนึงหลุดไปเกมก็จะยังดำเนินต่อ โดยตัวละครจะยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไรอีกต่างหาก แต่โดยรวมแล้วถ้าเกิดเป็นสายคอเกม RTS แล้วล่ะก็ เกมนี้เองก็เป็นอีกทางเลือกฆ่าเวลาชั้นดีเลยล่ะ